ตอนที่ 520 หยกไขกระดูก โดย Ink Stone_Fantasy
“ท่านอา ท่านอย่าฟังคำเหลวไหลของคนพวกนี้เลย ขนาดของก้อนวัตถุดิบนี่ใหญ่ขนาดนี้ เนื้อหยกที่อยู่ภายในต้องมีไม่น้อยแน่นอน ผมว่า…ท่านตัดลงไปอีกทีเถอะ”
เมื่อเห็นเยี่ยเทียนขมวดคิ้วนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา หลิ่วซีกั๋วจึงร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อย เขาเคยร่วมงานพนันหินอยู่บ่อยครั้ง รู้ว่าคนเหล่านี้ล้วนอยากฉวยโอกาสตอนนี้ที่หินดิบยังไม่ได้ถูกผ่าออกจนหมด เพื่อคว้ากำไรก้อนใหญ่เท่านั้น
แน่นอนว่า พวกเขาเองก็มีความเป็นไปได้ว่าจะสูญเงินจากการเดิมพัน ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่าเป็นการพนันหินหรือ ในวงการนี้กำไรมีสัดส่วนเท่ากับความเสี่ยงตลอดมา
“คุณคิดว่าผมจะขายหรือ?” เยี่ยเทียนได้ยินแล้วยิ้มออกมา ขับพลังชี่แท้ออกมาเสี้ยวหนึ่ง ร้องว่า “พวกคุณถอยไป ผมยังต้องผ่าหินต่อนะ…”
เสียงตะโกนที่แฝงด้วยพลังชี่แท้ของเยี่ยเทียน พลันกระตุ้นสมองของผู้คนที่แย่งกันเปิดราคาอยู่ข้างตัวโดยรอบให้ได้สติขึ้นมาทันที อุตส่าห์วุ่นวายอยู่ตรงนี้มาตั้งเนิ่นนาน อีกคนกลับไม่มีความคิดจะขายบ้างเลยหรือ?
“น้องชาย ถ้าหากยังผ่าต่อไปอีกล่ะก็ เกิดแตกขึ้นมาจะไม่เหลือค่าอะไรเลยนะ”
“นั่นสิ ตัวอย่างแบบนี้พวกเราเห็นมาตั้งเยอะแล้ว ฉวยโอกาสบวกราคาตอนนี้ถึงจะเป็นวิถีแห่งราชา!”
“ใช่แล้ว เธอซื้อมาแค่สามร้อยกว่าดอลลาร์สหรัฐเอง จ่ายให้ยี่สิบล้านหยวนจะยอมยกให้ฉันไหม?”
แม้เยี่ยเทียนบอกว่าจะผ่าหินต่อ แต่ก็ยังมีผู้คนมากมายไม่พอใจ บ้างก็พยายามโน้มน้าวสารพัด บ้างก็ออกปากข่มขู่ อย่างไรก็ตามวิธีการนับไม่ถ้วนแบบนี้ เป้าหมายของมันก็ไม่นอกเหนือไปจากต้องการให้เยี่ยเทียนปล่อยมือจากหยกพม่าชิ้นนี้
ไม่มีใครหรอกที่โง่ ความล้ำค่าของหยกแดงชั้นสูงนั้นสูสีพอๆ กับหยกจักรพรรดิ ขอเพียงขุดออกมาสักหนึ่งกำปั้นจากหินดิบหนึ่งร้อยชั่งก้อนนี้ ต่อให้มีราคาสูงถึงยี่สิบล้าน พวกเขาก็ยังได้กำไรไม่มีขาดทุน
“ผมว่า…พวกคุณนี่น่ารำคาญจัง?”
เยี่ยเทียนขมวดคิ้วผลักคนที่อยู่ข้างหน้าออก กล่าวว่า “เมื่อครู่ไม่ได้เชียร์ให้ผมพนันขาดทุนกันหรือไง? ทำไมคราวนี้ถึงได้ตื่นเต้นกันล่ะ พอแล้ว ถอยไปให้หมด ผมจะผ่าหินแล้ว!”
เมื่อเห็นเยี่ยเทียนเริ่มจะข่มอารมณ์ไม่อยู่ ผู้คนที่เดิมทีโอบล้อมอยู่ข้างเครื่องตัดหินเองจึงได้แต่ถอยออกไปอย่างหงุดหงิด ไม่ว่าเยี่ยเทียนจะซื้อหินก้อนนี้มาในราคาถูกแค่ไหน สิทธิ์ในของชิ้นนี้ก็เป็นของเยี่ยเทียนโดยไม่ต้องสงสัย ต่อให้พวกเขาตาร้อนอย่างไรก็ไม่มีสิทธิ์ประเมินการตัดสินใจของเยี่ยเทียน
“ให้ตายเถอะ ผ่าหยกออกมาให้เสร็จเร็วๆ จะได้ไปกันเสียที!”
เยี่ยเทียนไม่ใช่คนชอบหาเรื่องใส่ตัวหรือเป็นจุดเด่น เวลานี้ถูกผู้คนจับตามองก็ออกจะหงุดหงิดแล้ว มองดูหินดิบก้อนนี้เปลี่ยนร่างอย่างฟ้าถล่มดินทลายภายในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงสิบกว่านาที จึงรู้สึกหวั่นไหวขึ้นภายในใจเล็กน้อย
ถึงอย่างไรตัวเองก็ต้องการหยกพม่าที่อยู่ภายในหินดิบก้อนนี้ เพื่อไปใช้วางค่ายกลรวบรวมวิญญาณเท่านั้น อีกทั้งยังต้องไปขัดเกลาสักรอบ นำมันไปสร้างงานฝีมือเครื่องประดับจี้หยกและกองทัพหุ่นแกะสลักต่างๆ และหยกพม่าภายในหินจะสมบูรณ์หรือไม่ เยี่ยเทียนกลับไม่ได้นึกใส่ใจอะไรนัก
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เยี่ยเทียนก็ไม่ใช้พลังวิญญาณสัมผัสสภาพหินหยกภายในหินดิบอีกต่อไป ตรงไปจับหินดิบขนาดยักษ์ชิ้นนั้นขยับสักหน่อย วางส่วนกลางของมันลงแนวสูงของใบมีดตัดหิน ด้วยคิดจะตัดลงมาตรงกลาง แล้วหลังจากนั้นค่อยแกะหินหยกพม่าออกมาจากทั้งสองฝั่ง
“ท่านอา ท่าน….ท่านจะทำอะไรครับ?”
หลังจากเห็นท่าทีของเยี่ยเทียนแล้ว หลิ่วซีกั๋วก็เอ่ยถามขึ้นก่อนด้วยความสงสัย ล้อเล่นหรือเปล่า? อุตส่าห์หาหยกแดงออกมาได้แล้ว และวิธีที่ดีที่สุดก็คือใช้เครื่องขัดค่อยๆ แซะเอาผลึกเนื้อหมอกและผิวหินรอบด้านออกไป เพื่อคงความสมบูรณ์ของหยกภายในหินให้ได้มากที่สุด
แต่ถ้าหากเยี่ยเทียนกลับใช้มีดผ่าสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้ เกรงว่าต่อให้เป็นหยกพม่าชั้นดีสักแค่ไหนก็จะถูกเขาผ่าทำลายมูลค่าของมันลดลงอย่างมหาศาล ที่สำคัญ หยกพม่าชั้นดีแกะสลักเป็นของตกแต่งบ้านหนึ่งชิ้น มูลค่าของมันไม่อาจเอาไปเทียบกับพวกกำไลหยกหรือเครื่องประดับบนตัวพวกนั้นได้เลย
“เจ้าหนู การผ่าหินไม่ได้ผ่าแบบนี้ หินที่พนันได้กำไรจะต้องขัดช้าๆ ถ้าหากเธอไม่รังเกียจ ผู้เฒ่าอย่างฉันช่วยเธอแกะสักด้านเป็นอย่างไร?”
ถังเหล่าเห็นการตัดสินใจของเยี่ยเทียนแล้ว จึงออกปากเตือนขึ้นมาเช่นกัน เขาเทิดทูนหยกพม่ามาตลอดทั้งชีวิต จึงไม่อาจทนเห็นวัตถุดิบดีๆ ชิ้นนี้ถูกเยี่ยเทียนผ่าทิ้งเสียเปล่า ในสายตาของท่านผู้เฒ่า นี่เป็นการดูหมิ่นวัฒนธรรมหินหยกอย่างหนึ่ง
แต่ด้วยกำลังวังชาของถังเหล่า อย่างมากก็สามารถแซะออกมาได้แค่ด้านเดียว อย่างหินดิบก้อนใหญ่ขนาดนี้ที่ปรากฏให้เห็นหยกพม่าคุณภาพดีอยู่ภายใน ต่อให้แกะสักสิบวันหรือครึ่งเดือนยังถือเป็นเรื่องปกติ กระทั่งหลิ่วซีกั๋วยังวางแผนเช่ารถขนส่งหินดิบก้อนนี้ขึ้นเครื่องบินกลับไปยังเกาะฮ่องกงแล้ว
“ไม่จำเป็นครับ ผมซื้อหินก้อนนี้เดิมทีก็เพื่อมาผ่าเล่น ตอนนี้ผ่าได้กำไรแล้ว ก็แค่ตัดอีกหนึ่งที ถึงยังไงขายสักสามร้อยกว่าดอลลาร์สหรัฐก็คงไม่มีปัญหาใช่ไหมครับ?”
เมื่อได้ยินคำพูดและสีหน้าที่จริงใจของถังเหล่า เยี่ยเทียนจึงอดยิ้มออกมาไม่ได้ เป้าหมายที่เขามาร่วมงานประมูลก็คือเพื่อหาหินหยกที่เหมาะสมมาเป็นตัวนำในค่ายกล กระทั่งมูลค่าของหินหยก เดิมทีเยี่ยเทียนเองก็ไม่ได้นึกถึง
“งั้นก็ได้ ตามใจนายแล้วกัน…” ถังเหล่าส่ายหน้า รู้สึกเสียดายในใจ แต่ว่ามันเป็นของเยี่ยเทียน อย่าว่าแต่เขาบอกจะหั่นกลางครึ่งหนึ่งเลย ต่อให้ผ่าหินดิบชิ้นนี้เป็นแปดเสี่ยง ก็ไม่ใช่เรื่องของคนแถวนี้
“เจ้าหนุ่มคนนี้บ้าไปแล้วหรือ? ทิ้งเงินไม่ยอมเอากำไร แล้วยังจะตัดลงไปอีก?”
“ตัดลงไปอีกทีก็ไม่เท่าไรหรอก แต่คุณดูตำแหน่งที่เขาจะตัดสิ ผ่าจากตรงกลาง นั่นจะไม่พังหมดเหรอ? ต่อให้เป็นหยกดีแค่ไหนก็ถูกเขาทำลายเสียหมด”
ผู้คนที่เดิมทีสงบลงแล้ว เห็นเยี่ยเทียนยืนกรานจะตัดลงอีกครั้ง ก็สงสัยในสติปัญญาของเยี่ยเทียนขึ้นมาอีก หรือเพราะมีเนื้อเพลงเพลงหนึ่งร้องว่า “สวรรค์ชอบเด็กโง่” ไม่ใช่เหรอ? หรือเด็กหนุ่มคนนี้จะปัญญาอ่อนตั้งแต่เกิดจึงได้เลือกก้อนหินดิบที่แม้แต่หมายังเมิน ?
เยี่ยเทียนไม่สนใจเสียงเย้ยหยันและคำโน้มน้าวของผู้คน หลังจากวางหินดิบและรัดมันมั่นคงแล้ว ก็ยื่นมือไปเปิดสวิตช์เครื่องผ่าหิน
เวลานี้ท้องฟ้าแทบจะเป็นสีเหลืองส้ม อาทิตย์อัสดงทางทิศตะวันตกแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงสด ส่องกระทบบนฟันเลื่อยที่หมุนวนอาบทาเป็นสีทองทั้งแผ่น แสบตาผู้คนจนอดหรี่ตาลงไม่ได้ ในขณะเดียวกัน ในหูของพวกเขาก็ได้ยินเสียงเหล็กและหินกระทบเสียดสีกัน
ผู้คนทั้งหลายต่างเบิ่งตาโตราวกับไม่ห่วงแสงสว่างจะทำให้ตาพร่า จดจ้องมือขวาของเยี่ยเทียนไม่วางตา พวกเขาอยากรู้ว่าภายในหินดิบก้อนนี้กักเก็บหยกพม่าไว้มากน้อยเพียงใด และการกระทำอันโง่เขลานี้ของเยี่ยเทียนจะทำให้เขาสูญเสียมากขึ้นอีกแค่ไหน?
รัศมีของฟันเลื่อยไม่กว้างพอจะผ่าหินดิบก้อนนี้ออกเป็นสองส่วน ขณะที่ฟันเลื่อยตัดลงไปจนถึงตำแหน่งตลับลูกปืน เยี่ยเทียนก็หยุดมือลง ดึงเอาฟันเลื่อยที่ฝังลึกลงไปในหินดิบออกมา
คราวนี้เยี่ยเทียนไม่เห็นแก่หน้าพวกพ่อค้าหินดิบและพ่อค้าอัญมณี กันตัวพวกเขาออกไปอยู่ด้านนอก ร้องเรียกหลิ่วซีกั๋วและอีกสองสามคนให้หมุนหินทั้งก้อนเข้ามา เขาเตรียมตัวจะผ่าจากด้านล่างอีกครั้ง เพื่อแยกหินดิบก้อนนี้ออกจากกันนั่นเอง
ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่ไม่เข้าใจ ทั้งสงสัยและโกรธเกรี้ยวแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เสียงเครื่องผ่าหินก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง นอกจากเสียง “แกรกๆ” ที่ผ่าเข้าไปภายในก้อนหิน ทุกอย่างภายในลานก็เงียบสงบ ทุกคนล้วนกลั้นลมหายใจ รอคอยผลลัพธ์สุดท้าย
ท่วงท่าการผ่าหินของเยี่ยเทียนไม่ต้องพูดถึงความสุนทรีย์แม้แต่น้อย เขาเหมือนกับพ่อค้าเนื้อที่ถือมีดแล่หมู ขณะทำการผ่าหินดิบก้อนนี้อย่างลวกๆ ระหว่างนั้นถึงขั้นปฏิเสธท่าทีที่คนอื่นจะใช้น้ำฉีดลดอุณหภูมิของฟันเลื่อย เพื่อจะผ่าหินดิบทั้งก้อนให้เป็นสองเสี่ยงในคราวเดียว
ส่วนเรื่องการควบคุมรายละเอียด คนที่สามารถเทียบเท่าเยี่ยเทียนมีจำนวนนับนิ้วได้ แม้จะเป็นการผ่าลงไปจากด้านที่แตกต่างกัน แต่ปลายทั้งสองด้านก็มาบรรจบกันอย่างไร้ที่ติ ราวกับตัดลงไปเพียงครั้งเดียว ไม่มีรอยเบี่ยงเบนเลยแม้แต่น้อย
เพียงแต่ว่าหินดิบก้อนนี้มีขนาดใหญ่ จึงไม่เหมือนกับเวลาคนอื่นผ่าหินเสร็จแล้วที่ครึ่งเล็กกว่าจะตกลงบนพื้นเอง ทว่ายังคงอยู่นิ่งบนเครื่องตัดหินทั้งก้อนอย่างมั่นคงราวกับภูเขาไท่ซาน เหล่าผู้ชมที่ร้อนรนนั้นต่างหยิบไฟฉายขึ้นมาเล็งหินที่ถูกผ่า เพื่ออยากเห็นสภาพภายในอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก
“ถอยไปข้างหลังให้หมดครับ ไม่อย่างนั้นผมจะแจ้งทหารว่าพวกคุณจะขโมย!”
เยี่ยเทียนตวาดขึ้นเสียงหนึ่ง ยับยั้งเหล่าผู้ชมสองสามคนที่กรูกันเข้ามา หันหน้าไปทางถังเหล่าแล้วพูดว่า “รบกวนถังเหล่าช่วยดูหน่อยครับ ว่านี่คือหยกพม่าชนิดไหนกันแน่?”
ขณะที่พูด เยี่ยเทียนก็ออกแรงดันครึ่งหนึ่งของหินดิบลงจากเครื่องผ่าหิน ผิวตัดที่เรียบลื่นและเกลี้ยงเกลานั้น พลันปรากฏต่อสายตาของผู้คนที่อยู่ฝั่งซ้ายของเยี่ยเทียน
ดวงอาทิตย์อัสดงส่องแสงกระทบลงยังผิวหิน รัศมีสีแดงพลันส่องประกาย ราวกับสระน้ำใสสะอาด สะท้อนแสงพระอาทิตย์ยามเย็นบนฟากฟ้าออกมา ลำแสงที่ส่องประกายนั้นสะกดผู้คนให้ตกตะลึง
“สวย สวยมาก!”
“นี่…นี่มันหยกแดงชั้นสูงนี่นา!”
“สวรรค์ ชิ้นใหญ่ขนาดนี้ มีมูลค่าเท่าไรกันนะ?”
ผ่านไปหนึ่งนาทีเต็มกว่าๆ ท่ามกลางฝูงชนถึงได้มีเสียงเค้นคำรามต่ำดังออกมา กระทั่ง “ราชาหยกพม่า” ผู้ผ่านประสบการณ์มามากมายก็ไม่เว้น จดจ้องตะลึงงันบนผิวหินนั่น โดยที่เท้าไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย
เวลานี้ไม่มีใครพูดว่าเยี่ยเทียนผ่าหินจนเสียของอีกต่อไป เพราะต่อให้เยี่ยเทียนผ่าเสียของ ก็ยังได้มูลค่าระหว่างเก้าสิบล้านถึงร้อยล้านแล้ว และสูญเสียหยกพม่านั่นเพียงเล็กน้อย หากเทียบกับเนื้อหยกที่ขุดออกมาได้อย่างน้อยร้อยชั่งจึงนับว่าไม่ต้องพูดถึง
“ถังเหล่า คุณดูหน่อยสิครับ คุณภาพของหยกแดงนี่เป็นอย่างไรบ้าง? ทำไมผมถึงรู้สึกว่าระดับสีตรงนี้กับความโปร่งใสควรจะชัดเจนกว่านี้หน่อย?”
ต้องบอกว่าสถานที่ในตอนนี้มีคนที่ยังสามารถสงบสติอารมณ์ได้ ก็คือเยี่ยเทียนคนเดียวเท่านั้น ผลลัพธ์ของหยกแดงภายในหินอยู่ในความคาดหมายของเขานานแล้ว ตอนนี้เยี่ยเทียนเพียงต้องการรู้ให้ชัด ว่าคุณภาพของหยกแดงเหล่านี้เป็นอย่างไร
คุณภาพของหินหยก ตัดสินได้โดยตรงที่ปริมาณและระดับเข้มข้นในการบรรจุพลังวิญญาณฟ้าดิน ภายใต้การสัมผัสด้วยพลังวิญญาณของเยี่ยเทียน เขาสัมผัสว่าภายในหยกพม่าครึ่งนี้ที่อยู่บนเครื่องผ่าหิน ดูเหมือนจะปลดปล่อยพลังวิญญาณได้เข้มข้นสูงสุดกว่าหยกพม่าขนาดใหญ่เท่ากำปั้นเล็กน้อย
“สีแดงสด ระดับความโปร่งใสดี ผลึกเรียบลื่นชุ่มฉ่ำเท่ากัน หกสิบเปอร์เซ็นต์อาจเป็นถึงระดับ “หยกแดงหงอนไก่ เอ่อ หรือ…หรือนี่คือหยกไขกระดูก?”
ถังเหล่าใส่แว่นตาผู้สูงอายุถือไฟฉายตรวจดูอยู่สักพัก สายตาของเขาก็สังเกตเห็นตรงจุดที่เยี่ยเทียนชี้ จึงนิ่งงันไปสักครู่ก่อน จากนั้นน้ำเสียงจึงแปรเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นขึ้นมา
…………………