เฉินโม่เหลือบมองพวกเขาสองคน แล้วกล่าวเบา ๆ “เป็นแค่งานแลกเปลี่ยน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็เลยไม่ได้บอกพวกนาย”
เมื่อได้ยินเฉินโม่ยอมรับด้วยตนเอง ถานชิวเซิงหัวเราะเสียงดังทันที แล้วมองจางจื่อเจี้ยนและผู้ชายที่เยาะเย้ยเฉินโม่เมื่อสักครู่ กล่าวด้วยความลำพองใจ “นักเรียนบางคนพูดถูก ทองคำไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็เปล่งประกาย ถึงแม้จะเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยชั้นสองอย่างมหาวิทยาลัยหัวหนาน ก็สามารถพลิกกระแสและบดขยี้นักศึกษาของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงได้”
สีหน้าของจางจื่อเจี้ยนแย่มาก เขาพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา แล้วหันหน้าไปทางอื่น เขาไม่เคยคิดฝันว่านักศึกษาที่เขาพูดเรื่อยเปื่อย จะเป็นเฉินโม่
เดิมทีเขาต้องการใช้นักศึกษาคนนั้นโจมตีเฉินโม่ แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะแกว่งเท้าหาเสี้ยนเอง ตอนนี้จางจื่อเจี้ยนรู้สึกเสียใจมาก
หลายคนที่อยู่ที่นี่เป็นนักศึกษาเหมือนกัน ดังนั้นพวกเขาจึงเคยได้ยินเกี่ยวกับงานแลกเปลี่ยนที่จัดขึ้นเป็นเวลาครึ่งปี และพวกเขาก็อยากรู้จักนักศึกษาคนนั้น ที่สามารถทำให้อาจารย์อาวุโสอย่างหยางจื่อหนิงกล่าวชื่นชมได้
พวกเขาไม่เคยมีโอกาสได้พบ แต่นึกไม่ถึงว่านักศึกษาปีหนึ่งที่พวกเขายกย่องให้เป็นไอดอล คือเฉินโม่เพื่อนนักเรียนสมัยมัธยมต้นของพวกเขา!
ตอนนี้ เพื่อนนักเรียนหลายคนถามโน่นถามนี่กับเฉินโม่ และเฉินโม่ก็กลายเป็นจุดสนใจของทุกคน
จางจื่อเจี้ยนและคนอื่น ๆ โกรธจนหน้าแดงก่ำ มองเฉินโม่ที่ถูกเพื่อนนักเรียนรายล้อมด้วยความโกรธแค้น
ขณะนี้ ประตูห้องถูกเปิดออก หูหยางหยู่เดินเข้ามาพร้อมกับชายผมหงอกคนหนึ่ง
นักเรียนคนหนึ่งอุทานด้วยความประหลาดใจว่า “อาจารย์หยาง!”
“เป็นอาจารย์หยางจริง ๆ ด้วย อาจารย์มาที่นี่ได้ยังไง!” นักเรียนกลุ่มหนึ่งยืนขึ้นทีละคน แล้วดึงอาจารย์หยางไปนั่งด้วยความอบอุ่น
คนมากมายเป็นแบบนี้ ตอนที่พวกเขาอยู่ภายใต้ความเข้มงวดของอาจารย์ พวกเขาจะแอบด่าอาจารย์อยู่ในใจ แล้วตั้งฉายาต่าง ๆ ให้อาจารย์อีกด้วย
แต่หลังจากพวกเขาเรียนจบแล้ว และเริ่มเข้าสู่สังคม พวกเขาถึงได้ตระหนักว่า การที่ได้พบเจออาจารย์ที่เข้มงวดนั้นมันโชคดีแค่ไหน
ตอนนี้ พวกเขาถึงได้รู้สึกขอบคุณอาจารย์ของตนเอง เหมือนกับพวกนักเรียนอย่างเฉินโม่ในตอนนี้
นักเรียนที่สอบเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง จะขอบคุณอาจารย์ที่อบรมสั่งสอนตนเองอย่างเข้มงวด ส่วนนักเรียนที่สอบเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยที่ไม่ค่อยดี จะเข้าใจความอุตสาหะของอาจารย์ในตอนนั้น และเสียใจที่พวกเขาไม่เชื่อฟังคำพูดของอาจารย์และไม่ตั้งใจเรียน
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม นักเรียนก็ได้รู้บุญคุณของอาจารย์ของตนเองแล้ว เช่นเดียวกับพวกเขาในตอนนี้
อาจารย์หยางรู้สึกตื่นเต้นมาก ที่ได้เห็นนักเรียนมากมายที่เขาเคยอบรมสั่งสอน และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เดี๋ยวก่อน พวกคุณหยุดพูดก่อน อาจารย์จะดูว่าสามารถเรียกชื่อพวกคุณถูกไหม?”
นักเรียนทุกคนมองอาจารย์หยางด้วยรอยยิ้ม พวกเขาอยากรู้เหมือนกันว่าหลังจากผ่านไปหลายปีแล้ว อาจารย์ยังสามารถจำชื่อของนักเรียนเลวของตนเองได้ไหม
อาจารย์หยางสอนหนังสือมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว มันเป็นเรื่องยากที่จะให้เขาจำชื่อนักเรียนทุกรุ่นได้ ถ้าเขาสามารถจำได้ นั่นหมายความว่านักเรียนคนนั้นมีสถานะที่ไม่ธรรมดาสำหรับอาจารย์
อาจารย์หยางชี้ผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ แล้วกล่าวว่า “คุณคือจ้าวไค!”
ผู้ชายคนนั้นตะโกนด้วยความตื่นเต้น “อาจารย์หยาง อาจารย์ยังจำผมได้!”
“จำได้แน่นอน ตอนนั้นคุณมักจะเหม่อลอยในห้องเรียนบ่อย ๆ และแอบขุดรูเล็ก ๆ บนโต๊ะ แล้วยังอ่านนิยายในห้องเรียนอีกด้วย อาจารย์ยังยึดไปสองเล่ม? คุณด่าลับหลังอาจารย์ไปไม่น้อย?” อาจารย์หยางหัวเราะและกล่าว
จ้าวไคหน้าแดง เกาหัวและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นั่นเป็นเพราะเมื่อก่อนผมไม่รู้ความ ถ้าผมเชื่อฟังคำสั่งสอนของอาจารย์ตั้งแต่แรก ตอนนี้ผมคงสอบเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงไปแล้ว”
“ฮ่า ๆ คนเสเพลกลับตัวใหม่ แม้แต่ทองคำก็ไม่อาจจะแลกได้ ตอนนี้เข้าใจ มันยังไม่สายเกินไป ถ้าเข้าสู่สังคมจริง ๆ ตอนนั้นเสียใจมันก็สายเกินไปแล้ว” อาจารย์หยางพูดปลอบด้วยรอยยิ้ม
“อาจารย์หยาง อาจารย์มองหน้าหนูสิ หนูชื่ออะไร?” ผู้หญิงคนหนึ่งชี้หน้าตนเอง มองอาจารย์หยางด้วยความคาดหวัง แล้วเอ่ยถาม
อาจารย์หยางแกล้งทำเป็นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “คนแก่แล้ว ความจำไม่ค่อยดี อาจารย์ลืมชื่อคุณไปแล้ว”