มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 739
“ฮึ่ม เจ้ายุทธจักรสองคนจากเผ่าหงส์ของข้าเสียชีวิตไปเปล่าๆอย่างนั้นหรือ?” เจ้ายุทธจักรหงส์ยังคงจองหอง แต่ไม่ได้โจมตีต่อไป

เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเจ้ายุทธจักรเหมือนกัน ความแข็งแกร่งก็มีสูงและต่ำ

ในบรรดาสิบอันดับฉายาเจ้ายุทธจักร เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวยู่ในอันดับที่สี่และเจ้ายุทธจักรหงส์อยู่ในอันดับที่หก

บางทีทั้งสองฝ่ายอาจจะไม่สามารถบอกผู้ชนะได้ในเวลาอันสั้น แต่ถ้าพวกเขาต่อสู้จริงๆ คนที่น่าจะแพ้มากที่สุดก็คือเจ้ายุทธจักรหงส์แน่นอน

“เจ้าต้องการอะไรถึงจะหยุด?” เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวขมวดคิ้ว

“จะให้ข้าหยุดก็ได้ เว้นแต่หลัวซิวจะชนะเทพบุตรเผ่าหงส์ด้านแดนแห่งกฎ ” เจ้ายุทธจักรหงส์กล่าวอย่างกะทันหัน

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สายตาของเจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวก็หรี่ลง เขารู้ว่าเทพบุตรของเผ่าหงส์ล้วนเป็นอัจฉริยะที่ปลุกสายเลือดเทพหงส์ให้ตื่นขึ้นมาได้ มีความผูกพันสูงพลังแห่งกฎเพลิงอัคคีโดยกำเนิด

“ถ้าหลัวซิวสามารถเอาชนะเทพบุตรของเผ่าหงส์ได้ เรื่องที่เขาฆ่าเจ้ายุทธจักรสองคนของเผ่าข้าก็จะผ่านไป แต่ถ้าเขาแพ้ เขาจะต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่!” เสียงของเจ้ายุทธจักรหงส์นั้นเย็นชา แต่กลับหัวเราะออกมา ให้รู้สึกขัดแย้งกัน

หากพูดแล้ว จุดประสงค์ของเจ้ายุทธจักรหงส์ยังคงที่จะฆ่าหลัวซิว เพราะอาจมีอัจฉริยะในรุ่นเยาว์ที่แข็งแรงกว่าเทพบุตรเผ่าหงส์ แต่ในด้านของแดนแห่งกฎมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเทียบได้

แม้แต่ซิงหลิงผู้ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นอัจฉริยะที่หายากในหนึ่งหมื่นปีไม่มีใครเทียบได้ เข้าใจพลังแห่งกฎสี่อย่าง แต่ในแดนแห่งกฎ ยังไม่ถึงแดนเบื้องต้น

แต่เทพบุตรของเผ่าหงส์ ได้ฝึกฝนพลังแห่งกฎเพลิงอัคคีถึงแดนเบื้องต้นเมื่อปีที่แล้ว โดยทั่วไป ผู้ที่สามารถครอบครองแดนแห่งกฎดังกล่าวได้ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้แข็งแกร่งเจ้ายุทธจักรขั้นกลาง

“ตกลง ข้าตกลง!” เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวเลิกคิ้วขมวด มีรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา

เพราะเขารู้ว่าหลัวซิวชนะที่หนึ่งในแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นล่าง และผลการฝึกตนของหลัวซิวนั้นไม่สูง ซึ่งหมายความว่าแดนแห่งกฎของเขาต้องสูงมาก

และแม้ว่าหลัวซิวจะแพ้ให้กับเทพบุตรเผ่าหงส์ในการแข่งขันของแดนแห่งกฎ เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวก็ตัดสินใจจะช่วยชีวิตของหลัวซิว

สำหรับเผ่าหงส์จะเอะอะโวยวายเช่นไร แน่นอนว่าจะต้องมีผู้ใหญ่ในเมืองศักดิ์สิทธิ์จะมาแก้ปัญหาด้วยตนเอง

บุคคลที่สามไม่ได้ยินการสนทนาระหว่างเจ้ายุทธจักรสองคน แต่ทุกคนบนเรือรบทั้งสองลำ สังเกตเห็นว่าผู้ใหญ่สองคนไม่ได้ต่อสู้กันอัก ต่างก็โล่งอก

เพราะหากทั้งสองผู้นี้เกิดอะไรขึ้น ซึ่งไม่เป็นผลดีสำหรับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเลย

เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวกลับไปที่เรือรบ และส่งเสียงผ่านด้วยตัวสำนึก เขาได้บอกเงื่อนไขที่เขาและเจ้ายุทธจักรหงส์ได้ทำกันออกมา

“เทพบุตรเผ่าหงส์ต้องการแข่งแดนแห่งกฎกับข้า?”

หลังจากที่หลัวซิวฟังเสร็จ สีหน้าของเขาก็อึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็แสดงรอยยิ้มออกมา “ในเมื่อเขาต้องการแข่งขัน ข้าจะเปรียบเทียบกับเขา”

“เจ้ามั่นใจกี่ส่วน?”เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวถามด้วยรอยยิ้ม

เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวเดิมทีคิดว่าหลัวซิวจะลังเลนิดหนึ่ง แต่เขาคาดไม่ถึงว่าหลัวซิวจะพูดออกมาโดยไม่ลังเลเลย”สิบส่วน!”

ขณะพูด หลัวซิวได้ก้าวขึ้นไปในอากาศแล้วเดินขึ้นไปกลางอากาศระหว่างเรือรบทั้งสองลำ

บนเรือรบเทพหงส์ฝั่งตรงข้าม เทพบุตรเผ่าหงส์ปกคลุมไปด้วยเพลิงอัคคีทั่วร่าง เดินมาอย่างลึกลับ

“เจ้าคือหลัวซิว?” เทพบุตรเผ่าหงส์เงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าของเขาดูเบลอ แต่ดวงตาของเขาเย็นชา จ้องมองไปที่หลัวซิว

“สายเลือดเทพหงส์ถูกกำหนดให้หลอมรวมกับข้า ดังนั้นวันนี้เจ้าต้องตาย” เสียงของเทพบุตรเผ่าหงส์นั้นเย็นเฉียบย่างยิ่ง

“เจ้าหมายความว่ายังไง?” หลัวซิวหรี่ตาลง