ภาคที่ 35 มหาเคารพหิมะเหิน ตอนที่ 39 เป็นตงป๋อเสวี่ยอิง!

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

จอมกระบี่ยืนอยู่กลางท้องฟ้าอันเวิ้งว้างของโลกทิพย์กิเลนบูรพา การสัมผัสรับรู้ปกคลุมทั่วทั้งโลกทิพย์

“น่าเสียดาย เส้นทางที่ข้าบำเพ็ญคือวิถีทำลายล้าง หากเป็นวิถีระลอกคลื่นหรือวิถีอากาศที่เชี่ยวชาญทางด้านบริเวณ ข้าก็สามารถสำแดงบริเวณปกคลุมทั้งอากาศอันสับสนอลหม่าน และทำให้จักรพรรดิจวินผู้นั้นมิอาจหลบหนีไปทั่วได้แล้ว” จอมกระบี่ลอบรู้สึกจนใจ เขาฝึกวิถีทำลายล้าง จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ฝึกวิถีอสนีบาต เจ้าศิลาเป็นพวกฝึกกาย ไม่มีสักคนที่เชี่ยวชาญทางด้านบริเวณ

ตามปกติแล้วพวกเขาก็สามารถสัมผัสรับรู้ความเคลื่อนไหวทั่วทั้งอากาศอันสับสนอลหม่านได้

หากเป็นการสะกดรอย ก็สามารถสะกดรอยเทพจักรวาลได้แทบจะทั้งหมด!

แต่ว่า ‘ขั้นสุดยอด’ นั้นครบสมบูรณ์อย่างแท้จริง หากเก็บงำกลิ่นอายวิญญาณจนหมดก็มิอาจสะกดรอยได้เลย! แม้จอมกระบี่ จอมเทพศักดิ์สิทธิ์และเจ้าศิลาล้วนสามารถสัมผัสรับรู้ทั้งอากาศอันสับสนอลหม่านได้ แต่กลับมิอาจสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของจักรพรรดิจวินเลย นอกเสียจากจักรพรรดิจวินจะเป็นฝ่ายปะทุพลังออกมาเอง! แต่หากเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญกระบวนท่าทางด้านบริเวณ บริเวณสามารถปกคลุมทั้งโลกกำเนิดอันกว้างใหญ่ไพศาลได้ เช่นนั้น ก็สามารถสอดส่องดูสิ่งมีชีวิตทั้งหมดทั่วทั้งบริเวณได้

ความเคลื่อนไหวทั้งหมดของจักรพรรดิจวิน

ไม่ว่าจะเป็น ‘การเปลี่ยนแปลง’ ‘เก็บงำกลิ่นอาย’ ‘บินเคลื่อนที่’ ‘เคลื่อนที่ในพริบตา’ หรือ ‘ทะลุอากาศ’   หากอยู่ภายในบริเวณก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ไม่มีที่ให้หลบหนีได้แล้ว

น่าเสียดาย…ที่พวกเขาล้วนแต่ไม่เชี่ยวชาญทั้งสิ้น!

เขาก็ยังดี อาศัยเคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่งที่ได้รับมา แม้จะไม่เชี่ยวชาญทางด้านบริเวณ แต่บริเวณทำลายล้างที่สำแดงออกมาก็ยังคงสามารถปกคลุมโลกทิพย์แห่งหนึ่งได้ สามารถประจำการโลกทิพย์กิเลนบูรพาได้

แต่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์และเจ้าศิลามิอาจทำได้แม้แต่การสำแดงบริเวณเพื่อปกคลุมโลกทิพย์เสียด้วยซ้ำ!

“ขั้นสุดยอดคนหนึ่ง หากจงใจหลบหนี สิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูก็ยากที่จะฆ่าให้ตายได้ จักรพรรดิจวินผู้นี้หลบหนีและทำลายล้างอย่างไม่หยุดหย่อน…หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ทั้งโลกกำเนิดบ้านเกิดก็ต้องถูกทำลายลงไปเป็นแน่” จอมกระบี่ร้อนใจขึ้นมา แต่กลับคิดวิธีไม่ออก

“จอมกระบี่ ข้าจะช่วยท่านอีกแรงหนึ่งเอง” ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งลอยมา

“เอ๊ะ” จอมกระบี่ที่ยืนอยู่กลางท้องฟ้าของโลกทิพย์กิเลนบูรพาสะดุ้ง “เป็นเสวี่ยอิงหรือ เขาจะช่วยข้า จะช่วยข้าอย่างไรกัน”

……

ฃวิ้ง

กลางท้องฟ้าเหนือโลกทิพย์นิจนิรันดร์ ตงป๋อเสวี่ยอิงปรากฏกายขึ้นพลางมองดูแผ่นดินที่ถูกฉีกทึ้งไกลออกไป เขาส่ายหน้าน้อยๆ

ในโลกจอมมารดา ก็มีตงป๋อเสวี่ยอิงปรากฏขึ้นอีกร่างหนึ่ง แล้วเหลือบมองลงไปยังสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน

ในโลกทิพย์ ก็มีตงป๋อเสวี่ยอิงปรากฏขึ้นอีกร่างหนึ่ง สำหรับสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนที่สวามิภักดิ์ต่อจอมเทพศักดิ์สิทธิ์จากใจ ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้มีความอาฆาตด้วยเลย มีเพียงความสงสารเท่านั้น นี่คือพวกคนที่น่าสงสารกลุ่มหนึ่ง “ใกล้แล้ว พวกเจ้าใกล้จะได้คืนสู่อิสรภาพแล้ว”

บวกกับที่เดิมทีก็มีร่างแยกร่างหนึ่งอยู่ในโลกทิพย์กิเลนบูรพาอยู่แล้ว

ร่างแยกสี่ร่างสำแดงกระบวนท่าทางด้านบริเวณอออกมาพร้อมกัน

“ตู้มมม…”

โลกทิพย์นิจนิรันดร์

‘บรรพชนทิพย์’ และ ‘บรรพชนโลกา’ ผู้นำดั้งเดิมทั้งสองของโลกทิพย์แห่งนี้ต่างก็ร้อนรนใจขึ้นมา

“ทำอย่างไรดี แม้พลังของจอมกระบี่จะเกินกว่าที่จินตนาการไว้ แข็งแกร่งกว่าอาจารย์ของข้าและจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ แม้จะสามารถกดดันมารผลาญทำลายนั่นได้อย่างสิ้นเชิง แต่กลับฆ่าให้ตายมิได้ มารผลาญทำลายขั้นสุดยอดตนนั้นยังคงทำลายล้างต่อไป…หากทำลายล้างอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ไปเรื่อยๆ เกรงว่าสักพันปี ก็เพียงพอจะทำให้ทั้งอากาศอันสับสนอลหม่านเข้าสู่การทำลายล้างครั้งใหญ่แล้ว” บรรพชนโลกากำหมัดแน่น

ไม่ยอมจำนน

หากโลกกำเนิดแตกสลาย พวกเขาก็ต้องตาย! เดิมทีเขาก็ยังคิดจะโจมตีขั้นสุดยอด ตอนนี้โลกกำเนิดกำลังจะถูกทำลายไปต่อหน้าต่อตา เวลาน้อยนิดเท่านี้ เขาไม่มีหวังจะบรรลุได้แล้ว

“ขัดขวางเขาเอาไว้มิได้หรือ ขัดขวางมิได้เลยหรือ” บรรพชนทิพย์ก็เจ็บปวดใจ

เจ้าศิลาส่ายหน้าทอดถอนใจพลางมองดูทุกสิ่ง “หมดกัน ยุคนี้กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว จะแตกสลายครั้งใหญ่แล้ว”

จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่กลางอากาศอย่างเยียบเย็นดุจน้ำแข็ง สีหน้าเย็นชา

มองเห็น ‘จักรพรรดิจวิน’ ผลาญทำลายอยู่ต่อหน้าต่อตา จวนจะได้รับรางวัลใหญ่จากกฎเกณฑ์อันสูงส่ง แต่กลับมิอาจขัดขวางได้ ทำให้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์จิตใจย่ำแย่นัก

ทันใดนั้น…

ระลอกคลื่นอันน่าหวาดหวั่นก็พลันปกคลุมทั่วทั้งโลกทิพย์นิจนิรันดร์ ระลอกคลื่นนี้ ราวกับคลื่นใต้น้ำใต้ห้วงสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลที่โหมซัดและบีบอัดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แม้ดูเหมือนจะค่อนข้างสงบ ต่อให้เป็นต้นไม้ใบหญ้าในโลกทิพย์นิจนิรันดร์ก็มิได้รับผลกระทบแต่อย่างใด แต่พวกจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ เจ้าศิลา บรรพชนโลกาและบรรพชนทิพย์ล้วนสัมผัสได้ว่า นี่คือสาเหตุที่ระลอกคลื่นอันน่าหวาดหวั่นนี้ต้องเก็บงำเอาไว้

ราวกับทะเลใหญ่ที่ยามสงบ ทั้งหมดก็สงบนิ่งมาก

แต่หากปะทุขึ้นมา อานุภาพก็จะน่าหวาดหวั่นขึ้นเป็นอันมาก

“ระลอกคลื่นนี้ปกคลุมทั่วทั้งโลกทิพย์เลยหรือ เป็นระลอกคลื่นมาจากที่ใดกัน” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ เจ้าศิลา บรรพชนโลกาและบรรพชนทิพย์ต่างก็เริ่มตรวจสอบดู

ไม่นานนักก็พบชายหนุ่มในอาภรณ์สีขาวทั้งร่าง

“ตงป๋อเสวี่ยอิงหรือ”

“เป็นเขาหรือ”

……

ณ โลกจอมมารดา

ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงท่าไม้ตายที่สี่ของยุทธวิธีหิมะเหิน…‘มหาสมุทรคละถิ่น’ ออกมาเช่นกัน นี่เป็นการสั่งสมทางด้านวิถีอากาศของตงป๋อเสวี่ยอิงเองซึ่งห่างจากขั้นสุดยอดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อผสานกับการรับรู้เคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่ง และอ้างอิงการรับรู้มิติชั้นสูงยิ่งขึ้นเป็นตัวอย่าง เขาเสียเวลาไปนานแสนนานจึงคิดค้นท่าไม้ตายขึ้นมาได้ในที่สุด

ไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายใด ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ล้วนแต่พึงพอใจอย่างแท้จริง อานุภาพก็น่าพึงพอใจเช่นกัน

“นี่มันอะไรน่ะ” ‘จอมมารดา’ผู้ที่เก็บตัวกบดานอยู่ในโลกจอมมารดามาตลอดแหงนศีรษะมหึมาขึ้นแล้วมองดูท้องฟ้า นางมองเห็นบุรุษอาภรณ์ขาวที่สำแดงบริเวณอันน่าหวาดหวั่นออกมา

“ตงป๋อเสวี่ยอิงรึ เขา เขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน” จอมมารดารู้สึกหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ

ในยามนี้เอง

บัดนี้ยังมีโลกทิพย์คงอยู่อีกสี่แห่ง…โลกทิพย์โบราณ โลกทิพย์นิจนิรันดร์ โลกจอมมารดาและโลกทิพย์กิเลนบูรพา ร่างแยกทั้งสี่ของตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงกระบวนท่ามหาสมุทรคละถิ่นออกมาพร้อมกัน บริเวณปกคลุมโลกทิพย์แต่ละแห่งจนทั่ว

อันที่จริงเดิมทีวิถีอากาศก็เชี่ยวชาญทางด้านบริเวณเป็นอย่างยิ่งอยู่แล้ว ‘มหาสมุทรอากาศ’ ซึ่งมีคุณสมบัติพอจะจัดเป็นท่าไม้ตายของยุทธวิธีหิมะเหินได้ก็ยิ่งร้ายกาจเข้าไปใหญ่  ต่อให้อยู่ในดินแดนจิตโลกา ก็สามารถปกคลุมบริเวณอันกว้างใหญ่อย่างยิ่งได้ เมืองใหญ่โดยทั่วไปก็สามารถปกคลุมได้อย่างง่ายดาย! ส่วนโลกทิพย์ทั้งสี่แห่งในโลกกำเนิดบ้านเกิด มีบริเวณค่อนข้างเล็ก อีกทั้งการกดดันของกฎเกณฑ์ก็อ่อนแออย่างยิ่งอีกด้วย

โลกทิพย์โบราณนั้นถูกจอมเทพศักดิ์สิทธิ์หลอมแปรและถูกควบคุมอย่างสิ้นเชิงไปนานแล้ว

ส่วนโลกทิพย์อีกสามแห่ง ล้วนแต่สร้างขึ้นโดยเหล่าเทพจักรวาล! กฎเกณฑ์พื้นฐานที่สร้างขึ้นก็เป็นเพียงกฎเกณฑ์ระดับเทพจักรวาลเท่านั้น

มิอาจเทียบเคียงกับ ‘โลกทิพย์โบราณดั้งเดิม’ ได้เลย! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงดินแดนจิตโลกาแล้ว ดินแดนจิตโลกานั้นมีหยวนเป็นผู้ควบคุม การกดดันของกฎเกณฑ์เข้มงวดกว่า ยิ่งเป็นผู้แกร่งกล้าหรือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรู ก็ล้วนได้รับผลกระทบจากพันธนาการอันไร้รูปร่าง

“กฎเกณฑ์กดดันน้อยนิดเท่านี้” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึงในใจ

พลังของเขาในตอนนี้ สามารถเพิกเฉยต่อกฎเกณฑ์ที่กดดันของโลกทิพย์ได้แล้ว! แม้แต่การกดดันโลกทิพย์โบราณ เขาก็ยังสามารถกดดันกลับไปได้

……

“ไม่มีประโยชน์หรอก ข้าจะไม่พัวพันกับเจ้า หนีไปพลาง ทำลายล้างไปพลาง แม้จะช้าหน่อยแต่ถึงอย่างไรก็ทำให้โลกกำเนิดแห่งนี้แตกสลายครั้งใหญ่ได้อย่างแน่นอน” จักรพรรดิจวินกลับหัวเราะเสียงเย็นเยียบ นัยน์ตาทั้งคู่ฉายแววสนุกสนานกับการทำลายล้าง เขาเกิดมาก็เพื่อทำลาย แม้บัดนี้พลังจะสามารถข่มความปรารถนาที่จะทำลายล้างเช่นนี้ได้แล้ว แต่ถึงอย่างไรความปรารถนานี้ก็ลึกล้ำเข้าไปถึงวิญญาณ

ยิ่งทำลายล้างก็ยิ่งพึงพอใจ

“สวบ”

เขาทะลุทะลวงไปอีกครั้ง จนมาถึงโลกจอมมารดา

“ทำลาย” เมื่อมาถึงโลกจอมมารดา หางของจักรพรรดิจวินก็สะบัดคราหนึ่ง ฟ้าดินราวกับถูกแยกออก

แต่จากนั้น

สีหน้าของจักรพรรดิจวินก็เปลี่ยนแปรไป!

เดิมทีเขายังหัวเราะอย่างเย็นชาด้วยความรังเกียจ เขาไม่เห็น ‘จอมมารดา’ แห่งโลกจอมมารดาผู้นั้นอยู่ในสายตาเลย ดังนั้นเมื่อมาถึงจึงลงมือทำลายทันที แต่เพิ่งจะทำลาย เขาก็สัมผัสได้ว่าพละกำลังอันน่าหวาดหวั่นหาใดเปรียบโหมซัดเข้ามา!

“กดดัน!” ร่างแยกร่างหนึ่งของตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งทำหน้าที่ประจำการอยู่ที่โลกจอมมารดาเป็นหนึ่งในเก้าร่างแยกที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา แววหนาวเหน็บในดวงตาของตงป๋อเสวี่ยอิงกะพริบวาบขึ้นมา อานุภาพของบริเวณปะทุขึ้นมาทันใด

จักรพรรดิจวินรู้สึกเพียงว่าพละกำลังอันน่ากลัวอย่างไร้ที่สิ้นสุดรอบด้านโหมซัดเข้ามาโอบล้อมและบีบอัดเข้าไป เดิมทีหางของเขาสะบัดออกไปโจมตีคราหนึ่ง ภายใต้บริเวณอันน่ากลัวนี้ก็เผาผลาญไปจนสิ้นแล้ว

ภายใต้บริเวณนี้ จักรพรรดิจวินรู้สึกเพียงว่าทนรับได้ยากนัก แต่ละแห่งล้วนถูกบริเวณขัดขวาง

“ไยจึงมีบริเวณที่น่าหวาดหวั่นเช่นนี้ได้เล่า” จักรพรรดิจวินไม่อยากจะเชื่อ “บริเวณเช่นนี้ ทำเอาพลังของข้าเสียหายอย่างใหญ่หลวง!”

“ฟิ้ว”

ตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ขาวกลับปรากฏกายขึ้นจากกลางระลอกคลื่นอากาศ แล้วมาถึงตรงหน้าจักรพรรดิจวินในทันใด

“เป็นเจ้าหรือ ตงป๋อเสวี่ยอิง” จักรพรรดิจวินไม่อยากจะเชื่อ เขายังคงตะปบฝ่ามือออกไปพลางยิ้มเหี้ยมเกรียม ต่อให้มีบริเวณขัดขวาง ก็ยังคงมีเส้นสายบิดเบี้ยวจำนวนนับไม่ถ้วนปกคลุมไปทางตงป๋อเสวี่ยอิง

“เชือดเฉือนฟ้าดินครั้งใหญ่!”

ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับใช้ฝ่ามือสะบัดออกไปราวกับดาบ ฟันฟาดออกไปเบื้องหน้า

ฟิ้ว!

เส้นสีดำสายหนึ่งปรากฏขึ้น ฟ้าดินแยกออกมาจากใจกลาง แล้วปรากฏขึ้นตรงหน้าจักรพรรดิจวิน จักรพรรดิจวินตะปบออกไปคราหนึ่ง ก็มีเส้นสายบิดเบี้ยวจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น มันเชือดเฉือนออกไปอย่างต่อเนื่องภายใต้ ‘เส้นสีดำ’ นี้ แต่อานุภาพของเส้นสีดำก็ถูกเผาผลาญไปไม่หยุด จนถึงตอนสุดท้าย เส้นสายบิดเบี้ยวก็ถูกหักสะบั้นลง เส้นสีดำนั้นยังคงฟันลงบนร่างของจักรพรรดิจวิน

ร่างกายของจักรพรรดิจวินบิดเบี้ยวไปคราหนึ่ง รอบด้านราวกับถ้ำดำมืด แล้วเขาก็ต้านทานอานุภาพสายหนึ่งที่หลงเหลืออยู่เอาไว้ได้

ใบหน้าของจักรพรรดิจวินเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น “พลังของเขาไม่แพ้ข้าเลยหรือนี่”

ไหนเลยเขาจะรู้ว่า

ตงป๋อเสวี่ยอิงเคยห้ำหั่นกับจอมเคารพมาก่อน และมีประสบการณ์ประมือกับประมุขเกาะจันปาด้วย สำหรับขั้นสุดยอดแล้ว เขาไม่หวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย

“ฟิ้ว”

ประกายกระบี่สายหนึ่งพลันตัดผ่านร่างของจักรพรรดิจวินทันที ทำให้ร่างของจักรพรรดิจวินแยกออกเป็นสองส่วน  จากนั้นก็กลายเป็นแสงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวกันขึ้นอย่างรวดเร็ว เขามองดูจอมกระบี่ที่ปรากฏกายขึ้นไกลออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วมองดูตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์สีขาวทั้งร่างแวบหนึ่ง “มีขั้นสุดยอดปรากฏกายขึ้นสองคนได้อย่างไรกัน”

แม้เขาจะเดือดดาลและไม่อยากจะเชื่อ แต่ร่างของจักรพรรดิจวินก็ยังคงกะพริบวาบคราหนึ่งทันที มิติรอบด้านบิดเบี้ยวแล้วก่อตัวเป็นเส้นสายจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้นมา แล้วเขาก็หายวับไป

จอมกระบี่มองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วก็เผยรอยยิ้มออกมา เขาถ่ายเสียงพูดว่า “อิงซานเสวี่ยอิง คนวิถีจิตฟ้าหรือ”

ร่างแยกเพียงร่างหนึ่ง ก็มีพลังเทียบกับขั้นสุดยอดได้แล้ว

ยามนี้จอมกระบี่จะเดาไม่ออกได้อย่างไรกันว่า ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ ก็คือคนวิถีจิตฟ้า!

“จอมเคารพกระบี่ปีศาจหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ถ่ายเสียงพูดยิ้มๆ

พวกเขาเชี่ยวชาญในการใช้กระบี่เช่นเดียวกัน

เป็นขั้นสุดยอดเหมือนกัน! จอมเคารพกระบี่ปีศาจรุ่งโรจน์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เมื่อทำนายจากช่วงเวลาที่จอมเคารพกระบี่ปีศาจถือกำเนิดขึ้นมาในสกุลชาง ก็เป็นเวลาเดียวกับที่จอมกระบี่เพิ่งจะเข้าไปในวังทวีสูญได้ไม่นานเท่าไหร่พอดี นอกจากนี้เขายังปฏิบัติต่อตนดีถึงเพียงนั้น ความคุ้นเคยอันไร้ชื่อเรียกนั้น ขณะเดียวกับที่จอมกระบี่ปะทุพลังออกมา ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มั่นใจในสิ่งที่คาดเดาเอาไว้ในใจ!

ทั้งสองมองสบตากันแล้วก็เผยรอยยิ้มออกมา

“หากเจ้าสามารถประจำการอยู่ที่โลกทิพย์ทั้งสี่ได้ ร่างแยกสองร่างของข้าก็สามารถไล่สังหารเขาได้ เพียงแต่ว่าเขาหนีไปทั่วทุกทิศทุกทาง อากาศอันสับสนอลหม่านกว้างใหญ่ไพศาล การจะสกัดเขาเป็นเรื่องยากมาก” จอมกระบี่ถ่ายเสียงพูด

“ข้ามีวิธี” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มออกมา

………………………………