บทที่ 860 ฆ่าแม่ของตัวเองกับมือ

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 860 ฆ่าแม่ของตัวเองกับมือ
“เหลวไหล ซ่งหยวนเป็นคนยังไง เขาจะวางยาพิษข้าได้ยังไง?” เพราะความตื่นตัวของเวินเฉิงเทียน ร่างกายคุมไม่ได้ไอขึ้นมาอย่างหนัก

“ท่านพ่อ…..”

“หัวหน้าเผ่า…..”

“ยังมีอีก เวินเส้าหยีเป็นลูกชายของข้า ลูกชายคนเดียวที่ข้าเวินเฉิงเทียนยอมรับ เลือดที่ไหลอยู่บนตัวของเขาเหมือนกับข้า หลังจากนี้ห้ามผู้ใดสงสัยตัวตนของเขาอีก”

“ขอรับ…..”

ผู้อาวุโสทั้งหลายถอนใจยาวๆอย่างโล่งอก

พวกเขาก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่หัวหน้าเผ่าน้อยจะไม่ใช่ลูกชายแท้ๆของหัวหน้าเผ่า ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะทำเรื่องที่ไม่ดีต่อหัวหน้าเผ่า

ซือคงไอ้คนทรยศ คำโกหกอะไรก็พูดออกมาได้ทุกอย่างจริงๆ

เวินเส้าหยีทั้งดีใจทั้งเป็นกังวล

เขาไม่รู้ว่าคำพูดนี้ของหัวหน้าเผ่าพูดเพื่อปลอบใจเขา

หรือว่า….เขาเป็นลูกชายแท้ๆของหัวหน้าเผ่าจริงๆกันแน่

หากเป็นลูกแท้ๆ ทำไมตั้งแต่เด็กท่านพ่อจึงไม่เคยมองเขาตรงๆ กลับยังรังเกียจเขาเป็นที่สุดอีก

เวินเฉิงเทียนกล่าว “พวกเจ้าถอยไปก่อน ข้ามีเรื่องจะพูดกับเส้าหยีเพียงลำพัง”

“ขอรับ”

“ครืน……”

ประตูใหญ่ห้องลับปิดลงอีกครั้ง

ในห้องลับเหลือเพียงเวินเส้าหยีและเวินเฉิงเทียน

เวินเฉิงเทียนเอื้อมมือออกมา ลูบผมสีดำดั่งหมึกนุ่มสลวยของเวินเส้าหยีด้วยความรักความห่วงใย ตาของเขามีความอ่อนโยนแบบไม่เคยมีมาก่อน

“เมื่อครู่ขณะที่ผู้อาวุโสไม่กี่คนท่านรักษาให้ข้า ได้บอกเรื่องราวในเผ่าให้ข้ารู้หมดแล้ว”

“เด็กโง่ เจ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของข้าอย่างแน่นอน จุดนี้เจ้าอย่าได้เคลือบแคลงใจอีก และไม่ใช่เพราะข้าปลอบใจเจ้า”

เวินเส้าหยีเผลอยิ้ม เขาอยากซบในอ้อมแขนของเวินเฉิงเทียน แต่เพราะตั้งแต่เด็กจนโตเขาทำตัวห่างเหินจากเขา เวินเส้าหยีจึงไม่กล้า

กลัวว่าความอ่อนโยนที่หายากที่อยู่เบื้องหน้านี้จะหายสาบสูญไป

“เจ็บหรือไม่?”

สายตาของเวินเฉิงเทียนจับจ้องอยู่นิ่งๆที่หลังของเขา

เสื้อผ้าบนหลังของเขาถูกนาบจนเสียหาย เผยให้เห็นผิวที่ถูกนาบจนบาดเจ็บเป็นผืนใหญ่ๆ

ผิวหนังเหล่านั้นทั้งแดง และพุพอง ดูแล้วน่าตกใจ แทบจะไม่มีจุดใดที่สมบูรณ์

เวินเส้าหยีส่ายหัว “ไม่เจ็บ ไม่เจ็บเลยสักนิด”

เพียงแค่เขาสบายดี เขาจะบาดเจ็บหนักเพียงใดก็ไม่รู้สึกเจ็บปวด

ยิ่งกว่านั้นทุกสิ่งที่กู้ชูหน่วนทำ ทำให้จิตใจของเขาเหมือนดั่งถูกมีดกรีด บาดแผลเล็กน้อยนี่จะนับอะไรได้

“เด็กโง่ เจ้ามีอะไรอยากจะถามข้าใช่หรือไม่?”

“แค่รู้ว่าเป็นลูกชายแท้ๆของท่านก็พอแล้ว ตั้งแต่เด็กเส้าหยีทำอะไรก็ทำได้ไม่ดี ท่านพ่อไม่ชอบก็สมควรแล้ว”

“ไม่…..ไม่ใช่ว่าเจ้าทำได้ไม่ดี สาเหตุเป็นเพราะตัวพ่อเอง เจ้าเป็นเด็กดี เป็นความภาคภูมิใจในใจของพ่อเสมอมา”

ดวงตาของเวินเฉิงเทียนกะพริบ ราวกับคิดถึงทุกอย่างอดีต

เขาถอนหายใจยาวๆ

“ข้ามีความสัมพันธ์กับแม่ของเจ้าก่อนที่จะแต่งงานกัน ดังนั้นขณะที่แต่งงานกัน นางจึงตั้งครรภ์ได้เดือนหนึ่งแล้ว ครั้งนั้นเป็นอุบัติเหตุ แต่ข้ากลับรู้สึกขอบคุณอุบัติเหตุครั้งนั้น หากไม่ใช่อุบัติเหตุครั้งนั้น เกรงว่าข้าก็ยังคงคิดแม่ของเจ้าชอบพอกับผู้อาวุโสซ่งมาตลอด”

เวินเส้าหยีถามด้วยความประหม่า “เช่นนั้นทำไมพวกเขาถึงบอกว่า ท่านทะเลาะกับท่านยกใหญ่อยู่ครั้งหนึ่ง ทั้งยังบอกว่าข้าไม่ใช่ลูกแท้ๆของท่านอีก”

“ข้าเคยทะเลาะกับแม่ของเจ้า แต่ไม่ใช่เพราะเจ้า มีคนวางหลุมพรางกับพ่อของเจ้า พ่อของเจ้า…ทำผิดต่อแม่ของเจ้า”

เวินเส้าหยีขมวดคิ้ว

เวินเฉิงเทียนมีร่องรอยของความเจ็บปวดวาดผ่าน ลังเลอยู่นานก่อนจะกล่าวว่า “นี่เป็นมลทินที่หนักหน่วงที่สุดในชีวิตของพ่อ ทีแรกข้าอยากจะเก็บไว้จนไปอยู่ที่โลงศพ แต่ตอนนี้…..หากข้าไม่พูด เกรงว่าเจ้าคงจะคิดเพ้อเจ้อไปชั่วชีวิต”

“ข้าถูกคนวางหลุมพราง ความสัมพันธ์กับคนอื่น แล้วผู้หญิงคนนั้นก็มีเลือดเนื้อเชื้อไขของข้าด้วย…..”

มือของเวินเส้าหยีสั่นเทาทันที

คำพูดนี้หมายความว่า…..เขายังมีพี่น้องอยู่อีกคน?

“และผู้หญิงที่หลอกข้าคนนั้น เป็นสิ่งที่ข้ารังเกียจที่สุดในชีวิต เป็นผู้หญิงที่ข้าแค้นที่สุด ข้าเคยบังคับให้นางทำแท้ง แต่เป็นตายนางก็ไม่ยอม ข้าทำได้เพียงบีบบังคับ แม่ของเจ้าใจดีมีเมตตา มักจะคิดว่าเป็นชีวิตอีกชีวิตหนึ่งอยู่เสมอ ไม่ควรถูกบีบคอให้ตายไปเช่นนี้ บวกกับข้าเป็นคนหักหลังแม่ของเจ้า จึงได้ทะเลาะกับแม่ของเจ้าอยู่สองสามครั้งด้วยเหตุนี้”

“ผู้หญิงคนนั้นเจ้าเล่ห์เกินไป ทั้งยังมีแม่ของเจ้าสนับสนุนอีก ด้วยเหตุนี้นางจึงให้กำเนิดลูกชายด้วยความราบรื่น”

“ไม่รู้ว่าเป็นเพราะข้าตั้งใจอยากจะฆ่าเด็กคนนั้นมาตลอดหรือไม่ หรือเพราะผู้หญิงคนนั้นต้องการจะแก้แค้นคนในเผ่าของนาง นับตั้งแต่นาทีที่นางให้กำเนิดบุตร นางก็เอาเด็กไปทิ้งแล้ว”

“ทิ้งแล้ว?”

ทิ้งแล้วหมายความว่าอะไร? ทอดทิ้งเหรอ?

“ใช่ ไม่มีใครรู้ว่าเด็กคนนั้นถูกนางฆ่า หรือถูกทอดทิ้ง ตอนนี้ผ่านไปยี่สิบปีแล้ว ข้าก็ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว”

ตอนนั้นเขาคิดอยากจะสืบหาเบาะแสของเด็กคนนั้น

แต่ตั้งแต่เริ่มจนจบเขาก็ไม่เคยลงมือทำ

บางทีอาจเป็นเพราะเกลียดผู้หญิงคนนั้นมากเกินไป

เขาจึงเกลียดเด็กที่เกิดจากผู้หญิงคนนั้นด้วย

แม้แต่เด็กที่ผู้หญิงคนนั้นคลอด เขาก็รังเกียจ

ตอนนี้คิดๆดูแล้ว ไม่ว่ายังไงเด็กคนนั้นก็ไม่มีความผิด

“ท่านพ่อรู้หรือไม่ว่าเด็กคนนั้นเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง?”

เวินเฉิงเทียนส่ายหน้า

เขาไม่รู้

ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้บอกเขาเช่นกัน

แต่เหมือนเขาจะเคยได้ยินคนพูดว่า ผู้หญิงคนนั้นให้กำเนิดลูกชายคนหนึ่ง แต่เขาไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ

“ท่านไม่ต้องห่วง เส้าหยีจะตามหาเด็กคนนั้น ชดเชยสิ่งที่ติดค้างไว้ในยี่สิบปีที่ผ่านมานี้แทนท่านพ่อ”

“ไม่จำเป็นแล้ว บางที…..ทั้งชีวิตนี้ของข้าอาจถูกกำหนดให้รู้สึกผิดต่อเขา”

เวินเฉิงเทียนหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า

ผู้หญิงคนนั้นจิตใจโหดร้ายอำมหิต

ให้กำเนิดลูกก็เพียงเพื่อการแก้แค้นเท่านั้น

นางจะปล่อยให้เด็กคนนั้นมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร

แม้ว่าตั้งครรภ์สิบเดือนและให้กำเนิดด้วยตัวเอง แต่ในสายตาของนางก็เป็นเพียงแค่สัตว์ตัวหนึ่งเท่านั้น

“เจ้ายังมีคำถามอยากจะถามข้าอีกใช่หรือไม่?”

“อืม…..ข้าอยากรู้ ทำไมตั้งแต่เล็กจนโตท่านพ่อจึงได้รังเกียจข้า”

“เด็กโง่ ข้ารักและเอ็นดูเจ้าจะตายไป จะรังเกียจเจ้าได้ยังไงกัน”

“กฎของเผ่าเทียนเฟิ่น แม่ของหัวหน้าเผ่าน้อยในอนาคตจำเป็นต้องทำการบูชายัญด้วยไฟ ตอนนั้นข้ายังไม่ใช่หัวหน้าเผ่า และไม่เคยคิดจะเป็นหัวหน้าเผ่าด้วย แต่ผู้หญิงคนนั้นทำร้ายข้า ทำร้ายจนข้าได้เป็นหัวหน้าเผ่าเทียนเฟิ่น”

“การที่ข้าเป็นหัวหน้าเผ่าเทียนเฟิ่น ก็หมายความว่าเจ้าก็คือหัวหน้าเผ่าน้อย แม่ของเจ้าก็ต้องบูชายัญด้วยไฟ ข้าจะทำใจให้แม่ของเจ้าบูชายัญด้วยไฟอย่างไร ดังนั้นข้าจึงเริ่มตีตัวออกห่างพวกเจ้า แสร้งทำเป็นเพิกเฉยต่อพวกเจ้า ก็เพื่อทำให้สุดยอดผู้อาวุโสยกเลิกตำแหน่งหัวหน้าเผ่าน้อยของเจ้า”

“แต่บังเอิญเจ้ามีความสามารถเกินไป โดดเด่นในทุกๆอย่าง มีความสามารถทั้งบุ๋นและบู้ตั้งแต่อายุยังน้อย วิทยายุทธก็ถึงขั้นสูงสุด เป็นบุคคลที่มีความสามารถหายากมากว่านับพันปีของเผ่าเทียนเฟิ่น”

“ข้าทั้งดีใจ และเป็นทุกใจ ที่ดีใจคือ ลูกชายของข้าเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ แต่ที่เป็นทุกข์ใจคือ มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่เจ้าจะได้รับเลือกเป็นหัวหน้าเผ่าน้อย”

“เป็นดังคาด สุดยอดผู้อาวุโสเหล่านั้นกำหนดเจ้าให้เป็นหัวหน้าเผ่าน้อยเป็นการภายในโดยตรง และเป็นตัวเลือกแรกสำหรับหัวหน้าเผ่าน้อยในอนาคต แม่ของเจ้า ก็หนีโชคชะตาไม่พ้น ถูก……บูชายัญด้วยไฟแล้ว”

เวินเฉิงเทียนพูดจนถึงตอนท้าย เสียงก็สั่นเครือ แทบจะร้องไห้ไม่เป็นเสียงแล้ว

เวินเส้าหยียิ่งฟังสีหน้าก็ยิ่งดูไม่ได้

ตั้งแต่เด็กจนโต พ่อไม่สนใจเขา ไม่ว่าเขาจะมีความสุขหรือเศร้า หรือใกล้จะหมดลม พ่อก็ไม่เคยจะมองเขามาก่อน

เขาพยายามฝึกฝนวิทยายุทธ พยายามเล่าเรียน เพียงเพื่อให้พอได้ชื่นชมเขาสักหน่อย

คิดไม่ถึง……

ความพยายามของเขาไม่เพียงแค่ทำร้ายท่านพ่อเท่านั้น

แต่ยังทำร้ายท่านแม่ด้วย…..

ท่านแม่ของเขา…..เป็นเขาที่ฆ่าเองกับมือ……