ตอนที่ 1164

Alchemy Emperor of the Divine Dao

“ข้าไม่สนใจ” หลิงฮันพูดโดยไม่ต้องคิดและปฏิเสธทันที

กายหยางซือกล่าว “ศิษย์พี่ฮัน ท่านจะไม่เก็บไปคิดหน่อยหรือ?”

“หูของเจ้ามีปัญหาเลยไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือมันเป็นเพราะสมองของเจ้ามีปัญหากันแน่?” หลิงฮันถาม

กายหยางซือรู้สึกเหลือเชื่อ หรือว่าเขาจะอธิบายไม่ชัดเจน?

“ศิษย์พี่ฮัน ท่านรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของกองกำลังก่าวหรือไม่?” เขาคิดว่าต้องอธิบายเพิ่มเติม “นายท่านก่าว ผู้นำของกองกำลังก่าวคือหนึ่งในสี่ศิษย์ของปรมาจารย์สามวิถี เขาเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงและในอนาคตมีโอกาสสูงมากที่เขาจะทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์!”

“ส่วนผู้นำกลุ่มย่อยของกองกำลังก่าวของพวกเรา ก่าวฮวงตอนนี้เป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูง และในอนาคตเขาจะกลายเป็นปรมาจารย์ยุทธระดับดารา!”

หลิงฮันอยากจะหัวเราะ แค่จอมยุทธระดับดาราก็เรียกตัวเองว่าปรมาจารย์ยุทธแล้ว?

ช่างหยิ่งยโส!

เขาส่ายหัวและพูดว่า “เจ้าพูดพล่ามจบหรือยัง?”

“ฮันหลิง เจ้าไม่ควรปฏิเสธ นายน้อยของข้าไม่อาจยอมรับคำปฏิเสธของเจ้าได้!” กายหยงซือกล่าว

“เจ้าพูดแบบนั้นมันทำให้ข้ากลัวเหลือเกิน!” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม

กายหยงซือโกรธ ชายคนนี้กล้าพูดจาลองดีกับก่าวฮวง? เขาเค้นเสียงและพูดว่า “ถ้าเจ้าทำให้นายน้อยไม่พอใจ เจ้าจะไม่สามารถเดินเล่นในนิกายสวรรค์เยือกแข็งได้! เจ้าควรรู้เอาไว้ว่านายน้อยของข้าฝึกฝนมานานกว่าสามแสนปี และกลายเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงแล้ว และจะสามารถทะลวงผ่านระดับดาราได้ภายในล้านปีอย่างแน่นอน!”

นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่ง

แม้ว่าเวลาสามแสนปีจะนานมาก แต่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงนั้นจะมีอายุขัยสี่แสนปี จอมยุทธระดับสุริยันจันทราสามารถมีอายุขัยได้มากถึงสี่ล้านปี การที่เขาทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสามแสนปีนั้นถือว่าไม่ธรรมดา

แต่หลิงฮันไม่คิดอย่างนั้น ใช้เวลาสามแสนปีเพื่อทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราขั้นสูงอาจเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะ อย่างไรก็ตามถ้าอยู่ในนิกายสวรรค์เยือกแข็งก็ไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาและไม่อาจเรียกว่าอัจฉิรยะได้

เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือที่นี่คือแหล่งรวมอัจฉิรยะ

หลิงฮันโบกมือและพูดว่า “เอาล่ะ เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าพูดจบแล้วก็เชิญไสหัวไปได้แล้ว อย่าให้ข้าต้องไล่ออกไป”

กายหยงซือโกรธจนตัวสั่น เจ้าเด็กนี่อวดดีเกินไปแล้ว!

“จ..เจ้าทำตัวอวดดีเกินไปแล้ว แล้วเจ้าจะต้องเสียใจ!” กายหยงซื่อกล่าวด้วยความเกรี้ยวกราด

แววตาของหลิงฮันส่องประกายเย็นชา “เจ้ากล้าข่มขู่ข้างั้นรึ?” เขาหันหน้าไปพูดกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ว่า “ภรรยาข้า หากมีแขกมาที่บ้านข้าและพูดจาข่มขู่ข้า เจ้าคิดว่าข้าควรทำเช่นไรดี?”

“แน่นอน ไล่มันออกไป!” สุ่ยเยี่ยนยวี่พูดโดยไม่ต้องคิด เมื่อได้ยินเช่นนั้นใบหน้าของหลิงฮันก็ปรากฏรอยยิ้มขณะที่เขาหันไปจ้องมองกายหยงซื่อ

“เจ้าคิดจะทำอะไร!” กายหยงซื่อรู้สึกหนาวเย็นเหมือนเป็นลางว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น

“ส่งแขก!” หลิงฮันปล่อยฝ่ามือออกไป ตู้ม ทำให้อีกฝ่ายกระเด็นไปไกล

เขารู้สึกโกรธจริงๆ ทั้งที่เจ้ามาที่บ้านของข้า แต่ยังกล้าพูดจาข่มขู่ข้าอีก นี่ถือเป็นการไม่ไว้หน้าหรือไม่?

“จ..เจ้าอย่าได้ลืมว่าข้าเป็นคนของนายน้อยก่าว” กายหยงซือกรีดร้อง

“หรือเจ้าจะไม่พอใจ?” หลิงฮันทำท่าจะลงมืออีกครั้ง

กายหยงซือเป็นแค่คนหยิ่งยโส หลังจากที่ถูกฝ่ามือของหลิงฮันเมื่อครู่ เขาก็รีบร้องขอความเมตตาและไม่กล้าพูดอะไรอีก

หลิงฮันหยุดมือและพูดว่า “ถ้าเจ้าก้าวผ่านประตูนี้อีกครั้ง ข้าจะหักขาของเจ้า เจ้าเข้าใจหรือไม่?”

“เข้าใจ! ข้าเข้าใจแล้ว!” กังหยงซือพยักหน้าอย่างรวดเร็ว และตอนนี้เขาคิดแค่ว่าจะหลบหนีออกไปจากที่นี่เท่านั้น

“ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้างั้นไสหัวไปได้แล้ว!” หลิงฮันโยนกังหยงซือออกไป

กังหยงซือรีบลุกขึ้นยืนและไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่อ หลังจากวิ่งออกมาหลายร้อยเมตร เขาก็หันหลังกลับไปมองและดูเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นสีหน้าที่เย็นชาของหลิงฮัน ช่วยไม่ได้ที่เขาจะกลืนคำพูดเหล่านั้นลงไปในคอทันทีและรีบวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว

“น่าเบื่อ!’ หลิงฮันส่ายหัว

สุ่ยเยี่ยนยวี่เองก็ส่ายหัวและพูดว่า “ถ้าเจ้าต้องการปฏิเสธ ทำไมเจ้าต้องทำให้เรื่องมันเลวร้ายด้วย?”

“เจ้านั่นทำตัวหยิ่งยโสเกินไปและต้องการจะเอาชนะข้าให้ได้” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม

สุ่ยเยี่ยนยวี่ถอนหายใจ นางรู้ดีว่าหลิงฮันเป็นคนยังไง เขาเองก็เป็นคนที่ภาคภูมิใจในตัวเองสูงและมีความก้าวหน้าที่เหมือนกับการโปยบิน

“ยังไงเจ้าก็ต้องระวังตัวด้วย” นางทำได้แค่พูดเตือนหลิงฮันเท่านั้น

ถึงหลิงฮันจะเป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์ แต่ก็มีหลายกองกำลังในนิกายสวรรค์เยือกแข็ง เขาจะต้องระมัดระวังตัวเองหลังจากออกจากนิกาย

แต่หลิงฮันมีหอคอยทมิฬ ซึ่งมากพอที่เขาจะปกป้องตัวเองได้

เมื่อนางคิดเช่นนั้น มันก็ทำให้นางหายห่วง

หลิงฮันออกจากที่พักและไปที่เมืองที่อยู่เชิงเขา เขาอยากรู้จะสามารถหาสูตรปรุงยาใหม่ๆได้จากที่นี่หรือไม่

– ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว เหลือเพียงแค่สมุนไพรระดับสูงที่รอให้เขาหลอมเป็นเม็ดยาเท่านั้น แล้วเขาก็จะได้รับผลึกก่อเกิดจำนวนมาก

เขามาที่เมือง แล้วหลังจากที่เดินสำรวจเป็นวงกลม ก่อนที่เขาจะหยุดอยู่ที่ร้านค้าแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า ร้านตระกูลโม่

“ร้านตระกูลโม่?” หลิงฮันเดินเข้าไป ในตอนที่เขาถูกลอบสังและหลงทางอยู่ในอวกาศ เป็นคนจากตระกูลโม่นั่นเองที่ช่วยพาเขามาส่งที่ดาวหนานเฟิง

“นายน้อย ไม่ทราบว่าท่านกำลังตามหาอะไรอยู่งั้นหรือ? พวกเรามีทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเม็ดยา สมุนไพร วัสดุดิบ เพียงแค่ท่านเปิดปากพูดไม่มีอะไรที่พวกข้าไม่สามารถหามาได้!” พนักงานร้านกล่าว

หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ถ้างั้นที่นี่มีสูตรปรุงยาขายหรือไม่?”

“สูตรปรุงยา?” พนักงานเผยสีหน้าประหลาดใจ

ตำราจำพวกทักษะยุทธ เทคนิคบ่มเพาะพลัง สูตรปรุงยาและรูปแบบอาคมนั้นไม่ค่อยมีใครขายเพราะความพิเศษของพวกมัน

“ไม่มีอย่างนั้นหรือ?” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม

“มันจะไม่มีได้อย่างไร!” พนักงานรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว “อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีจำนวนที่จำกัดมาก ราคาของมันจึงแพงเป็นพิเศษ”

“ข้าไม่สนว่ามันจะถูกหรือแพง” หลิงฮันกล่าว สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือเงิน เพราะเขาต้องการซื้อแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์เพื่อยกระดับดาบอสูรนิรันดร์ ซึ่งมันต้องใช้แร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์มหาศาล และราคาของแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์นั้นมากแค่ไหนกัน?

“คนที่ต่ำต้อยอย่างข้าคงไม่ตัดสินใจเรื่องพวกนั้นด้วยตัวเอง เช่นนั้นข้าขอตัวไปรายงานให้เฒ่าแก่ทราบเรื่องก่อน” ชายคนนี้ไม่กล้าตัดสินใจเอง

“ตกลง!” หลิงฮันพยักหน้า

หลังจากนั้นไม่นาน หลิงฮันก็เห็นชายชราคนหนึ่งเดินออกมา ซึ่งเขาเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูง หลังจากที่ชายชราเห็นหลิงฮัน เขาก็ยิ้มออกมาทันทีและพูดว่า “ที่แท้ก็เป็นนายน้อยฮันนี่เอง!”

หลิงฮันดูแปลกใจและพูดว่า “ท่านรู้อย่างนั้นหรือว่าข้าเป็นใคร?”

“แน่นอน นายน้อยฮันเป็นดาวดวงใหม่แห่งนิกายสวรรค์เยือกแข็ง ข้าจะไม่รู้เรื่องพวกนั้นได้อย่างไร? จริงสิ ไม่ทราบว่านายน้อยฮันต้องการซื้อสูตรปรุงยาอย่างนั้นหรือ?” ชายชรากล่าวชมหลิงฮัน

“ใช่” หลิงฮันพยักหน้า

“ข้าขอเสียมารยาทที่ถาม หรือว่านายน้อยฮันอยากปรุงยาด้วยตัวเอง?” ดวงตาของชายชราเปล่งประกาย