ตอนที่ 1390 วิธีที่ถูกต้อง โดย Ink Stone_Fantasy
ตัวหนังสือที่เขียนอยู่บนจดหมายนั้นคือภาษาของเผ่าพันธุ์มันอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่ว่าดูแล้วค่อนข้างแปลกอย่างมาก เหมือนจงใจเขียนลอกตามออกมาอย่างไรอย่างนั้น
แต่ถ้าอ่านให้ละเอียดเข้าไปอีกก็จะพบความพิเศษของมัน ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างภาษาหรือการเลือกใช้คำ มันก็ล้วนแต่มีสไตล์ของภาษาโบราณอยู่อย่างชัดเจน นี่ไม่ใช่ภาษาที่เผ่าพันธุ์มันใช้อยู่ในตอนนี้
เฮคซอดเกิดความรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
หลังครุ่นคิดอยู่อยู่ ความรู้สึกตกใจและขนลุกก็ทะลักออกมาจากในหัวใจของมัน!
“จดหมายฉบับนี้ถูกส่งมาจากไหน?” สกายลอร์ดคว้าตัวมาร์เวนมาตะคอกเสียงดัง อารมณ์ที่พลุ่งพล่านทำให้มันลืมรักษาภาพลักษณ์ต่อหน้ามนุษย์
มาร์เวนตกใจจนตัวแข็งไป ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงพูดติดๆ ขัดๆ ขึ้นมาว่า “นะ นายท่าน ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน…ตอนนี้คนที่ส่งจดหมายก็อยู่บนปาฏิหาริย์นี่ ข้า..ข้าไปเรียกเขามาให้พบท่านดีไหมขอรับ..”
“รีบไป!” เฮคซอดตะคอกใส่เขาจนหน้าแทบจะชิดกัน
ทันทีที่เท้าแตะถึงพื้น มาร์เวนก็รีบวิ่งเข้าไปยังเขตที่อยู่อาศัยของมนุษย์ทันที แม้แต่น้ำลายที่เปื้อนอยู่บนหน้าก็ไม่กล้าที่จะเช็ดออก
บ้าเอ้ย!
เฮคซอดรู้ว่าการที่ตัวเองทำเช่นนี้มันเสียมารยาท แต่เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้จริงๆ
นี่มันรูปแบบการเขียนของวัลคีรีย์ชัดๆ!
ถึงแม้ลายมือของคนที่คัดลอกมาจะค่อนข้างแย่จนตอนแรกมันมองไม่ออกมาว่าเจ้าของจดหมายคือใคร แต่พอได้อ่านดูอีกซักสองสามรอบ มันก็มั่นใจว่าตัวเองจำไม่ผิด มันคือรูปแบบประโยคที่เหล่าผู้ตื่นรู้ของเผ่าพันธุ์ใช้เมื่อพันกว่าปีก่อน ขณะเดียวกันยังมีกลิ่นอายของภาษามนุษย์ด้วย
ผู้ยกระดับระดับสูงที่สามารถมีชีวิตรอดตั้งแต่สงครามแห่งโชคชะตาครั้งที่หนึ่งจนมาถึงตอนนี้ได้นั้นมีจำนวนน้อยจนแทบจะนับนิ้วมือได้ แต่ปีศาจที่สามารถหลอมรวมภาษาของตัวเองเข้ากับท่วงทำนองภาษาของมนุษย์ได้นั้น นอกจากทรานฟอร์มเมอร์ที่ใช้ชีวิตอยู่ในสำนักซีคลาวด์มาเป็นเวลานาน มันก็ไม่มีทางเป็นใครได้อื่นนอกจากวัลคีรีย์
วัลคีรีย์…ยังรักษาจิตสำนึกของตัวเองเอาไว้ได้อยู่เหรอ?
แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง?
มันอยู่ในโลกแห่งจิตสำนึกจนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาหลายเดือนแล้ว!
ถ้าจะบอกว่าเรื่องนี้มันน่าเหลือเชื่ออย่างมาก อย่างนั้นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าก็คือเนื้อหาในจดหมาย
สงครามแห่งโชคชะตาคือเรื่องหลอกลวงที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ไม่รู้จบ?
โลกแห่งจิตสำนึกอยู่ที่บอทธ่อมเลสแลนด์ที่อยู่ตรงปลายสุดของสันหลังของทวีป?
พระผู้สร้างไม่ปลอดภัย?
แค่คำพูดสั้นๆ ไม่กี่ประโยค แต่กลับแฝงเอาไว้ด้วยข่าวสารที่สำคัญยิ่งจนทำให้เฮคซอดรู้สึกสับสนไปชั่วขณะ ความสงสัยจำนวนมากไหลทะลักเข้ามาในหัวสมอง แต่กลับไม่มีคำถามไหนที่มันสามารถตอบได้เลย
วัลคีรีย์รักษาจิตสำนึกตัวเองเอาไว้ในทะเลพลังเวทมนตร์ที่เชี่ยวกรากนั้นได้อย่างไร?
มันส่งข้อความนี้ออกมาได้อย่างไร?
จดหมายฉบับนี้เขียนออกมาจากความต้องการของวัลคีรีย์จริงๆ งั้นเหรอ?
ตัวเองควรจะรายงานจักรพรรดิหรือไม่?
“ท่านสกายลอร์ด…คนที่ท่านต้องการ ข้าพามาแล้วขอรับ…” ในขณะที่เฮคซอดกำลังยืนงง ข้างกายของมันพลันมีเสียงพูดอย่างระมัดระวังของมาร์เวนดังขึ้นมา
มันหมุนตัวไปมองดูทั้งสองคนด้วยสายตาเยือกเย็น “ข้าอยากจะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับจดหมายฉบับนี้ เล่าทุกอย่างที่เจ้ารู้มาให้ข้าฟัง”
หลังจากนั้นสิบห้านาที
หลังเฮคซอดได้ฟังทุกอย่างอย่างละเอียดก็พบว่าอาจจะสืบหาแหล่งที่มาของจดหมายฉบับนี้จากพวกมนุษย์นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย — จดหมายที่มีความลับที่น่าตกตะลึงนี้มีผู้อพยพคนหนึ่งส่งมาให้ขุนนาง ส่วนผู้อพยพคนนั้นก็รับหน้าที่เป็นคนส่งจดหมายนี้เพื่อเงินแค่ไม่กี่เหรียญทอง พวกเขาไม่ได้สนใจเลยว่าเนื้อหาในจดหมายนี้มันคืออะไร ต่อให้ถามต่อไปมันก็ไม่มีประโยชน์
ยังไม่ต้องไปพูดถึงว่ามันจริงหรือหลอก แต่การใช้วิธีการมักง่ายแบบนี้มาส่งจดหมายที่มีความสำคัญฉบับนี้ มันควรจะบอกว่าอีกฝ่ายใจกล้าจนน่าตกใจหรือว่าวัลคีรีย์ใช้คนผิดกันแน่?
“ที่นี่หมดเรื่องของเจ้าแล้ว” เฮคซอดโบกมือ “เรื่องจดหมายนี้ห้ามเอาไปบอกให้คนอื่นรู้ ต่อไปถ้ามีจดหมายแบบนี้มาอีกต้องเอามาส่งให้ข้าทันที เข้าใจไหม?”
“ขอรับๆ พวกเราจะทำตามที่ท่านสั่งขอรับ!” ขุนนางทั้งสองคนรีบทำความเคารพเพื่อแสดงออกว่าตัวเองจะไม่ทำให้ผิดหวัง
หลังไล่มนุษย์ออกไปแล้ว สกายลอร์ดก็มองไปทางเหนือพร้อมครุ่นคิด
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ตอนนี้มันกลับพบว่าตัวเองรู้สึกสบายใจขึ้นอย่างน่าประหลาด
ความรู้สึกกดดันอันหนักอึ้งที่กดทับอยู่บนไหล่ของมันนับตั้งแต่วันที่ไนท์แมร์ลอร์ดหายตัวไปพลันรู้สึกลดน้อยลงไปไม่น้อย
น่าจะเป็นเพราะทุกคนต่างรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นมีอิทธิพลให้เผ่าพันธุ์มากแค่ไหนล่ะมั้ง…
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงหรือสิ่งที่คิดอยู่ในใจ เฮคซอดค่อนข้างเชื่อว่านี่เป็นจดหมายที่วัลคีรีย์เขียนขึ้นมา สไตล์ของแต่ละคนนั้นยากที่จะเลียนแบบได้ ต่อให้มนุษย์รู้ภาษาของเผ่าพันธุ์มัน แต่มันเขาก็ไม่มีทางปลอมจดหมายแบบนี้ขึ้นมาได้ ส่วนเรื่องที่ทำไมไนท์แมร์ไม่มาส่งจดหมายฉบับนี้ด้วยตัวเอง คำอธิบายเพียงหนึ่งเดียวก็คือมันยังถูกขังอยู่ในโลกแห่งจิตสำนึก จึงได้แต่ต้องให้มนุษย์ส่งข่าวนี้มาให้
ส่วนเหตุผลที่ทำไมถึงเลือกมนุษย์นั้นก็เข้าใจได้ไม่ยาก
ที่มันเข้าไปในโลกแห่งจิตสำนึกแล้วยังไม่กลับมาก็เป็นเพราะมันต้องการจะไขความลับเรื่องการสืบทอดของมนุษย์ เป้าหมายในการไล่ตามคือชิ้นส่วนสืบทอดของมนุษย์ เมื่อคิดถึงว่าในกลุ่มแม่มดอาจจะมีคนที่สามารถเชื่อมต่อกับโลกแห่งจิตสำนึกได้ เบาะแสนี้มันก็ดูมีเหตุมีผลขึ้นมาทีเดียว
เฮคซอดยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเดาไม่ผิด
แต่ว่าปัญหาที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ…วัลคีรีย์พูดกล่อมแม่มดให้เธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ หรือว่าเธอถูกศัตรูบังคับให้เขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมากันแน่?
บอกตามตรง มันไม่เชื่อว่าไนท์แมร์จะถูกมนุษย์บังคับได้
แต่ในโลกแห่งจิตสำนึกนั้นไม่เหมือนกัน
หากล่องลอยอยู่บนทะเลพลังเวทมนตร์ แล้วก็ถูกรุกรานจากจิตสำนึกอื่นอยู่ตลอดเวลา การที่จะรักษาสติให้ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องยากอย่างมาก หากมันถูกฉวยโอกาสเล่นงานในเวลาแบบนี้ ผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ยากที่จะรู้ได้
ความเป็นไปได้ทั้งสองอย่างนั้นเรียกได้ว่าแตกต่างกันอย่างมาก
หากแต่เป็นอย่างหลัง เช่นนั้นอย่างมากมันก็เป็นแค่กับดักเท่านั้น
แต่ถ้าหากเป็นอย่างแรก อย่างนั้นไม่เท่ากับว่าเผ่าพันธุ์ของมันเดินมาผิดทางหรอกเหรอ?
และคนที่ชี้นำทั้งหมดนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นจักรพรรดิของเผ่าพันธุ์มัน…
ดังนั้นไนท์แมร์จึงได้เลือกที่จะส่งจดหมายนี้ให้ตนแทนที่จะส่งให้คนที่สร้างพระผู้สร้างขึ้นมา?
เฮคซอดรู้สึกขนลุกขึ้นมา มันฝืนสั่งให้ตัวเองหยุดคิดเรื่องนี้ต่อไป
สกายลอร์ดเปิดประตูมิติขึ้นมาแล้วก้าวขึ้นไปบนท้องฟ้า
เทือกเขาสิ้นวิถีที่เป็นแนวป้องกันตามธรรมชาติของมนุษย์เป็นเหมือนเส้นสีเทาที่คดเคี้ยวไปมาปรากฏอยู่ตรงชายขอบของแผ่นดิน
อย่างมากอีกหนึ่งสัปดาห์ สงครามครั้งใหม่จะเปิดฉากขึ้นอีกครั้ง
พระผู้สร้างที่อยู่ใต้เท้าเป็นเหมือนป้อมปืนใหญ่ขนาดใหญ่ที่กำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ภายใต้สถานการณ์ที่ฝนเพลิงและกระบองเพลิงไม่สามารถทำอะไรได้ มันยากที่จะจินตนการได้ว่ามนุษย์จะต้านทานการรุกคืบของเผ่าพันธุ์มันได้อย่างไร
เดิมนี่เป็นศึกที่พวกมันต้องชนะอย่างแน่นอน
แต่วัลคีรีย์กลับคิดว่าพระผู้สร้างไม่ปลอดภัย…
ถ้าบอกว่าคำเตือนเรื่องสงครามแห่งโชคชะตาเป็นเรื่องหลอกลวง อีกทั้งต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะพิสูจน์ได้ อย่างนั้นคำเตือนเรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องใกล้ตัวอย่างมาก
มันไม่อยากจะเชื่อว่าศัตรูจะสามารถเล่นงานวัตถุเวทมนตร์ขนาดใหญ่ขนาดนี้ได้ แต่เมื่อมานึกย้อนดูดีๆ ความพ่ายแพ้ที่ผ่านมาก็ล้วนแต่ตั้งอยู่บนคำว่า ‘เป็นไปไม่ได้’ ทั้งสิ้น
ยิ่งไปกว่านั้นคำเตือนนี้ยังมาจากไนท์แมร์ลอร์ดด้วย
ต่อให้จดหมายฉบับนี้เป็นกับดัก มันก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอะไร เพราะตอนนี้แนวหน้ามีทั้งพระผู้สร้างและไซเลนท์ดิสแอสเตอร์ มันแค่ดูแลเรื่องการสนับสนุนด้านหลังให้ดีก็พอ
ด้านหนึ่งไม่มีความเสี่ยง อีกด้านมีอันตรายแอบแฝงอยู่ จะเลือกอย่างไรนั้นเป็นเรื่องที่รู้ๆ กันอยู่
แต่เฮคซอดกลับคิดไปมากกว่านั้น
มันหันหน้ามองไปทางทิศเหนือ
จากคำพูดในจดหมายบอกว่า ‘โลกแห่งจิตสำนึก’ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของสรรพสิ่งและเป็นแหล่งกำเนิดเวทมนตร์อยู่ตรงปลายสุดของขอบฟ้า
ขอเพียงหาบอทธ่อมเลทแลนด์เจอ มันก็จะสามารถพิสูจน์ได้ว่าเนื้อหาในจดหมายนั้นเป็นจริงหรือปลอม
สันหลังของทวีปก็คือเส้นทางขนส่งที่สำคัญที่สุดในแผนการโจมตีมนุษย์ในตอนนี้ ดังนั้นมันจะไปปรากฏตัวอยู่ตรงไหนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
และในตอนที่ไปค้นหาบอทธ่อมเลสแลนด์ มันก็ไม่มีทางได้รับผลกระทบอะไรจากพระผู้สร้าง
ต่อให้จักรพรรดิถามมันในภายหลัง มันก็มีข้ออ้างที่จะแก้ตัวได้
บางที นี่อาจจะเป็นวิธีที่ถูกต้องก็ได้
…………………………………………