ตอนที่ 2010

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,010 : รากวิญญาณสีม่วง!

 

เวินเยี่ยน!

(*ตอนเก่าๆราวๆ1,500กว่า ผมเคยลงชื่อนางไว้ว่าเหวินเยี่ยน ขอเปลี่ยนเป็นเวินเยี่ยนนะ)

 

หลังได้ยินคำของหลิวอวิ๋น ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงทันใด ยังเผยประกายเย็นเยียบวูบวาบ

 

ถึงแม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินนามนี้ แต่กลับทำให้เขารู้สึกชิงชังรังเกียจเจ้าของนามนัก!

 

‘เป็นเพราะคนชื่อเวินเยี่ยนงั้นเหรอ ถึงทำให้เค่อเอ๋อกับลูกสาวข้าถูกจับไปขังที่หอคุมกฏ!’

 

‘ดูเหมือนว่าข้าจะเข้าใจนางผิดไป….’

 

ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ว่าเขาเข้าใจก่านหรูเยี่ยนผิดไป

 

อย่างไรก็ตามโทสะในใจของเขาไม่ได้ลดทอนลงแม้แต่น้อย ทว่าเป้าโทสะกลับเปลี่ยนจากก่านหรูเยี่ยนไปลงที่เวินเยี่ยนแทน!

 

“ศิษย์พี่หลิวอวิน แล้วเวินเยี่ยนผู้นี้เป็นใครหรือ?”

 

หลังสูดลมหายใจเข้าลึกไม่กี่ครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็ระงับโทสะที่พุ่งพล่านในใจลงได้ จึงหันไปมองกล่าวถามหลิวอวิ๋นด้วยสีหน้าสงสัย

 

“เวินเยี่ยนก็เหมือนกันกับพวกเรา นางเป็นศิษย์ที่แท้จริงคนหนึ่ง พลังฝีมือติดอยู่ในอันดับที่ 9 ของทำเนียบยอดฝีมือ…และในบรรดาศิษย์ที่แท้จริง 10 อันดับแรก หากไม่นับศิษย์พี่ก่านหรูเยี่ยนแล้วนางก็เป็นสตรีอีกคนที่ติดอยู่ใน 10 อันดับแรก ยังขึ้นชื่อเรื่องนิสัยเสียนัก”

 

หลิวอวิ๋นกล่าวออกด้วยสีหน้าดูแคลนรังเกียจ “ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่นให้มากความ ลำพังแค่เรื่องที่นางเป็นต้นเหตุให้ธิดาเทพกับลูกสาวของธิดาเทพถูกจับ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะนางอิจฉาริษยาศิษย์พี่หญิงก่านหรูเยี่ยนทั้งสิ้น! นั่นเพราะมิว่าจะในด้านรูปโฉมหรือพลังฝีมือ…ศิษย์พี่ก่านหรูเยี่ยนล้วนอยู่เหนือกว่านางทุกทาง! ทำให้เวินเยี่ยนคนนี้คิดกระตุกขาหลังของศิษย์พี่ก่านหรูเยี่ยนตลอดเวลา…”

 

“และนางก็พยายามสร้างความเดือดร้อนให้ศิษย์พี่ก่านหรูเยี่ยนมาเสมอ พอมามีเรื่องของธิดาเทพที่เป็นดั่งโอกาสชั้นเลิศ เวินเยี่ยนย่อมไม่คิดปล่อยให้พลาดไป…”

 

“แต่จะอย่างไรความผิดของศิษย์พี่ก่านกรูเยี่ยนครั้งนี้ก็นับว่าร้ายแรงนัก ร้ายแรงถึงขั้นกระทั่งผู้พิทักษ์ชิงหั่วก็มิมีหนทางช่วยนางให้พ้นผิด เรียกว่าเรื่องราวคราวนี้ทุกคนได้แต่รอให้จ้าวลัทธิบูชาไฟออกมาจากการกักตัวฝึกตนเพื่อตัดสินความเท่านั้น”

 

‘เวินเยี่ยนหรือ…ข้าจะจำเจ้าไว้อย่างดี!’

 

สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเย็นเยียบสว่างออกวาบหนึ่ง

 

“ศิษย์พี่หลิวอวิ๋นเมื่อครู่ท่านบอกว่าศิษย์พี่ก่านหรูเยี่ยนรั้งอยู่ในอันดับที่ 7 ของทำเนียบยอดฝีมือศิษย์ที่แท้จริง และอยู่ในอันดับที่ 951 ของรายนามยอดเซียน…ที่แท้พลังฝึกปรือของนางบรรลุถึงขีดขั้นใดกัน?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามด้วยความสงสัย

 

“ศิษย์พี่ก่านหรูเยี่ยนก็เหมือนกับข้า เป็นศิษย์ที่แท้จริงที่มีพลังฝึกปรือขอบเขตเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยน”

 

หลิวอวิ๋นกล่าวตอบ

 

“หือ? เพียงขอบเขตเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนงั้นเหรอ?”

 

ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย “เป็นเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนเช่นเดียวกัน…ศิษย์พี่หลิวอวิ๋นไฉนความต่างของอันดับระหว่างท่านกับศิษย์พี่หญิงก่านหรูเยี่ยนคนนี้ถึงมากนักเล่า นางมีอันดับ 7 แต่ท่านอยู่ในอันดับที่ 27…”

 

“ศิษย์น้องหลิงเทียนเรื่องนี้เจ้าอาจยังไม่ทราบ…ทว่าในบรรดาศิษย์ที่แท้จริงที่มีพลังฝีมือติดอยู่ในทำเนียบยอดฝีมือ 100 อันดับแรก ยกเว้นศิษย์ที่แท้จริง 3 อันดับแรกแล้ว ศิษย์ที่แท้จริงที่เหลือที่ยังอยู่ใน 30 อันดับแรกล้วนมีพลังฝึกปรืออยู่ที่ขอบเขตเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนทั้งสิ้น!”

 

หลิวอวิ๋นกล่าวสืบต่อ “ถึงแม้ว่าจะมีด่านพลังเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนเช่นเดียวกัน แต่ความต่างของพลังฝีมือนั้นมิใช่อะไรที่เล็กน้อย…ในปัจจุบันเรียกว่านอกจากจะบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนแล้ว ผู้ที่จะเบียดเข้าสู่รายนามยอดเซียนได้ ล้วนเป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนทั้งสิ้น!”

 

“และในบรรดาศิษย์ที่แท้จริงของลัทธิบูชาไฟเรา ก็มีเพียง 7 คนเท่านั้นที่มีรายชื่อติดอยู่ในรายนามยอดเซียน! อันดับที่ 8 ที่เป็นรองศิษย์พี่ก่านหรูเยี่ยนอันดับเดียวยังไม่อาจมีชื่อติดอยู่ในรายนามยอดเซียนได้ด้วยซ้ำ!”

 

“เพราะเหตุนี้และด้วยความที่ศิษย์พี่หญิงก่านหรูเยี่ยนก็เป็นสตรีเช่นเดียวกัน…ทำให้เวินเยี่ยนอิจฉาทั้งริษยาศิษย์พี่หญิงนัก!”

 

“ยิ่งมีเรื่องที่เหล่าศิษย์ที่แท้จริงรวมถึงศิษย์ชั้นยอดให้การยอมรับและเรียกหาศิษย์พี่หญิงก่านหรูเยี่ยนว่า ‘ศิษย์พี่หญิงใหญ่’ ก็ทำให้เวินเยี่ยนทวีความเกลียดชังศิษย์พี่หญิงก่านหรูเยี่ยนไปกันใหญ่ กระทั่งทำทุกวิถีทางโดยไม่สนคุณธรรม เพื่อฉุดดึงศิษย์พี่หญิงก่านหรูเยี่ยนให้ตกต่ำลง เพื่อที่นางจะได้รับตำแหน่งศิษย์พี่หญิงใหญ่แทน!”

 

หลิวอวิ๋นกล่าวเรื่องราวออกมาต่อเนื่องรวดเดียวจบ

 

‘พี่สาวฝาแฝดของเค่อเอ๋อได้รับการยอมรับจากเหล่าศิษย์ของลัทธิบูชาไฟว่าเป็นศิษย์พี่หญิงใหญ่?’

 

มาตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงความสามารถของก่านหรูเยี่ยน

 

และวาจาต่อมาของหลิวอวิ๋นก็ตอกย้ำความคิดนี้ของต้วนหลิงเทียน

 

“อีกทั้งในรายนามยอดเซียนนั้น กว่าครึ่งในรายนามล้วนยังอยู่ในด่านพลังเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนทั้งสิ้น…”

 

ในลัทธิบูชาไฟแห่งนี้ อาวุโสเพลิงทองแดงนั้น โดยทั่วไปแล้วพลังฝึกปรือของพวกมันจะรั้งอยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนจนถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยน ส่วนอาวุโสเพลิงเงินจะมีพลังฝึกปรืออยู่ในช่วงเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนจนถึงเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน

 

ส่วนอาวุโสเพลิงทองนั้นคือยอดฝีมือที่ด่านพลังอยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนขึ้นไป

 

รางจ้าวลัทธิทั้ง 2 มีพลังฝึกปรืออยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน

 

สำหรับจ้าวลัทธิบูชาไฟอันทรงพลังรวมทั้งผู้พิทักษ์อันเป็นสุดยอดฝีมือทั้ง 3 นั้นต่างอยู่ในด่านพลังเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนหรืออาจจะสูงกว่านั้น และเมื่อมาถึงด่านพลังเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน ก็ทำให้อายุขัยของพวกมันกลายเป็นไร้สิ้นสุดเคียงฟ้าดิน!

 

ในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ตัวตนในขอบเขตพลังเซียนสวรรค์ระดับเดียวกัน ยังมีความต่างชั้นของพลังฝีมือมากมายนัก!

 

ในบรรดาผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ นับว่ามีผู้มีด่านพลังเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนจำนวนมากที่สุด เป็นดั่งปลาหลีมากมายในบ่อที่รอวันข้ามผ่านประตูมังกรกลายเป็นผู้มีชื่อเสียง

 

แน่นอนว่าตัวตนระดับนี้ยังไม่มีพลังสามารถมากพอจะติดอยู่ในรายนามยอดเซียน

 

แม้ว่าตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนจะมีน้อยกว่าเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยน แต่จำนวนที่มีก็ยังกล่าวได้ว่ามากมาย

 

แต่หากเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนคิดจะเบียดตัวเองให้ติดทำเนียบสุดยอดฝีมือของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอย่างรายนามยอดเซียนล่ะก็ จำต้องมีความโดดเด่นและฝีมือไม่ใช่น้อย เรียกว่ามีเพียง 1 ใน 10 ของบรรดาผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนทั้งมวลเท่านั้น ที่สามารถมีชื่ออยู่ในรายนามยอดเซียนได้!

 

จากเรื่องนี้เผยให้เห็นว่าผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนที่สามารถมีชื่อติดในรายนามยอดเซียนได้ ล้วนเป็นชนชั้นสุดยอดฝีมือของด่านพลังนี้ทั้งสิ้น!

 

และก่านหรูเยี่ยนพี่สาวของเค่อเอ๋อ ก็คือหนึ่งในตัวตนดังกล่าว

 

สำหรับผู้ฝึกตนที่อยู่ในด่านพลังเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน เป็นธรรมดาที่จะมีน้อยกว่าเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยน!

 

ทว่าคำว่าน้อยในที่นี้ ก็ยังถือว่ามากกว่าเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนขึ้นไปอยู่ดี

 

เรื่องนี้สามารถมองเห็นได้จาก รายชื่อที่ติดโผอยู่ในรายนามยอดเซียน

 

สำหรับตัวตนที่บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนกระทั่งสูงกว่านั้น มองไปทั่วทั้งภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า นอกจะเป็นตัวตนอันพบพานได้ยากแล้ว ยังเป็นดั่งเสาหลัก ของมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ทั้ง 3!

 

ในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านอกจาก 3 ลัทธิอันเป็นมหาอำนาจยักษ์ใหญ่แล้ว เกรงว่าจะมีเพียงเผ่าพันธุ์มังกร และเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้า อันเป็นขุมพลังที่อยู่เหนือกว่าขุมพลังชั้น 1 เท่านั้นที่อาจจะมีตัวตนทรงพลังขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนหรือเหนือกว่านั้นดำรงอยู่

 

สำหรับเผ่าพันธุ์มังกรนั้นจากที่ทุกผู้คนได้รับทราบมาตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนของพวกมัน ไม่ได้ร้ายกาจเท่า 3 ลัทธิอันเป็นมหาอำนาจยักษ์ใหญ่

 

ส่วนเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้านั้นเป็นอะไรที่ลึกลับเกินไป ยากที่ผู้ใดจะเข้าถึง! ทำให้ไม่มีผู้ใดทราบว่าในเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้าที่แท้มีตัวตนอันทรงพลังที่บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนหรือสูงกว่านั้นดำรงอยู่หรือไม่…

 

อย่างไรก็ตามในฐานะเผ่าพันธุ์ที่ดำรงอยู่มาช้านานตั้งแต่สมัยโบราณเหมือนกับเผ่าพันธุ์มังกร เป็นธรรมดาที่เผ่าพันธุ์หงส์ฟ้าย่อมไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเผ่าพันธุ์มังกร

 

การดำรงอยู่ของ 2 เผ่าพันธุ์โบราณนี้ กระทั่ง 3 ลัทธิอันถือว่าเป็นมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ยังไม่กล้าล่วงเกิน เพราะพวกมันไม่อาจทราบได้เลยว่า ‘บึง’ โบราณ 2 บึงนี้ ที่แท้ลึกเพียงใด

 

เพราะ 2 เผ่าพันธุ์ไม่ได้เปิดเผยขุมพลังทั้งหมดออกมา จึงไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าใช่มีตัวตนที่อยู่เหนือกว่าเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนคอยปกปักพิทักษ์อยู่หรือไม่…

 

“แต่ศิษย์น้องหลิงเทียนสำหรับเจ้านั้น ไม่ต้องกล่าวใดให้มาก…อาศัยเพียงกระบี่สุดท้ายที่เจ้าใช้ฆ่าหยางเหวินนั่นก็มากพอจะส่งเจ้าให้อยู่ในทำเนียบยอดฝีมืออันดับต้นๆแล้ว!”

 

ทันใดนั้นคล้ายหลิวอวิ๋นนึกอะไรได้ออก สองตามันทอประกายสว่างวาบกล่าวกับต้วนหลิงเทยนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “วันนั้นข้ากับผู้อาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 3 ไม่อาจมองเห็นได้แม้แต่เงากระบี่ของเจ้า นั่นหมายความว่าผู้ที่จะมองเห็นกระบี่ของเจ้าได้ สมควรเป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยน หรือต้องบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนไปแล้วเท่านั้นถึงจะมองทัน”

 

“และหากคิดจะรับกระบี่นี้ของเจ้าให้ได้อย่างหมดจด…น่ากลัวว่าต้องเป็นชนชั้นยอดฝีมือของขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนแล้วล่ะ”

 

ในวาจาของหลิวอวิ๋นไม่ขาดการยกย่องต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย “จากเรื่องนี้บ่งบอกให้รู้ว่า ยากนักที่จะมีผู้ใดในขอบเขตเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนเอาชนะเจ้าได้! ถึงแม้อาจจะมีแต่ก็สมควรมีแค่น้อยดั่งหางส์มังกรขนฟงส์ฟ้า!!”

 

“ศิษย์พี่หลิวอวิ๋นท่านก็กล่าวชมข้าเกินไปแล้ว…ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเวทย์พลังขั้นสูงที่ข้ามีทั้งสิ้น ตัวข้าที่จริงก็ไม่ได้นับว่ามีอะไร”

 

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวกล่าว

 

“ศิษย์น้องหลิงเทียนเจ้าก็อย่าได้ถ่อมตัวเกินไปนักเลย…เวทย์พลังขั้นสูงทั้งหลายหรือมิใช่เพราะเจ้ามีสามารถมากพอถึงบรรลุได้หรอกหรือ? พวกมันย่อมถือเป็นส่วนหนึ่งของพลังฝีมือเจ้าอย่างมิอาจปฏิเสธ!”

 

หลิวอวิ๋นส่ายหัวไปมาเบาๆ ค่อยยิ้มกล่าวสืบต่อ “ศิษย์น้องหลิงเทียนเจ้าเชื่อหรือไม่ อาศัยกระบี่ที่เจ้าใช้ฆ่าหยางเหวิน ไม่เพียงมากพอให้เจ้าติดอันดับต้นๆของทำเนียบยอดฝีมือของศิษย์ที่แท้จริง กระทั่งยังสามารถทำให้เจ้าติดอยู่ในรายนามยอดเซียนได้ด้วยซ้ำ!”

 

“ศิษย์พี่หลิวอวิ๋น…คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง?”

 

ต้วนหลิงเทียนอึ้ง เพราะเขาไม่คิดว่าตัวเขาจะติดอยู่ในรายนามยอดเซียนอะไรนั่นได้เร็วขนาดนี้

 

“ไม่ถึงขนาดนั้นอะไรเล่า พลังฝีมือของเจ้านับว่าสูงเข้าขั้นแล้วจริงๆ! ยามเมื่อเรื่องราวครั้งนี้ได้รับการยืนยันจากผู้จัดทำเนียบยอดฝีมือ อันดับของเจ้าในทำเนียบยอดฝีมือย่อมทะยานขึ้นไปสูงลิ่ว! หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าสมควรเข้าถึง 5 อันดับแรกในทำเนียบยอดฝีมือศิษย์ที่แท้จริงของลัทธิบูชาไฟด้วยซ้ำ!”

 

หลิวอวิ๋นกล่าวออกมายืดยาว

 

5 อันดับแรกในทำเนียบยอดฝีมือศิษย์ที่แท้จริง!

 

เมื่อได้ยินคำของหลิวอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนก็ชักสีหน้างุนงงไม่น้อย อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้คิดมากอะไร

 

และคล้ายจะเห็นความไม่เชื่อในแววตาต้วนหลิงเทียน หลิวอวิ๋นก็คร้านจะกล่าวอะไรให้มากความ

 

มันเชื่อว่าพอถึงเวลา ‘ความจริง’ ก็จะเปิดเผยออกมาเอง

 

“ศิษย์พี่หลิวอวิ๋นในเมื่อธิดาเทพของลัทธิบูชาไฟเรามีพี่สาวฝาแฝดอย่างศิษย์พี่หญิงก่านหรูเยี่ยนที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีคราม แล้วไฉนนางถึงไม่ได้เป็นธิดาเทพแทนเล่า? ”

 

“ไม่ใช่ว่าพรสวรรค์ของศิษย์พี่หญิงก่านหรูเยี่ยนเหนือล้ำกว่าธิดาเทพหรอกหรือไง?”

 

ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามเรื่องนี้ออกมาด้วยความสับสน พอนึกถึงพรสวรรค์ของเค่อเอ๋อที่เคยอยู่กับเขาแม้ภายหลังจะเรียกได้ว่ายอดเยี่ยมถึงขั้นไร้ผู้ต้านในทวีปเมฆาล่อง แต่ทว่าส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเขาให้นมผาหมื่นปีนางไปดื่ม

 

ทว่าแม้เค่อเอ๋อจะใช้นมผาหมื่นปีไปแล้ว แต่พอมาถึงดินแดนเทพยุทธืเซียนเต๋า ก็นับว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อยู่ในระดับทั่วไปเท่านั้น

 

แล้วคนที่มีพรสวรรค์ธรรมดาๆ ไฉนถึงถูกลือกให้เป็นธิดาเทพได้?

 

ต้วนหลิงเทียนไม่อาจนึกหาเหตุผลได้จริงๆ

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังได้รับทราบว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของก่านหรูเยี่ยนเป็นถึงรากวิญญาณสีครามด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้เขาสับสนงุนงงหนักไปกันใหญ่…ที่แท้เกิดเรื่องผีสางอันใดขึ้นในโลกกันแน่?

 

 

“เท่าที่ข้ารู้มา เพราะพรสวรรค์ของศิษย์พี่หญิงก่านหรูเยี่ยนมิอาจเทียบกับพรสวรรค์ของธิดาเทพได้…นางจึงมิใช่ผู้ที่ถูกเลือกให้เป็นธิดาเทพ”

 

ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน หลิวอวิ๋นก็กล่าวตอบทันที “และจากข่าวลือที่ข้าเคยได้ยินมา เห็นว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของธิดาเทพนั้นถูกตรวจพบว่าเป็นถึงพรสวรรค์รากวิญญาณสีม่วงตั้งแต่นางยังเป็นทารก!!”

 

สิ้นคำกล่าว สีหน้าหลิวอวิ๋นก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจังไม่น้อย

 

รากวิญญาณสีม่วง!

 

วาจานี้ของหลิวอวิ๋นยามดังเข้าหูก็ประหนึ่งอัสนียามแล้งที่ฟาดผ่าลงมาโดยไม่ไม่มีการตั้งเค้ามาก่อน

 

พรสวรรค์รากวิญญาณของเค่อเอ๋อ…เป็นถึงพรสวรรค์รากวิญญาณสีม่วงเลยหรือ?

 

‘เรื่องนี้มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?!’

 

ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่อาจเชื่อได้ลงคอ เพราะถ้าหากพรสวรรค์รากวิญญาณของเค่อเอ๋อเป็นสีม่วงจริง ไฉนความเร็วในการบ่มเพาะพลังของนางถึงได้เชื่องช้านักล่ะ?

 

ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามหลิวอวิ๋นด้วยสงสัย “ศิษย์พี่หลิวอวิ๋น จากที่ข้าได้ยินศิษย์ชั้นยอดซุบซิบคุยกัน ไม่ใช่ว่าพลังฝึกปรือของธิดาเทพนั้นอ่อนด้อยนักหรือไง เพราะนางไม่แม้แต่จะบรรลุถึงขอบเขตเซียนมนุษย์ด้วยซ้ำ…”

 

“ที่แท้นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ไม่ใช่ว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของนางเป็นสีม่วงหรอกเหรอ?”