เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1094

เมื่อมองมาทางลู่ฝาน สายตาหยุดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นละสายตาออกมาแล้วพูดว่า “การคัดเลือกผู้มีความสามารถ เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งของประเทศอู่อาน พวกนายล้วนเป็นนักบู๊อายุน้อยที่มีความสามารถโดดเด่นของประเทศอู่อาน ผ่านการแนะนำเป็นขั้นๆ กว่าจะมาถึงตรงนี้ เรียกได้ว่าแค่คนที่สามารถเข้ามาในตำหนักวันนี้ ล้วนเป็นกำลังสำคัญของประเทศ อนาคตของประเทศอู่อานในภายภาคหน้า ล้วนต้องพึ่งพาอาศัยพวกนาย”

ขณะนั้น กลุ่มคนส่งเสียงตะโกนขึ้นทันที

“ฝ่าบาททรงพระเจริญ ประเทศอู่อานยิ่งใหญ่!”

ลู่ฝานสะดุ้งกับเสียงตะโกนของคนพวกนี้ รีบก้มหน้าตามอย่างรวดเร็ว

การกระทำของเขา อยู่ในสายตาคนจำนวนไม่น้อย จู่ๆ เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นเป็นจำนวนมาก

“ประเพณีพิธีการยังทำไม่เป็นเลย เข้าถูกคัดเลือกมาได้ยังไง”

“นักกระบี่แห่งตงหวาแค่นี้เองเหรอ คงไม่ได้มีดีแค่ชื่อใช่ไหม!”

ขุนนางบุ๋นสองสามคนหัวเราะออกมา สายตาที่มองลู่ฝานยิ่งดูหมิ่นเข้าไปอีก

ในบรรดานักบู๊อายุน้อย ก็มีคนจำนวนไม่น้อยหัวเราะพรืดใส่ลู่ฝาน โดยเฉพาะหลู่ยิน ที่ทำท่าทำทางดูหมิ่นใส่ลู่ฝาน

ลู่ฝานกะพริบตาอย่างไม่สนใจ ก็เข้าไม่ได้เรียนประเพณีพิธีการจริงๆ นิ

หลู่เฉิงเซี่ยงบอกว่าจะส่งคนมาสอนเขา แต่ผลปรากฏว่าเขาไปอ่านหนังสือคนเดียวตั้งหลายวัน ก็ไม่มีใครมาสอนเขา

เห็นฉินซางต้าตี้ไม่มีท่าทีจะไล่เขาออกไป ลู่ฝานแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

ไม่เกิดเรื่องก็ดีแล้ว ส่วนเรื่องขายหน้า ไม่สนใจหรอก!

ฉินซางต้าตี้สะบัดมือ บอกให้ทุกคนลุกขึ้นยืน แล้วพูดต่อ “ฉันหวังว่าหลังจากสิบวัน จะได้เจอพวกนายที่ตำหนักอีก”

ฉินซางต้าตี้กวักมือให้ฉินอวิ่นที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุด

ไท่จื่อฉินอวิ่นค่อยๆ เดินออกมา พูดเสียงดังกับพวกนักบู๊อายุน้อยว่า “นักบู๊ทุกคนที่เข้าร่วมการคัดเลือก ไปแท่นบูชาอวี่ฮั่ว เดินทางสัจธรรมฟ้า ข้ามสะพานสายรุ้ง!”

ทุกคนตอบรับเสียงดัง ไท่จื่อฉินอวิ่นสะบัดมือ หินเวิ้งว้างด้านล่าง ส่องแสงสว่างแสบตา

ไม่ต้องดูก็รู้ว่านี่คือแสงของจุดค่ายกลเคลื่อนฟ้า

ลู่ฝานสูดหายใจลึก ต่อมาฟ้าดินเกิดการเปลี่ยนแปลง เวลาเพียงพริบตาเดียว พวกเขามาถึงบนลานประลองขนาดมหึมาแห่งหนึ่ง

ลานประลองใหญ่มาก อย่างน้อยก็ใหญ่กว่าลานประลองที่ลู่ฝานประลอง ตอนเทศกาลเซ่นไหว้ประจำปีเป็นสิบเท่า

ตรงกลางมีหินขนาดใหญ่อยู่หนึ่งก้อน ดำขลับเหมือนหมึก บนหินมีตัวอักษรคำว่า “แท่นบูชาอวี่ฮั่ว!”

ลู่ฝานหันไปมองรอบๆ เห็นฉินซางต้าตี้และคนอื่น นั่งเรียงตามลำดับอยู่ในชั้นเมฆ

ตอนนี้ฉินอวิ่นมองลงมาจากยอดเมฆ เขาพูดเสียงดังอีกครั้ง “การคัดเลือกด่านแรก สะพานสายรุ้งทางสัจธรรมฟ้า นักบู๊ทุกคน คนที่สามารถเดินขึ้นสะพานสายรุ้งได้ร้อยขั้น ถือว่าผ่านด่าน คนที่ไม่ถึงร้อยขั้น ถือว่าตกรอบ!”

เมื่อสิ้นเสียง ทุกคนพูดตอบรับ

ลู่ฝานพบว่าคนอื่นไม่ได้ส่งเสียงอุทานอย่างตกใจ เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้เกี่ยวกับด้านนี้เป็นอย่างดี

บางทีคนในที่นี้ อาจมีแค่เขาที่ไม่รู้ว่าการคัดเลือกตอนผ่านด่านไหนบ้าง!

ทันใดนั้น มีวงแหวนเก้าสีสว่างขึ้นบนหินก้อนใหญ่

ลำแสงพุ่งขึ้นไปบนฟ้า คิดไม่ถึงว่าจะพุ่งไปข้างหน้าฉินซางต้าตี้

ลำแสงรวมตัวกันเป็นสายรุ้ง เชื่อมต่อกับขอบฟ้า เหมือนสะพานลอยขึ้นไปด้านบน นี่คือสะพานสายรุ้ง!

เมื่อนักบู๊ทุกคนเห็นภาพนี้ ต่างพากันทำสมาธิตั้งสติ ลูบไม้ลูบมือตั้งท่าต่อสู้

หลู่ยินที่อยู่ข้างลู่ฝานพูดเสียงเบาว่า “ลู่ฝาน นายรู้ไหมว่าทุกครั้งด่านนี้จะมีคนตกรอบอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์เลยนะ!”

ลู่ฝานพูดด้วยรอยยิ้ม “เธอพูดเรื่องแบบนี้กับฉันทำไม”

หลู่ยินพูดว่า “ฉันเตือนนายไง ถ้านักกระบี่แห่งตงหวาผู้ยิ่งใหญ่ ตกรอบตั้งแต่ด่านแรก นั่นมันน่าอายมากเลยนะ!”

ยังไม่ทันพูดจบ ไท่จื่อฉินอวิ่นที่อยู่บนฟ้าพูดเสียงดังว่า “เริ่ม!”