บทที่ 2787 โรครักสะอาดและย้ำคิดย้ำทำ
จากนั้นเขาก็กวาดตามองจานเจ็ดใบชามแปดใบของกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง
กู้ซีจิ่วค่อนข้างเรื่อยเฉื่อย จานชามจัดวางไปอย่างส่งๆ ยิ่งนัก พนักงานยกมาให้เธออย่างไรเธอก็กินอย่างนั้น ว่าง่ายอย่างยิ่ง
กินเช่นนี้ก็สะดวกมาก เพียงแต่สะเปะสะปะไปสักหน่อย
กู้ซีจิ่วยื่นตะเกียบไปทางปลาตุ๋นน้ำแดงจานหนึ่ง ไม่นึกเลยว่าพอยื่นตะเกียบไปถึงตรงนั้น จานใบนั้นก็ลอยไปแล้ว
กระเพาะผัดเผ็ดอีกจานหนึ่งปรากฏขึ้นในตำแหน่งนั้น กู้ซีจิ่วจิ้มตะเกียบเข้าไป คีบได้กระเพาะสองสามเส้น…
เธองงงัน…
เธอมองจานชามที่เรียงรายอยู่เบื้องหน้าตนปานทหารตั้งแถว จากนั้นก็มองคุณชายที่อยู่ตรงข้ามคนนั้น “นี่ท่านผู้สูงศักดิ์ทำอันใด?”
“คุณชายอย่างข้าทนเห็นผู้อื่นวุ่นวายไร้ระเบียบไม่ได้เป็นที่สุด เป็นความเคยชินส่วนตัว โปรดอย่าถือสาเลย” คุณชายคนนั้นเริ่มกินอาหารอยู่ที่นั้นอย่างเชื่องช้า
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย
ช่างเถอะ มนุษย์เราหลากความคิดจิตใจ นิสัยประหลาดสารพัดล้วนมีหมด
เธอเป็นเทพผู้สร้างโลก สมควรใจกว้างให้มากหน่อย ไม่จำเป็นต้องถือสาคุณชายน้อยคนหนึ่ง
ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงกินอาหารของตนต่อไป
เธอชอบกินอาหารที่มีเปลือก กุ้ง ปูอะไรทำนองนั้น
และเธอก็ชอบใช้มือแกะกินเองด้วย รู้สึกว่ากินแบบนี้สิถึงจะได้รสชาติแบบที่เธอชอบ
อันที่จริงเธอก็รักสะอาดมากเหมือนกัน เปลือกน้อยใหญ่ที่แกะแล้วเหล่านั้นล้วนวางไว้ในจานใบหนึ่ง
เธอมั่นใจว่ากินอย่างมีระเบียบเรียบร้อยมากแล้ว คาดไม่ถึงว่าคุณชายคนนั้นจะเงยหน้ามองจานใบนั้นของเธอแวบหนึ่ง แล้วขยับนิ้วคราหนึ่งอีกครั้ง ลำแสงสายหนึ่งวาบผ่าน เปลือกในจานใบนั้นจัดเรียงซ้อนกันอย่างมีระเบียบด้วยตัวเอง เปลือกกองหนึ่งที่เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่ากองยุ่งเหยิง แต่หลังจากผ่านการจัดการจากเขาแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะแบ่งแยกชนิดอย่างชัดเจน เปลือกแต่ละอย่างกองกันอยู่ภายในจานเป็นทรงบุปผาดอกหนึ่ง
กู้ซีจิ่วเพิ่งแกะเปลือกกุ้งใหญ่ตัวหนึ่งหมายจะวางใส่ในจาน แต่พอได้เห็นเปลือกที่ก่อกันเป็นบุปผาในจานแล้ว เปลือกใหญ่อันนี้ของเธอก็ไม่รู้ว่าสมควรจะเอาไปวางไว้ตรงไหนดีถึงจะไม่เป็นการทำลายสุนทรีย์อันงดงาม
เส้นเลือดบนหน้าผากของเธอเต้นตุบๆ อย่างรุนแรง
นี่จะไม่ให้ผู้อื่นได้กินอย่างเป็นสุขเลยใช่ไหม?!
เธอมาเพื่อกินข้าวนะ ไม่ได้มาอวดอ้างวางท่า!
การกินข้าวร่วมกับคนที่เป็นโรครักสะอาดและย้ำคิดย้ำทำอย่างรุนแรงช่างน่าเหนื่อยใจเสียจริง!
กู้ซีจิ่วพยายามอดทน ทว่าทนไม่ไหวแล้ว ยกมือโยนเปลือกชิ้นใหญ่ในมือเข้าไปในจาน ทำให้เปลือกที่ก่อตัวเป็น บุปผาอยู่ในจานอย่างมีระเบียบพังทลายยุ่งเหยิ่งยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก
คุณชายคนนั้นเงยหน้าเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง เธอมองกลับไปอย่างคล้ายจะตอบโต้
สายตาของคนทั้งสองจดจ้องกันอยู่ในอากาศครู่หนึ่ง จู่ๆ คุณชายคนนั้นก็ยิ้ม เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “แม่นางเอื้อเฟื้อให้ร่วมแบ่งโต๊ะได้ ต่อไปข้าแกะเปลือกให้แม่นางเองเป็นอย่างไร?”
กู้ซีจิ่วกลอกตานิดๆ “ได้ เช่นนั้นก็รบกวนด้วย”
คุณชายคนนั้นจรดนิ้วทำมุทรา สำแสงน้อยๆ สายแล้วสายเล่าพุ่งจากปลายนิ้วเขา ร่อนลงไปในจานที่มีอาหารติดเปลือกสารพัดอย่าง
ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะเป็นกุ้งหรือปู เปลือกเหล่านั้นล้วนแกะลอกออกไปด้วยตัวเอง พริบตาเดียวเปลือกทั้งหมดก็ลอยเข้าไปอยู่ในจานใบหนึ่งแล้ว เรียงรายอยู่ในจานใบนั้น ดุจขบวนทหาร
เนื้อที่แกะออกมาแล้วก็วางเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ยุ่งเหยิงเลยสักนิด
กู้ซีจิ่วมองคุณชายคนนั้นอีกแวบหนึ่งอย่างอดใจไม่อยู่ รู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าคนผู้นี้เหมาะกับตำแหน่งหน้าที่ในกรมยุติธรรม
ใจเต้นแรงขึ้นมาเล็กน้อย ตอนนี้หกภพภูมิยังขาดระเบียบกฎเกณฑ์การประพฤติอยู่ ยิ่งขาดผู้คอยควบคุมกวดขันด้วย หากว่าให้คนผู้นี้เป็นผู้ควบคุมตรากฏเกณฑ์จะต้องทำได้ยอดเยี่ยมมากเป็นแน่!
แน่นอน ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในสมองของเธอเพียงแวบเดียวเท่านั้น ก็ถูกปล่อยผ่านไปเลย
กฏเกณฑ์ของหกภพภูมิมิใช่จะให้ใครก็ได้มาบัญญัติและควบคุมได้ส่งเดช ต้องเป็นอัจฉริยะที่ถือกำเนิดขึ้นจากการบ่มเพาะของฟ้าดินเท่านั้นถึงจะทำได้ เช่นนี้กฏเกณฑ์ที่บัญญัติขึ้นถึงจะโคจรไปได้ด้วยตัวเอง
แต่คนผู้นี้…
กู้ซีจิ่วมองพินิจเขาแวบหนึ่ง น่าจะเป็นเพียงซ่างเซียนเท่านั้น
เท่าที่เธอรู้ ผู้ที่ถือกำเนิดจากการบ่มเพาะของฟ้าดินในยุคนี้มีเพียงคนเดียว นั่นก็คือฟั่นเชียนซื่อ
————————————————————————————-
บทที่ 2788 หึงหวง
รูปลักษณ์อันสง่างามดุจต้นไผ่ของฟั่นเชียนซื่อแวบเข้ามาในครรลอง เธอถอนหายใจหนักๆ คราหนึ่ง
ศิษย์คนนี้ของเธออันใดล้วนดีไปหมด เสียเพียงหวั่นไหวง่ายไป เกิดความคิดที่ไม่สมควรมีต่อเธอ เรื่องนี้ทำให้เธอปวดหัวยิ่งนัก
ประการแรกคือเธอมีอายุขัยเหลืออีกไม่นานแล้ว ประการที่สองคือเธอเป็นเทพผู้สร้างโลกสมควรจะมีความรักอันยิ่งใหญ่ มิใช่จำกัดอยู่ในเรื่องรักใคร่หยุมหยิมเหล่านี้ หาไม่แล้วหากเขาได้ขึ้นนั่งตำแหน่งนี้ จะไม่ใช่เรื่องดีอันใดสำหรับหกภพภูมิเลย!
ดังนั้นเธอต้องหาทางขจัดความคิดนั้นของเขาไปให้จงได้…
เธอค่อนข้างใจลอยไปชั่วขณะ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะคราหนึ่ง “โง่ไปเลยหรือ? หญิงอัปลักษณ์นี่ช่างสมเป็นหญิงอัปลักษณ์โดยแท้ เมื่อเห็นว่ามีชายหนุ่มรูปงามมาปรนนิบัติก็ชมชอบโง่งมไปแล้ว”
กู้ซีจิ่วได้สติกลับมา หันไปตามเสียง พบว่าผู้ที่เอ่ยคือโฉมงามผู้เย้ายวนที่อยู่โต๊ะข้างเคียงคนนั้น สีหน้าเยาะเย้ยถากถาง มองเธออย่างไม่เป็นมิตรอยู่
นี่คืออิจฉากระมัง?
กู้ซีจิ่วส่ายหน้านิดๆ โฉมงามที่เดิมทีเจริญตาจรรโลงใจนางหนึ่ง กลับปล่อยให้สีหน้าของนางดูน่าเกลียดด้วยความริษยา…
เธอมองคุณชายคนนั้นแวบหนึ่ง คุณชายคนนั้นกอดอกมองเธออย่างยิ้มมิเชิงยิ้มอยู่ ทว่าไม่ได้เอ่ยวาจา
กู้ซีจิ่วนิ่งไปแวบหนึ่ง ยิ้มนิดๆ “จู่ๆ ข้าก็ไม่ชอบเนื้อติดเปลือกพวกนี้เสียแล้ว คุณชายท่านนี้ ช่วยแกะก้างปลาให้ข้าหน่อยได้หรือไม่?”
“หือ?” คุณชายคนนั้นเลิกคิ้ว ค่อนข้างสนใจ
“หญิงอัปลักษณ์มากเรื่อง! ผู้อื่นช่วยแกะเปลือกเหล่านั้นให้เจ้าเพราะรังเกียจที่เจ้ากินสกปรกเลอะเทอะ เจ้าเห็นผู้อื่นเป็นบ่าวรับใช้ของเจ้าไปจริงๆ แล้วหรือไร? ไม่รู้จักสำเหนียกดูสารรูปของตัวเจ้าเองบ้าง นึกว่าตัวเองดีเด่จริงๆ หรืออย่างไร?!” วาจาของสตรีนางนั้นรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
กู้ซีจิ่วยังคงไม่สนใจสตรีนางนั้น เพียงยิ้มแวบหนึ่ง ไม่ได้เอ่ยวาจาเช่นกัน ยกปลาจานนั้นขึ้นมา ลงมือแกะก้างปลาเอง พริบตาเดียวน้ำปรุงรสก็เลอะเปรอะเต็มมือแล้ว
คุณชายคนนั้นนิ่งงันไป…
สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจ ดึงจานปลาไปจากตรงหน้าเธอ แกะก้างออกอย่างง่ายดายยิ่ง แล้วยื่นผ้าเช็ดหน้าไหมผืนหนึ่งส่งให้ “เช็ดให้สะอาดเถอะ”
กู้ซีจิ่วยังคงให้ความร่วมมือยิ่งนัก รับผ้าเช็ดหน้าไหมผืนนั้นมาเช็ดมือ คิดจะโยนลงบนโต๊ะ
แต่มือของเธอถูกคุณชายคนนั้นคว้าไว้ เธอเงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ พบว่าบุรุษคนนั้นนั่งอยู่ข้างตัวเธอแล้ว จับมือเธอไว้แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าไหมเช็ดคราบบนนั้นออกจนสะอาดเอี่ยม
กู้ซีจิ่วทำตัวไม่ถูกแล้ว
เธอผินหน้ามองสตรีโต๊ะข้างเคียง สตรีนางนั้นถูกสองคนนี้มองเมินอย่างสิ้นเชิง โมโหจนดวงหน้าเฉิดฉันเขียวคล้ำแล้ว!
โอ้ กู้ซีจิ่วรู้สึกเบิกบานขึ้นไม่น้อยเลย จึงไม่ใส่ใจเรื่องที่ถูกผู้อื่นสัมผัสมือแล้ว
เพียงแต่เธอค่อนข้างแปลกใจอยู่บ้าง บุรุษที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ไม่คล้ายคนที่ชอบปรนนิบัติผู้อื่น แล้วทำไมถึงมาดีกับสตรีอัปลักษณ์อย่างเธอขนาดนี้กันล่ะ?
หรือว่าเวลาที่เขาขอแบ่งโต๊ะกินข้าวกับผู้อื่น เพียงเพราะทนเห็นผู้อื่นกินอย่างเลอะไร้ระเบียบไม่ได้ เขาจึงปรนนิบัติผู้อื่นเช่นนี้เสมอ? เช่นนั้นเขาจะกินข้าวสักมื้อต้องวุ่นวายขนาดไหนกันนะ?!
กู้ซีจิ่วเห็นใจเขาอยู่บ้าง จึงตบไหล่เขาเบาๆ “หนุ่มน้อย ชีวิตเจ้าช่างเหนื่อยยากเกินไปแล้ว แบบนี้ไม่ดีนะ”
ชายหนุ่มคนนั้นพูดไม่ออกเลย
กู้ซีจิ่วไม่สนใจเขาอีก เธออิ่มหมีพีมันแล้ว สมควรจากไปได้แล้ว “เถ้าแก่ คิดเงิน!”
เถ้าแก่วิ่งเข้ามาอย่างกระตือรือร้น “ท่านลูกค้าผู้มีอุปการะคุณ เป็นศิลาวิญญาณสามพันหกร้อยก้อนขอรับ“
กู้ซีจิ่วยื่นมือไปลูบหาถุงเงินข้างกายตน พอลูบแล้วก็ชะงักไปแวบหนึ่ง ถุงเงินของเธอหายไปแล้ว…
สีหน้าของเถ้าแก้ร้านคนนั้นก็แปรเปลี่ยนเช่นกัน มื้อนี้กู้ซีจิ่วกินไปไม่น้อยเลย หากว่ากินแล้วชักดาบจริงๆ เช่นนั้นการค้าในหนึ่งเดือนนี้ของเขาล้วนต้องเสียเปล่าแล้ว!
“แม่นาง ท่านทำเช่นนี้คือ?”
กู้ซีจิ่วกระแอมเบาๆ “ถุงเงินข้าถูกขโมยไปแล้ว!”
สีหน้าของเถ้าแก่ร้านไม่น่ามองยิ่งกว่าเดิม “แม่นางเช่นนี้คือตั้งใจจะชักดาบจึงจงใจหาข้ออ้างกระมัง!”
กู้ซีจิ่วก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่าจะมีวันที่ตนถูกขโมยถุงเงินด้วย เธอถึงขึ้นที่นึกไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าที่แท้แล้วถุงเงินใบนี้หายไปได้อย่างไร
————————————————————————————-