ตอนที่ 1945 หน้าไม่อายอะไรขนาดนี้?

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1945 หน้าไม่อายอะไรขนาดนี้?

“บังอาจ!”

หัวเจียงเหอหรี่ตาอย่างโกรธจัด เขาไม่คิดว่าเฉว่เฉินจะกล้าฆ่าใครต่อหน้าเขาแบบนี้

ดูเหมือนอีกฝ่ายจงใจดูถูกเขาด้วย!

หัวเจียงเหอคว้าดาบทันที ตั้งใจจะยับยั้งเฉว่เฉิน แต่ในชั่วพริบตา ก็รู้สึกว่ามีฝ่ามือหนึ่งผลักมือของเขา กันไม่ให้เขาชักดาบออกมาได้ เขาจ้องคนผู้นั้น เห็นเจ้าเมืองเฉว่เหยากำลังมองเขาด้วยรอยยิ้มสุขุม “นายท่านเหอ ไม่มีอะไรต้องกังวล เฉว่เฉินกำลังขู่ 2 คนนั่นเท่านั้น เขาไม่คิดจะเล่นงานทั้งคู่จริงๆหรอก ในฐานะศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหิน คุณไม่จำเป็นต้องลดตัวลงมาเกี่ยวข้องกับกิจธุระในเมืองของเรา!”

คำพูดนั้นทำให้หัวเจียงเหอหรี่ตาอีกครั้ง

ไม่มีทางที่เขาจะตีความเจตนาสังหารของเฉว่เฉินผิด มันไม่ใช่การขู่ แต่คือการจงใจฆ่า ถ้าพลังจากฝ่ามือนั้นเข้าถึงเป้าหมาย ทั้งคู่จะต้องตายทันที

และเมื่อทั้งคู่ถูกกำจัด เจ้าเมืองเฉว่เหยาก็จะออกมาแสดงความเสียใจที่ไม่อาจควบคุมลูกน้องให้ทำตัวเหมาะสมได้ จากนั้นเขาก็จะขังเฉว่เฉินไว้สักระยะหนึ่งจนกว่าเรื่องจะซา…

ถึงตอนนั้น ตั้นเฉี่ยวเทียนกับเฉาเฉิงลี่ก็ตายไปแล้ว แล้วจะมีใครกล้าตั้งคำถามกับเจ้าเมืองเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้คนตาย?

และเมื่อทุกอย่างเงียบหาย เฉว่เฉินก็จะได้รับการปล่อยตัวราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้น

“ไม่นะ!”

เมื่อต้องเผชิญกับพละกำลังทำลายล้างจากฝ่ามือของเฉว่เฉิน เฉาเฉิงลี่หน้าซีดเผือด เหงื่อหยดเป็นทางจากหน้าผาก

เขามาที่นี่เพียงเพื่อชดเชยความเสียหายให้ตั้นเฉี่ยวเทียนภายใต้คำสั่งของหนังสือลึกลับเล่มนั้น…ไม่ได้คิดจะเอาชีวิตมาทิ้ง!

ขณะที่กำลังคิดว่าโชคชะตาคงถูกปิดตายแล้ว พละกำลังหนักหน่วงที่มุ่งหน้ามาทางเขาก็สลายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เฉาเฉิงลี่เงยหน้าขึ้นด้วยความพรั่นพรึงเพื่อแอบมอง เห็นนักปราชญ์โบราณขั้น 3 ที่อยู่ตรงหน้าเขาทรุดฮวบลงไร้เรี่ยวแรงอยู่กับพื้น

“ฮะ?”

เฉาเฉิงลี่รีบเข้าไปตรวจสอบร่างของเฉว่เฉินอย่างระแวง เห็นบาดแผลขนาดเล็กที่บริเวณหน้าผากยาวไปจนถึงด้านหลังศีรษะ เขาทาบนิ้วที่รูจมูกของเฉว่เฉินอย่างระมัดระวัง และได้รู้ว่าอีกฝ่ายหมดลมหายใจเฮือกสุดท้ายไปแล้ว นิ้วของเขาสั่นเทาด้วยความตกตะลึง

เฉาเฉิงลี่จังงังอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเหลียวมองไปรอบๆอย่างคลุ้มคลั่งเพื่อหาอาวุธของฆาตกร แต่สิ่งเดียวที่เขาเห็นคือต้นหญ้าลึกลับที่ปักอยู่กับพื้น มีร่องรอยสีเทาเปื้อนอยู่บนต้นหญ้านั้น ถึงจะเหลือเชื่อขนาดไหน แต่ก็ดูเหมือนว่ามันคืออาวุธที่ใช้คร่าชีวิตของเฉว่เฉิน!

ต้นหญ้าบอบบางต้นหนึ่งสามารถเจาะศีรษะของนักปราชญ์โบราณขั้น 3 ได้…ผู้ที่ใช้มันจะต้องทรงพลังขนาดไหน?

ความรู้สึกที่ว่ามีผู้เชี่ยวชาญผู้ทรงพลังอยู่รอบตัวซึ่งสามารถคร่าชีวิตของเขาได้ทุกขณะทำให้เฉาเฉิงลี่เกิดความพรั่นพรึงอย่างหนัก เขาตัวแข็งด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว

ส่วนหัวเจียงเหอก็เดินเข้ามาดูภาพนั้นอย่างไม่อยากเชื่อ

ตัวเขาเป็นนักปราชญ์โบราณขั้น 4 ขั้นต้นเหมือนกับเจ้าเมืองเฉว่เหยา แต่ก็รู้ดีว่าแม้ตัวเขาก็ไม่อาจทำอะไรแบบนี้ได้

โครงสร้างของต้นหญ้าที่อ่อนแอทำให้ไม่อาจสำแดงพละกำลังผ่านตัวมันหรือถ่ายทอดพลังปราณเข้าไปในนั้นได้ แต่มันก็สังหารนักปราชญ์โบราณขั้น 3, แทงทะลุชั้นพลังปราณของเขาและถึงกับทะลุศีรษะด้วย…

ที่สำคัญกว่านั้น ขนาดเรื่องนี้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา เขาก็ยังไม่รู้ว่าตัวการเป็นใคร หรือแม้แต่ต้นหญ้านั้นมาจากไหน!

ราวกับว่าต้นหญ้าโผล่มาจากที่ไหนก็ไม่รู้!

เจ้าเมืองเฉว่เหยาตกตะลึงพอๆกับหัวเจียงเหอ ร่างของเขาเย็นเฉียบ

เขารู้ดีว่าหากตัวเองอยู่ในตำแหน่งของเฉว่เฉิน การโจมตีนั้นคงคร่าชีวิตเขาได้โดยง่ายเช่นกัน

คนเดียวในบริเวณนั้นที่ดูจะไม่ประหลาดใจคือตั้นเฉี่ยวเทียน เขาถอนหายใจอย่างโล่งอกขณะครุ่นคิด “ท่านอาจารย์ของเรา…ไร้เทียมทานจริงๆ!”

เขารู้ดีว่าท่านอาจารย์ของเขาเป็นนักรบที่พิเศษเหนือชั้นกว่าธรรมดา แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทรงพลังขนาดนี้

ตั้นเฉี่ยวเทียนระงับความตื่นเต้นและประหลาดใจไว้ เขากำลังจะพูดต่อ ก็พอดีกับที่เห็นเจ้าเมืองเฉว่เหยาลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าขุ่นเคืองใจ “เฉว่เฉินกล้าทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ได้อย่างไร? คิดดูสิว่าผมไว้ใจเขา มอบตำแหน่งสำคัญในฐานะหัวหน้าใหญ่ของสำนักเจ้าเมืองให้! ตอนนั้นผมคงหูหนวกตาบอด นี่ถือเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่…แกะดำตัวนี้ควรจะถูกสังหารเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนอื่นๆ!”

ตั้นเฉี่ยวเทียนถึงกับผงะกับการระเบิดอารมณ์ของเฉว่เหยา

หมอนี่กำลังอ้างว่าตัวเขาคือผู้สังหารเฉว่เฉินอย่างนั้นหรือ?

หน้าไม่อายอะไรขนาดนี้?

“เฉี่ยวเทียน ผมขออภัยที่คุณต้องเดือดร้อนเพราะการกระทำที่มีเจตนาร้ายของเฉว่เฉิน โชคดีที่คุณฉลาดพอจะอ่านเกมของเขาออก ไม่อย่างนั้น สำนักเจ้าเมืองของเราคงต้องตกหลุมพรางไปด้วย!”

เฉว่เหยาเดินเข้ามาหาตั้นเฉี่ยวเทียน วางท่าของผู้อาวุโสผู้เอาใจใส่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “การหมั้นหมายระหว่างคุณกับลูกสาวของผมเป็นการตัดสินใจของท่านปู่ของคุณกับท่านพ่อของผม ซึ่งทั้งสองก็เสียชีวิตไปแล้ว ในฐานะทายาทของพวกเขา เราไม่ควรทำให้พวกเขาผิดหวัง ผมเชื่อว่าเหตุผลที่เฉว่ชิงทำอะไรโง่เง่าแบบนั้นลงไปก็เพราะถูกเฉว่เฉินล่อลวง หมอนั่นมีความเชี่ยวชาญในการชักจูงความคิดของใครต่อใครอยู่แล้ว…”

ตั้นเฉี่ยวเทียนอดคำรามเยาะไม่ได้เมื่อเห็นเฉว่เหยาพลิกลิ้นให้เข้ากับสถานการณ์ได้ทันท่วงที สมกับที่เป็นเจ้าเมือง เขาคือหมาป่าเฒ่าเจ้าเล่ห์

เพราะท่านอาจารย์ของเขาให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว จึงไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวในสถานการณ์แบบนี้ ซึ่งในบรรดาทุกคนที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่ ผู้ที่มีพละกำลังสูงสุดก็คือเฉว่เหยา จึงเป็นธรรมดาที่ใครๆจะพากันคิดว่าเขาคือผู้สังหารเฉว่เฉิน

เฉว่เหยาใช้โอกาสนี้ป้ายความผิดทั้งหมดให้เฉว่เฉิน ทำให้ดูเหมือนว่าสำนักเจ้าเมืองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย ซึ่งหลังจากเรื่องนี้เงียบหาย เขาก็จะใช้ทั้งพระเดชพระคุณให้ทุกคนตายใจ จากนั้น ความขัดแย้งที่ฝูงชนรู้สึกต่อสำนักเจ้าเมืองก็จะสลายไปอย่างรวดเร็ว

แต่นั่นแหละ…กำจัดลูกน้องผู้จงรักภักดีได้ในชั่วพริบตา เฉว่เหยาช่างใจคอโหดเหี้ยม!

“เจ้าเมืองเฉว่เหยา คุณนี่เป็นตัวตลกตัวเอ้เลยนะ” ตั้นเฉี่ยวเทียนหัวเราะหึๆก่อนนัยน์ตาจะพลันเย็นเยียบ “กองทหารทั้ง 50 นายที่สำนักเจ้าเมืองส่งไปเสียชีวิตแล้วเมื่อคืน จากนั้นก็มีการสืบสวนครั้งใหญ่ตามมา จะให้เราเชื่อหรือว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของเฉว่เฉินคนเดียว คุณไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย?”

ความตายของกองทหารชั้นสูง 50 นายถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของสำนักเจ้าเมือง ไม่มีทางที่เฉว่เหยาจะไม่รู้ไม่เห็นเรื่องนี้!

แม้จะมีคนฉลาดอยู่จำนวนหนึ่งในหมู่ฝูงชนที่ฉุกคิดได้เช่นกัน แต่การกระทำของตั้นเฉี่ยวเทียนเทียนที่ชี้ให้เห็นอย่างตรงไปตรงมาก็เรียกได้ว่าเป็นการท้าทายสำนักเจ้าเมืองโดยตรง

“ฮึ่มมม!”

นึกไม่ถึงว่าตั้นเฉี่ยวเทียนจะไม่ยอมจบทั้งที่เขายื่นข้อเสนอเจรจาสันติภาพแล้ว เฉว่เหยาหน้าตึง เขาส่งโทรจิตเตือนตั้นเฉี่ยวเทียน “ยังไม่พอใจกับความตายของเฉว่เฉินหรือไง? จะลากผมให้จบเห่ไปด้วยใช่ไหม? คิดสิคิด! มีหลักฐานอะไรมาพิสูจน์ว่าผมมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้?”

ตั้นเฉี่ยวเทียนเงียบกริบ

แม้ท่าทีของเฉว่ชิงจะเลวร้าย แต่เรื่องจริงก็คือแผนการส่วนใหญ่ถูกวางแผนและดำเนินการโดยเฉว่เฉิน ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีอะไรเชื่อมโยงโดยตรงที่บ่งบอกว่าเฉว่เหยามีส่วนรู้เห็นด้วย…อันที่จริง มีความเป็นไปได้ว่าแม้แต่เฉว่ชิงก็อาจปัดความรับผิดชอบให้พ้นตัวได้ เพราะถึงอย่างไร ทั้งหมดที่เธอทำลงไปก็แค่ปฏิเสธสัญญาผูกมัดการแต่งงานเท่านั้น

พฤติกรรมของเธออาจดูไม่เหมาะสมหากมองด้วยจุดยืนทางจริยธรรม แต่ไม่ได้ขัดต่อกฎหมาย ไม่มีทางลากเธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมครั้งนี้ได้ เว้นเสียแต่เขาจะพิสูจน์ได้ว่าเฉว่เฉินทำการใดๆลงไปภายใต้คำสั่งของฉเว่ชิง

“ถ้าคุณไม่มีหลักฐาน ผมขอแนะนำให้เงียบปากไว้ดีกว่า ผมรู้ว่าคุณมีผู้เชี่ยวชาญผู้ไร้เทียมทานคอยหนุนหลังอยู่ และนั่นคือเหตุผลที่คุณสังหารเฉว่เฉินได้อย่างง่ายดาย แต่ผมเป็นเจ้าเมืองชวนเจียง ขึ้นตรงกับสำนักดาบเมฆเหินเท่านั้น มีแต่เหล่าผู้อาวุโสของสำนักดาบเมฆเหินที่มีสิทธิ์มีเสียงในการตัดสินผม ถ้าผู้เชี่ยวชาญที่คอยหนุนหลังคุณกล้าแตะต้องผมล่ะก็ นั่นก็หมายความถึงการเข้ามาก้าวก่ายกับกิจการภายในของสำนักดาบเมฆเหิน…คุณคิดว่าทางสำนักจะปล่อยให้ใครสักคนที่ท้าทายอำนาจของเขาลอยนวลไปได้หรือไง? หรือคิดว่าคนที่หนุนหลังคุณอยู่เก่งกาจพอจะต้านทานแรงกดดันจากหนึ่งในสำนักใหญ่ได้?” เฉว่เหยาคำราม

“ถ้าคุณไม่อยากให้คนที่คอยช่วยคุณต้องเจอกับเรื่องยุ่งยากล่ะก็ ขอแนะนำให้คุณทำตามคำพูดของผมและปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไป นั่นจะเป็นการจบเรื่องที่สวยงามที่สุดไม่ใช่หรือ? การแต่งงานระหว่างคุณกับฉเว่ชิงจะดำเนินไปตามแผนเดิม แล้วคุณก็ไม่ต้องกังวลเรื่องบรรดาศัตรูของตระกูลตั้น!”

ตั้นเฉี่ยวเทียนนัยน์ตาแดงก่ำด้วยความโกรธจัด แต่พูดอะไรไม่ออก

อันที่จริง เขาคาดเดาไว้แล้วว่าเจ้าเมืองเฉว่เหยาน่าจะมีบทบาทสำคัญต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตซึ่งส่งผลต่อความตายของครอบครัวของเขา และเขาก็อยากแก้แค้น!

แต่…สิ่งที่เฉว่เฉินพูดมาก็มีเหตุผล

หากทำตามครรลองคลองธรรม ก็ไม่มีใครมีสิทธิ์ที่จะตัดสินเฉว่เหยา ซึ่งหากท่านอาจารย์ของเขากล้าเล่นงานเฉว่เหยาโดยตรง ก็ไม่ต่างอะไรกับการเปิดศึกกับสำนักดาบเมฆเหิน!

ถึงท่านอาจารย์ของเขาจะทรงพลัง แต่เขาก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งพอจะต้านทานสำนักดาบเมฆเหินทั้งสำนักได้

“ต่อให้ผมไม่พูดอะไรมากกว่านี้ ผมก็เชื่อว่าคุณคงรู้ดีว่าควรทำอะไร ถูกไหม?” เห็นตั้นเฉี่ยวเทียนเริ่มคล้อยตาม เฉว่เหยาคำราม “ถ้าคุณโง่เง่าพอที่จะคิดว่าตัวเองรับมือไหว ขอผมบอกความจริงให้คุณรับรู้อีกครั้งนะ เว้นเสียแต่ผู้อาวุโสสักคนของสำนักดาบเมฆเหินจะได้ยินเสียงวิงวอนของคุณและมาปรากฏตัวตอนนี้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ คุณมีแต่จะขุดหลุมฝังตัวเองเท่านั้น…”

ฟึ่บ!

ยังไม่ทันที่เฉว่เหยาจะพูดจบ เสียงกึกก้องของอสูรตัวหนึ่งก็ดังขึ้นกลางอากาศ จากนั้นหลายร่างก็ร่อนลงมา

“ผู้อาวุโสลู่!”

เห็นคนกลุ่มนั้น หัวเจียงเหอตาโต เขารีบเข้าไปประสานมือให้

ในที่สุดผู้อาวุโสลู่ก็เดินทางจากเมืองแสงดาวมาถึงที่นี่!

เห็นภาพนั้น ถ้อยคำที่เฉว่เหยาอยากจะพูดต่อติดค้างอยู่ในลำคอของเขา

แม้ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นจะทำหน้าที่เพียงแค่ควบคุมดูแลการเปิดรับศิษย์สายตรงฝ่ายใน แต่เขาก็เป็นนักรบเสมือนอมตะคนหนึ่ง โดยทั่วไป เขาจะทำหน้าที่ดูแลการทดสอบเพื่อรับศิษย์สายตรงฝ่ายใน ที่เมืองแสงดาวเท่านั้น จะไม่เหยียบย่างเข้ามาในสถานที่อย่างเมืองชวนเจียงซึ่งมีการเปิดรับเฉพาะศิษย์สายตรงระดับล่าง!

เว้นเสียแต่จะเป็นโอกาสพิเศษ เขาจึงจะผ่านมา

แล้วทำไมจู่ๆถึงมาเอาเวลานี้?