เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1096

100 ขั้น ทันใดนั้นเปลวไฟสีขาวสว่างจ้า ก่อตัวเป็นกระบี่ขนาดใหญ่ ฟันมาทางเทียนชิงหยางและคนอื่น

เทียนชิงหยางยกมือขึ้นมา แล้วแผดเสียงดัง!

กระบี่ยักษ์เปลวเพลิงฟันลงบนแขนเขา ทันใดนั้นเปลวไฟระเบิดออกมาเป็นแถบ กระจายไปทั่วทุกที่

คนด้านหลังโดนลูกหลงไปด้วย เปลวไฟสีขาวสว่างจ้า ทำให้คนอย่างน้อยร้อยคนร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด แล้วร่วงลงไปด้านล่าง ความโหยหวนของเสียง ดังสนั่นเลือนลั่น

ลมแรงปรากฏขึ้นบนตัวเทียนชิงหยาง สะเทือนเปลวไฟที่เหลือออกไปทันที

ทันใดนั้นเขาก้าวไปด้านหน้าสิบกว่าขั้น เทียนชิงหยางพุ่งออกมาจากเขตสีแดง เข้าสู่เขตสีส้มแล้ว!

“เทียนชิงหยางแห่งตระกูลเทียนผ่านแล้ว ท้าประลองต่อไป จะได้รับรางวัลความกล้าหาญ!”

องครักษ์เกราะทองคนหนึ่งตะโกนเสียงดัง

ลู่ฝานได้ยินคำว่ารางวัลความกล้าหาญ จิตใจวูบไหวเล็กน้อย

เทียนชิงหยางยิ้มบางๆ แล้วเดินต่อไปด้านหน้า

ตอนนี้หานหยวนหนิงและคนอื่น ก็ผ่านเขตสีแดงมาได้แล้ว!

“ดี ดี ดี!”

ฉินซางต้าตี้พูดด้วยรอยยิ้ม “ประเทศอู่อานยังมีคนมีความสามารถ เทียนชิงหยางแห่งตระกูลเทียน วิทยายุทธไม่ธรรมดา น่ายกย่อง ฉินอวิ่น ในการคัดเลือกด่านสะพานสายรุ้ง ใครเป็นสถิติสูงสุด”

ไท่จื่อฉินอวิ่นพูดว่า “สถิติสูงสุดคือ 743 ขั้นครับ ผู้ที่ทำได้คือผู้อาวุโสสุ่ยเจินหรานแห่งตระกูลสุ่ย”

ฉินซางต้าตี้ชี้เทียนชิงหยางแล้วพูดว่า “ฉันว่าครั้งนี้เทียนชิงหยางมีโอกาสทำลายสถิตินี้ ผ่านไฟสวรรค์โดยไม่บาดเจ็บเลย วิทยายุทธนี้ผ่านอีกสักสองสามด่าน คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา”

กลุ่มขุนนางที่อยู่ด้านหลังพยักหน้าเห็นด้วย

ฉินฝานที่นั่งอยู่ข้างๆ ไม่ได้มองเทียนชิงหยางเท่าไร แต่มองลู่ฝานที่อยู่ด้านล่าง

ตอนนี้ลู่ฝานเคลื่อนไหวแล้ว

เขาลุกขึ้นปัดก้น เดินไปทางสะพานสายรุ้ง ร้อยขั้นเป็นอย่างไร เขาเห็นอย่างชัดเจนแล้ว ไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไป!

ลู่ฝานค่อยๆ เดินขึ้นไปด้านบน

ทันใดนั้น ขุนนางบุ๋นสองสามคนยิ้มแล้วพูดว่า “ในที่สุดเด็กคนนี้ก็ขยับแล้ว ฉันคิดว่าเขาจะไม่ขึ้นไปแล้ว”

“นี่ อย่าสบประมาทเขาขนาดนั้น ฉันว่าเมื่อกี้เขาเห็นแล้วเข่าอ่อน ก็เลยขยับไม่ได้ ตอนนี้คงผ่อนคลายขึ้นแล้ว!”

“มีเหตุผลๆ ฉันว่าเขาเดินได้ 50 ขั้นก็ไม่เลวแล้ว” ……

ขุนนางบุ๋นสองสามคนพูดเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ราวกับจะพูดให้คนรอบๆ ได้ยิน

มีคนเห็นด้วย มีคนส่ายหัว ส่วนคนอีกจำนวนมากเงียบกริบ

หลู่เฉิงเซี่ยงมองคนพวกนี้แวบหนึ่ง แล้วยิ้มบางๆ มองไปทางฉินอวิ่น

ไม่ต้องสงสัยเลย ขุนนางบุ๋นพวกนี้ต้องเป็นสุนัขรับใช้ของไท่จื่อแน่นอน ไท่จื่อจงใจดูถูกลู่ฝานต่อหน้าเตี้ยนเซี่ย!

ไท่จื่อเข้าใจว่าเตี้ยนเซี่ยไม่รู้จักลู่ฝาน บวกกับขุนนางบุ๋นพูดแบบนี้ ก็จะดูถูกลู่ฝานตามไปด้วยงั้นเหรอ

หลู่เฉิงเซี่ยงยิ้มอย่างไม่ใส่ใจกับการกระทำของไท่จื่อ

ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่องจริงๆ!

ไท่จื่อผู้น่าสงสาร พ่อตัวเองจ้องคนแบบไหนอยู่ยังไม่รู้เลย น่าเศร้าจริงๆ

เป็นถึงไท่จื่อ แต่กลับเดาความคิดของจักรพรรดิไม่ได้ ทำสิ่งที่ค้านกับเตี้ยนเซี่ย นี่มันหาเรื่องใส่ตัวไม่ใช่หรือไง

หลู่เฉิงเซี่ยงไม่พูดอะไรสักคำ นั่งด้วยความสุขุมอยู่ตรงนั้น เพราะเขาตัดสินใจว่าวันนี้จะไม่พูดอะไร ถ้าคนอื่นถามเขาจะไม่พูด นอกจากเตี้ยนเซี่ย เดิมทีเขากะว่าวันนี้จะไม่มาดู เพราะด่านแรกของวันนี้ หนึ่งคือไม่ได้สำคัญมาก สองคือจะดูหรือไม่ดู ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับเรื่องอื่น ดังนั้นเขาจึงไม่มา แต่เตี้ยนเซี่ยส่งคนมารับเขา เขาจึงทำอะไรไม่ได้

ตอนนี้ฉินฝานที่นั่งอยู่อีกด้าน แอบมองหลู่เฉิงเซี่ยงแวบหนึ่ง

เห็นหลู่เฉิงเซี่ยงดูแน่วแน่ รอยยิ้มบนใบหน้าไม่ลดลงเลย สีหน้าเหมือนดูละคร ฉินฝานขมวดคิ้วขึ้นเบาๆ

จู่ๆ ฉินซางต้าตี้ถามฉินฝานว่า “ฉินฝาน นายคิดว่าเด็กคนนี้เป็นยังไง”

ฉินฝานคิดแล้วพูดว่า “ฉันคิดว่าเขาดูว่าคนอื่นข้ามสะพานสายรุ้งยังไง จากนั้นค่อยเริ่มเคลื่อนไหว คนที่วางแผนก่อนลงมือ แน่นอนว่าเป็นผู้มีปัญญา ฉันคิดว่าเขาน่าจะผ่านร้อยขั้น”

ฉินซางต้าตี้หัวเราะเบาๆ แล้วลูบหัวฉินฝาน

แม้ฉินซางต้าตี้ไม่พูดอะไรสักคำ แต่การกระทำของเขากลับอธิบายทุกอย่างแล้ว

ทันใดนั้น สีหน้าฉินอวิ่นแปรเปลี่ยนเป็นไม่สู้ดี

ตอนนี้บนสะพานสายรุ้ง

ลู่ฝานเดินช้าๆ ขึ้นไปข้างบน แซงคนจำนวนมากไปอย่างไม่รู้ตัว

เขาเดินไม่เร็ว แต่มั่นคงมาก ไม่ได้ปล่อยปราณชี่ออกมาบนตัว เดินตรงไปข้างหน้าอย่างนั้น เหมือนเขาไม่รู้สึกถึงไฟที่แผดเผาบนตัว

60 ขั้น 70 ขั้น!

ไม่นาน ลู่ฝานเดินมาถึงข้างหลู่ยิน

หลู่ยินค้ำไม้เท้าอยู่สองอัน แน่นอนว่าเดินช้ามาก แต่เด็กสาวคนนี้กลับเดินไปพลางฮัมเพลงไปพลาง

เมื่อเห็นว่าลู่ฝานตามตัวเองทัน จู่ๆ หลู่ยินดึงปกเสื้อลู่ฝานแล้วพูดว่า “นี่ นี่ เห็นคนเดินไม่สะดวก นายจะไม่ช่วยหน่อยเหรอ”

ลู่ฝานมองเธอด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “ได้สิ เดินตามฉันมาสิ”

หลู่ยินฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “นายพูดเองนะ”

พูดจบ หลู่ยินดึงปกคอเสื้อของลู่ฝานไม่ปล่อย

ลู่ฝานส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ จากนั้นเดินต่อไปข้างหน้า