ตอนที่ 1169

Alchemy Emperor of the Divine Dao

“หยดเซียนหยวน?” เซียนหวู่เซียงครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะตอบ “หลังจากจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ตกตาย โลหิตของพวกเขาจะแห้งเหือดหลังจากที่เวลาผ่านไปนานแสนนาน และถ้าหากแก่นพลังภายในโลหิตไม่แห้งเหือดไปอย่างสมบูรณ์ก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นหยดเซียนหยวน”

“สำหรับจอมยุทธที่ระดับพลังต่ำกว่าวารีนิรันดร์ สิ่งนี้เรียกได้ว่าเป็นสมบัติแสนล้ำค่า ทุกๆหยดของหยดเซียนหยวนนั้นอัดแน่นไปด้วยความหยั่งรู้อันลึกซึ้งเกี่ยวกับกฎแห่งสวรรค์และปฐพีของจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ มันสามารถช่วยเร่งความเร็วในการบ่มเพาะพลังได้อย่างยอดเยี่ยม”

หลิงฮันเข้าใจทันทีและไม่แปลกใจที่ก่าวฮวงยึดติดกับหยดเซียนหยวนขนาดนั้น อีกฝ่ายบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดแล้ว แต่ก้าวสุดท้ายที่จะทะลวงผ่านไปยังระดับดาราเป็นอะไรที่ยากลำบากมาก ต่อให้เป็นบิดาของเขาที่เป็นจอมยุทธระดับดาราอยู่แล้วก็ไม่มีหนทางช่วยเหลือ

บางทีถ้าหากก่าวฮวงดูดซับหยดเซียนหยวนเข้าไปสามหยด เขาอาจะมีโอกาสทะลวงผ่านระดับดารา

แม้หลิงฮันจะไม่เคยพบเจอก่าวฮวงมาก่อน แต่ดูจากท่าทีการกระทำของเขา ชายคนนี้จะต้องมีนิสัยละโมบโลภมากไม่ผิดแน่ เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับปัจจัยที่จะทำให้เขาทะลวงผ่านไปยังระดับดาราเขาจึงต้องการหยดเซียนหยวนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ความยากลำบากในการคว้าหยดเซียนหยวนมาครอบครองจะต้องสูงมากแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก้าวฮวงก็ยังโลภมากและต้องการถึงสามหยด

“จอมยุทธระดับสุริยันจันทราไม่สามารถเข้าไปในเขตแดนลี้ลับได้ เพราะงั้นเขาจึงตามหาจอมยุทธระดับภูผาวารีที่แข็งแกร่งให้ทำหน้าที่หาหยดเซียนหยวนมาให้เขา” หลิงฮันส่ายหัว “เป็นคนที่เห็นแก่ตัวอะไรเยี่ยงนี้ เขามีสิทธิ์อะไรบังคับคนอื่นให้มอบสมบัติที่ได้มาอย่างยากลำบากให้แก่ตัวเอง?”

หลิงฮันอดรู้สึกไม่สบอารมรณ์ไม่ได้และเริ่มลงมือหลอมเม็ดยาอีกครั้ง

ก่อนเข้าไปในเขตแดนลี้ลับ เขาจะต้องขัดเกลาดาบอสูรนิรันดร์เป็นอันดับแรกซึ่งจำเป็นต้องใช้ผลึกก่อเกิดจำนวนมหาศาล

ครั้งนี้หลิงฮันไม่ได้ทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับการหลอมเม็ดยา เขาแบ่งเวลาไปขัดเกลาปราณก่อเกิดและกายหยายของตนเองด้วย

เพียงแต่ว่าหลังจากเวลาผ่านไปเพียงครึ่งเดือน หลิงฮันก็ต้องหยุดการหลอมเม็ดยากลางคัน

เหยียนเฮิงเหอกำลังจะทะลวงผ่านระดับ!

เขาไม่สามารถปล่อยให้เหยียนเฮิงเหอปรากฎตัวและรับบททดสอบสายฟ้าสวรรค์ในนิกาย ดังนั้นหลิงฮันจึงเป็นฝ่ายออกจากนิกายไปเองก่อนจะเรียกอุปกรณ์บินแหวกเมฆาออกมาและมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่ห่างไกล เขานำตัวเหยียนเฮิงเหอออกมาและให้ผ่านบททดสอบสายฟ้าสวรรค์ที่นั่น

เนื่องจากรากฐานของเหยียนเฮิงเหอนั้นมั่นคงและเขาเป็นอัจฉริยะมาตั้งแต่แรก เขาจึงสามารถผ่านบททดสอบสายฟ้าสวรรค์ได้อย่างไม่ยากเย็น นั่นหมายถึงหลิงฮันจะมีจอมยุทธระดับพระเจ้าอยู่ข้างกายเพิ่มอีกคนหนึ่ง

ชางเย่เองก็ไม่พบปัญหาในการผ่านบททดสอบสายฟ้าสวรรค์เช่นกัน เพียงแต่ว่าในกรณีของกวงหยวนกับชูหวู่จิว… พวกเขาอาจจะค่อนข้างลำบาก

นั่นก็ช่วยไม่ได้ ในด้านของพรสวรรค์แล้วทั้งสองนั้นธรรมดาสามัญ ที่โลกใบเล็กทั้งสองคนอาจจะเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะอยู่บ้าง แต่จะให้พูดแล้วขีดจำกัดของพวกเขาถูกได้ถูกกำหนดเอาไว้ที่ระดับบุปผาผลิบาน แต่ตอนนี้หลิงฮันบังคับผลักดันจนพวกเขาพัฒนาเป็นระดับทลายมิติและอาจจะทะลวงผ่านเข้าสู่ระดับพระเจ้าได้ แต่การทำเช่นนี้ทำให้พวกเขารู้สึกว่าพลังของตนเองนั้นอยู่เหนือการควบคุม

เพราะงั้นพวกเขาอาจจะบรรลุพลังสูงสุดถึงเพียงแค่ระดับภูผาวารีเท่านั้น

ในความคิดของหลิงฮันนั้น ชางเย่กับเหยียนเฮิงเหอนั้นยังพอมีช่องว่างให้พัฒนาต่อไปได้อยู่ แต่สำหรับงกวงหยวนกับชูหวู่จิว ขีดจำกัดของพวกเขาคงจะหยุดอยู่เท่านี้

เขาเดินทางกลับนิกายสวรรค์เยือกแข็งและเก็บตัวฝึกฝนต่อ

เมื่อกำหนดสิ้นเดือนมาถึง เขาก็นำเม็ดยาที่หลอมเรียบร้อยแล้วไปส่งให้กับร้านค้าตระกูลโม่

“โอ้ แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์มากมายเพียงนี้!” หลิงฮันตกตะลึง อุปกรณ์มิติที่ฮันหั่วมอบให้เขานั้นอัดแน่นไปด้วยแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ แม้เขาจะรู้สึกเม็ดยานั้นสร้างกำไรให้เขามหาศาล แต่มันจะมากมายขนาดนี้เลย?

“โฮะๆ ข้ารายงานเรื่องของนายน้อยฮันไปยังตระกูลโม่ ซึ่งตระกูลได้สั่งการกับข้าว่าต้องทำให้คำขอของนายน้อยฮันให้สำเร็จลุร่วงอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง” ฮันหั่วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าใช้เวลาทั้งเดือนในการรวบรวมแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนั้นตระกูลก็ยังมีคำสั่งให้ขนส่งแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์มาจากดาวดวงอื่นๆอีก ตราบใดที่นายน้อยฮันไม่กล่าวว่าพอ การขนส่งแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ก็จะไม่หยุด”

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ท่านไม่กลัวว่าข้าจะหลอมเม็ดยาได้ไม่เพียงพอในการหาเงินมาจ่ายงั้นรึ?”

“ฮ่าๆ ตราบใดที่นายน้อยฮันรู้สึกยินดี แค่แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์นิดๆหน่อยๆจะไปมีค่าอะไร?” ฮันหั่วกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

ตระกูลโม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นตระกูลการค้าที่ใหญ่ที่สุดในจักรวาล แม้คำพูดของฮั่นหั่วจะดูโอ้อวดไปบ้างแต่เขาก็มีสิทธิ์ที่จะกล่าวแบบนั้น

หลิงฮันประหลาดใจมาก ตระกูลโม่ให้ค่าตัวเขาไว้สูงมาก พวกเขาลงทุนกับเขามากมายขนาดนี้ก่อนที่จะบรรลุระดับสุริยันจันทราเสียอีก

แต่เมื่อใดที่หลิงฮันกลายเป็นจอมยุทธระดับดาราในอนาคต ผลกำไรที่ตระกูลโม่จะได้กลับนั้นจะมากมายจนน่าสะพรึงกลัว

ถ้าหลิงฮันสามารถพัฒนาไปได้เหนือกว่านั้นอีกและบรรลุระดับวารีนิรันดร์ อำนาจของตระกูลโม่ก็จะทะยานสูงเสียดฟ้า

“ขอบคุณมาก” หลิงฮันไม่อ้อมค้อม

เขามั่นใจว่าเขาจะสามารถบรรลุระดับดาราและระดับวารีนิรันดร์ได้ หรือบางทีอาจจะระดับสร้างสรรพสิ่งเลยด้วยซ้ำ สิ่งที่ตระกูลโม่ลงทุนกับเขาในวันนี้ ในอนาคตพวกเขาจะได้รับผลตอบแทนกลับหลายร้อยเท่าแน่นอน

เมื่อกลับมาถึงนิกายสวรรค์เยือกแข็ง หลิงฮันก็ขัดเกลาเพิ่มระดับให้กับดาบอสูรนิรันดร์

แคล๊ง แคล๊ง แคล๊ง แคล๊ง ในเวลาเพียงครึ่งวัน แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดก็กลายเป็นเศษโลหะ แต่ดาบอสูรนิรันดร์ยังคงห่างไกลจากระดับสี่

ยิ่งระดับสูงขึ้น แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องใช้ก็มากขึ้นด้วย

หลิงฮันทำได้เพียงรอคอยต่อไป ซึ่งโชคดีที่ยังเหลือเวลาอีกสามเดือนเขตแดนลี้ลับถึงจะเปิดออก

นิกายสวรรค์เยือกแข็งเริ่มแบ่งสิทธิ์ในหารเข้าร่วมเขตแดนลี้ลับ นอกจากศิษย์ระดับภูผาวารีของนิกายแล้ว มีสิทธิ์เข้าร่วมบางส่วนถูกมอบให้กับขุมอำนาจนอกนิกาย ส่วนขุมอำนาจเหล่านั้นต้องใช้อะไรแลกสิทธิ์เข้าร่วมมานั้นมีเพียงผู้เกี่ยวข้องรับผิดชอบเท่านั้นถึงจะรู้

หลิงฮันไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องเหล่านั้น เขาจึงใช้เวลาไปกับการบ่มเพาะพลังและปรุงยา

แก่นพลังจ้าวอสูรถูกดูดซับมามากพอสมควรแล้ว โชคดีที่เขาเป็นจักรพรรดิปรุงยาที่สามารถหลอมเม็ดยาสนับสนุนการบ่มเพาะพลังของตัวเองได้ แม้ผลลัพธ์จะไม่ยอดเยี่ยมเท่าแก่นพลังจ้าวอสูรแต่เขาสามารถหลอมเม็ดยาได้อย่างไม่มีปริมาณจำกัดเหมือนแก่นพลังจ้าวอสูร

ข่าวดีค่อยๆเกิดขึ้นทีละอย่าง

ด้วยทรัพยากรโลหะศักดิ์สิทธิ์อันไร้ขีดจำกัดที่ตระกูลโม่มอบให้เขา ในที่สุดดาบอสูรนิรันดร์ก็พัฒนาเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ ครั้งนี้เขาต้องการแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ในการขัดเกลาดาบอสูรนิรันดร์

แม้ระดับของแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์จะเพิ่มมาแค่ระดับเดียว แต่ราคานั้นเพิ่มสูงขึ้นหลายสิบเท่า

ดังนั้นหลิงฮันจึงรู้สึกละอายที่จะพึ่งพาตระกูลโม่ เขาตั้งใจจะจ่ายหนี้ที่ติดค้างตอนนี้ก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธีซื้อแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่จำนวนมาก

เขาฝากความหวังเอาไว้ที่การเดินทางไปยังเขตแดนลี้ลับครั้งนี้ ถ้าเขาได้รับทักษะลับติดมือกลับมาบ้างและนำไปขายล่ะก็ กำไรคงจะมหาศาลทีเดียว

นอกจากเรื่องนี้แล้ว ตัวเขาในตอนนี้บรรลุช่วงกลางของระดับสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อย พลังต่อสู้ของเขาพัฒนาเป็นแปดดาว

จักรพรรดิพิรุณ ติงผิง สุ่ยเยี่ยนยวี่ หูเฟยหยินและคนอื่นๆก็มีพัฒนาการอย่างเห็นได้ชัด แต่คนที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็ยังคงเป็นจักรพรรดิพิรุณที่พัฒนามาเป็นระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นสูงสุด ต่อให้เป็นเพราะเขาได้รับเม็ดยาจากหลิงฮันและมีต้นสังสารวัฏ การพัฒนาที่รวดเร็วเช่นนี้ก็น่าตกตะลึงอยู่ดี

ในด้านของเฟิงโปหยุน ติงผิงและคนอื่นๆนั้น พวกเขาเพิ่งบรรลุระดับภูผาวารีขั้นกลาง ความห่างของพวกเขากับจักรพรรดิพิรุณค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับสุ่ยเยี่ยนยวี่ นางบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุดแล้ว ส่วนหูเฟยหยินนั้นนางเป็นกรณีพิเศษ ในเมื่อนางเป็นร่างแยกของจักรพรรดินีแห่งดารา ตราบใดที่นางฝึกฝนอย่างจริงจังความเร็วในการบ่มเพาะพลังของนางย่อมรวดเร็วไม่แพ้ใคร นางทะลวงผ่านมายังระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดแล้วและกำลังฝึกฝนเพื่อให้บรรลุขั้นสมบูรณ์

และแล้วในที่สุดเขตแดนลี้ลับก็เปิดออก