เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1100
บนสะพานสายรุ้ง ตอนนี้ลู่ฝานพุ่งออกมาจากเขตสีส้มแล้ว ตามถานไถเก๋อและคนอื่นทันแล้ว

เดินเข้ามาในเขตสีเหลือง ลู่ฝานเก็บปราณชี่ ใช้เกราะเกล็ดมังกร พลังชี่ฟ้าดินทั้งหมดในเขตสีเหลือง สามารถกลายเป็นอาวุธแหลมคมเข้ามาโจมตีได้

การดันออกไปไม่ใช่ความคิดที่ฉลาด ทำได้เพียงอาศัยเกราะกับร่างกายต้านทานไว้

เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นไม่หยุด เกราะเกล็ดมังกรบนตัวลู่ฝานทนทานมาก ทนต่อการโดนฟัน ดังนั้นเขาจึงเดินอย่างมั่นคงมาก

เมื่อลู่ฝานเดินมาถึงข้างถานไถเก๋อ จู่ๆ ถานไถเก๋อชะงักฝีเท้าลง

มองลู่ฝานอย่างยั่วยวนแล้วพูดว่า “ลู่ฝานนักกระบี่แห่งตงหวา มีเวลาว่างกินข้าวด้วยกันไหม”

ลู่ฝานหันไปมองถานไถเก๋อ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบคุณที่เธออุตส่าห์ชวน ค่อยว่ากันหลังจากลู่ฝานเสร็จธุระแล้วกัน!”

พูดจบ ลู่ฝานเดินไปข้างหน้าต่อ

ถานไถเก๋อมองด้านหลังลู่ฝาน แล้วยิ้มบางๆ อย่างดงาม

หลิ่วเจินและคนอื่นมองลู่ฝานเดินมาอย่างเงียบๆ และแซงพวกเขาไป

นักบู๊ที่ไม่รู้จักชื่อสองสามคน มองลู่ฝานด้วยสายตาประหลาด นัยน์ตามีความคิดต่อสู้ มีความหวาดระแวง มีความอาฆาต ลู่ฝานไม่ได้สนใจเลย

ตอนลู่ฝานแซงสุ่ยสือฉวน จู่ๆ สุ่ยสือฉวนจับไหล่ลู่ฝานเอาไว้ พูดอย่างราบเรียบว่า “อย่าเดินเร็วเกิน ระวังจะตายอยู่ข้างหน้า”

ลู่ฝานดันมือสุ่ยสือฉวนออกเบาๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันเดินช้ามากแล้ว!”

เพียงประโยคเดียว ทำให้สือเฉินและคนอื่นหน้าเปลี่ยนสี

ถ้าลู่ฝานบอกว่าตัวเองเดินช้ามากแล้ว งั้นก็หมายความว่าพวกเขากำลังคลานเหมือนเต่าน่ะสิ

ลู่ฝานเดินต่อไปข้างหน้า อาวุธแข็งแกร่งและแหลมคมขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมาถึงด้านหลัง กระบี่ยาวทะยานฟ้าหลายเล่มแทงเข้าที่ตัวของลู่ฝาน

เกราะเกล็ดมังกรบนตัวโดนทำลายจนเป็นรูใหญ่หลายรู สุ่ยสือฉวนและคนอื่นมีรอยยิ้มออกมาทันที

ขณะที่ทุกคนคิดว่าลู่ฝานไม่สามารถเดินต่อไปได้อีก จู่ๆ เกราะเกล็ดมังกรเริ่มฟื้นฟูอัตโนมัติ

ลู่ฝานไม่ต้องกระตุ้น มันสามารถรวบรวมพลังฟ้าดินฟื้นฟูเองได้

เมื่อแตกก็ซ่อม ซ่อมแล้วก็แตก เกราะเกล็ดมังกรยังเปลี่ยนรูปร่างเรื่อยๆ ต้านทานอาวุธมากมายที่โจมตีเข้ามา

หลายครั้งที่ต้านทานอาวุธไม่ได้ ก็โดนลู่ฝานใช้มือปัดทิ้งไปอีกด้าน

ความเร็วของฝีเท้าไม่ลดลงแม้แต่น้อย ลู่ฝานผ่านเขตสีเหลืองอย่างรวดเร็ว เมื่อเงยหน้ามอง ข้างหน้าเหลือเพียงเทียนชิงหยางกับหานหยวนหนิง

ตอนนี้เทียนชิงหยางผ่านเขตกัดกร่อนสีเขียวได้แล้ว เข้าสู่เขตลมฟ้าสีฟ้า

หานหยวนหนิงยังดิ้นรนอย่างยากลำบากอยู่ในเขตสีเขียว เกราะกับพลังปราณบนตัว ใกล้จะต้านทานการกัดกร่อนของเขตสีเขียวไม่ไหวแล้ว

ลู่ฝานยิ้มบางๆ จู่ๆ เขาโยนกระบี่หนักไร้คมของตัวเองลงบนพื้น

ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร ลู่ฝานใช้เท้าเหยียบลงบนกระบี่หนักไร้คมทันที จากนั้นก็ไถออกไป

คนกลัวการกัดกร่อน แต่กระบี่หนักไร้คมของลู่ฝานไม่กลัวการกัดกร่อน ส่วนหมอกพิษกัดกร่อนที่อยู่ด้านใน ลู่ฝานไม่กลัวสักนิด เขาขอแค่แสงสีเขียวด้านล่างเท้า ไม่ขัดขวางการไปต่อของเขาก็พอ

กระบี่หนักไร้คมเหมือนเรือลำเล็ก ไหลลึกเข้าไปในเขตสีเขียวอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้ทุกคนไม่พูดอะไรแล้ว สำหรับการกระทำของลู่ฝาน ไม่มีใครว่าเขาโกง แต่ทุกคนรู้สึกประหลาด ตอนนี้มีนักบู๊จำนวนไม่น้อยพูดเสียงดังว่า “กระบี่ใหญ่ก็มีประโยชน์จริงๆ นะ!”

ลู่ฝานมาถึงข้างหานหยวนหนิงอย่างรวดเร็ว

ลู่ฝานมองหานหยวนหนิงด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดว่า “ให้ฉันช่วยไหม”

หานหยวนหนิงจ้องลู่ฝานเขม็ง

“นายดูแลตัวเองให้ดีเถอะ!”