บทที่ 1341 หลงเทียนฟางพัฒนาขั้น

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

“มังกรพวกนั้นก็แค่ของเล่นเรียกน้ำย่อยของข้าเท่านั้นจากนี้ไปต่างหากที่จะเป็นของจริง!”
  หลงเทียนเฟิงถูกหลิงหยุนแกล้งพูดจายั่วยุเช่นนั้นก็หาได้แต่ยิ้มกว้างพร้อมกับร้องตะโกนตอบโต้กลับไป ในขณะเดียวกันก็เผาหยดหลงหยวนที่อยู่ในจุดซือไห่ตรงกึ่งกลางหว่างคิ้วของตนทันที!
  การใช้พลังวิเศษของหลงเทียนฟางนั้นก็ไม่ได้แตกต่างไปจากวิธีการของหลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินเลยเพียงแต่สิ่งที่อยู่ในจุดซือไห่กลางหว่างคิ้วของหลิงหยุนและเย่ซิงเฉินนั้นเป็นหยดเสินหยวน แต่ของเย่เทียนหลงจะเป็นหยดหลงหยวนซึ่งเกิดจากปราณมังกรที่กลั่นจนบริสุทธิ์มากๆ
  นอกเหนือจากหยดหลงหยวนที่บริสุทธิ์มากนี้แล้วตรงจุดกึ่งกลางหว่างคิ้วของหลงเทียนฟางยังมีมังกรทองห้าเล็บที่อยู่ภายในและถูกหล่อเลี้ยงด้วยหลงหยวนที่บริสุทธิ์ ดังนั้นแม้มังกรทองห้าเล็บนี้จะมีขนาดที่เล็กมาก แต่อานุภาพของมันนั้นหาได้เล็กตามขนาดไม่..
  เมื่อครู่ที่ประมือกับหลิงหยุนมาระยะเวลาหนึ่งนั้นหลงเทียนฟางได้ใช้วิชาบัญชามังกรยู่วหลงเจี๋วย หรือเพลงหมัดต่างๆนั้น ทั้งหมดเป็นเพียงการใช้พละกำลังจากร่างกายและพลังปราณในขั้นปัจจุบันของตนเองเท่านั้น เขายังมิได้เผาหยดหลงหยวนของแม้แต่น้อย และเวลานี้เขาก็กำลังที่จะเริ่มการต่อสู้จริงๆเสียที!
  บูม!
  หลังจากที่ทำการเผาหยดหลงหยวนแล้วหลงเทียนฟางที่อยู่ในระดับสูงสุดขั้นอู่เฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-5) ก็ได้เข้าสู่ขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) ในพริบตา! ไม่เพียงเท่านั้น ผลจากการที่หลงเทียนฟางจงใจยับยั้งขั้นของตนเองมาตลอดนั้น ทำให้ขุมพลังของเขาพุ่งเข้าสู่ด่านสุดท้ายซึ่งก็คือขั้นชีเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-7) ขึ้นไปหลังจากนั้นทันที!
  เวลานี้ปราณมังกรที่พวยพุ่งออกมารอบตัวของหลงเทียนฟางนั้นมีความหนาแน่นขึ้นจากเดิมมากถึงสามเท่า และมังกรทองทั้งหกตัวที่หลงเทียนฟางใช้วิชาบัญชามังกรยู่หลงเจี๋วยปลดปล่อยออกมานั้น ก็ได้ขยายใหญ่ขึ้นจนกระทั่งกลายเป็นมังกรขนาดใหญ่ดูราวกับมังกรจริงๆ ทำให้ของวิเศษทั้งสามชิ้นของหลิงหยุน และโซ่หยิน–หยางดูราวกับของเด็กเล่นไปทันที
  หลิงหยุนกระโดดถอยหลังกลับไปยืนอยู่บนพื้นกลางหุบเขาหลงเฟิงทันทีและเวลานี้เสินหยวนจำนวนสามร้อยหกสิบหยดที่เขาเพิ่งเผาไปนั้น ก็ได้ถูกใช้ไปจนเกือบหมดแล้ว
  หลิงหยุนเรียกยันต์เพชรยันต์เกราะ และยันต์วายุออกมาติดตามร่างกายของตนไว้ทันที!
  เขารู้ดีว่าหาใช่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเผาหยดเสินหยวนได้ยอดฝีมือคนอื่นที่บ่มเพาะพลังปราณก็ย่อมทำได้เช่นเดียวกันดังนั้นการที่หลงเทียนฟางเผาหยดหลงหยวนจึงเป็นเรื่องที่หลิงหยุนคาดการไว้ล่วงหน้าแล้ว และได้เตรียมหาหนทางรับมือไว้แล้วเช่นกัน
  ซึ่งก็คือการใช้ยันต์โอสถต่างๆ และค่ายกล!
  ด้วยเหตุนี้หลิงหยุนจึงเลือกที่จะต่อสู้กับหลงเทียนฟางบนพื้นดินแทนบนอากาศเพราะหากเป็นเช่นนี้การต่อสู้กลางอากาศจะทำให้เขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
  “หลิงหยุนข้าก็อยากรู้นักว่าเจ้าจะมีลูกไม้อะไรอีก”
  หลงเทียนฟางเห็นหลิงหยุนกลับลงไปที่พื้นดินจึงเหาะตามลงมาทันทีพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างมั่นใจ เพราะหลังจากที่เผาหยดหลงหยวนแล้ว นอกจากความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากขึ้น พลังจิตของเขายังแก่กล้าขึ้นกว่าเดิมถึงสองเท่า!
  หลิงหยุนได้ฟังเช่นนั้นจึงตอบกลับหลงเทียนฟางไปทันที “เจ้าสวมเสื้อผ้าเช่นนี้ ข้าเกรงว่าจะหนาวตาย เอาล่ะข้าจะเพิ่มความอบอุ่นให้กับเจ้าเอง!”
  ทันทีที่พูดจบหลิงหยุนก็เรียกยันต์เตโชระดับเจ็ดออกมาสามแผ่น แล้วจัดการซัดใส่ร่างของหลงเทียนฟางอย่างรวดเร็ว!
  ตูม!
  ยันต์เตโชระดับเจ็ดทั้งสามแผ่นระเบิดขึ้นตรงหน้าของหลงเทียนฟางทันทีและกลายเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางสิบกว่าเมตรสามลูก เปลวไฟสีแดงลุกโชติช่วงสว่างไสว และคลื่นความร้อนมหันต์ก็พวยพุ่งออกมา
  คลื่นความร้อนจากยันต์เตโชระดับเจ็ดนี้ต่อให้เป็นยอดฝีมือขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับหก ก็ต้องรีบกระโดดถอยหนีเปลวไฟที่ร้อนแรงมหันต์ของมัน
  “นี่!ไร้ประโยชน์ที่จะใช้ของเช่นนี้กับข้า!”
  หลงเทียนฟางยืนเผชิญหน้ากับลูกไฟขนาดใหญ่ทั้งสามลูกไม่เพียงไม่กระโดดถอยหนี แต่ยังยืนนิ่งไม่ขยับร่างกายแม้แต่น้อยและนั่นเป็นเครื่องยืนยันว่า ยันต์เตโชระดับเจ็ดของหลิงหยุนนั้นไม่สามารถทำอันตรายหลงเทียนฟางได้เลยแม้แต่น้อย!
  “นี่มันกายาอะไรกัน!”
  แม้หลิงหยุนพอจะคาดเดาได้ก่อนว่าร่างกายของหลงเทียนฟางนั้นแข็งแกร่งยิ่งนักแต่เมื่อได้เห็นกับตาตนเองเช่นนี้ เขาเองก็รู้สึกตกใจไม่น้อยจนถึงกับต้องร้องถามออกไป
  “นี่คือกายามังกร!”หลงเทียนฟางตอบกลับด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
  “ยอดเยี่ยมมาก!”
  หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยชมด้วยความจริงใจ..
  กายามังกรของหลงเทียนฟางนั้นหากอยู่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ ยังนับว่าเป็นกายาระดับเทพที่หาได้ยากยิ่งนัก
  ในเมื่อกายเนื้อของหลงเทียนฟางเวลานี้มีเกราะคุ้มกันที่แข็งแกร่งไม่ต่างจากดาราคุ้มกายของหลิงหยุนเขาจึงไม่รู้สึกเกรงกลัวคู่ต่อสู้เช่นหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย!
  ในเมื่อยันต์เตโชระดับเจ็ดก็ไม่อาจทำอันตรายหลิงหยุนได้ก็ย่อมไม่สามารถทำอันตรายหลงเทียนฟางได้เช่นกัน!
  “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าเองก็จะไม่ออมมือให้กับเจ้าเช่นกัน!”
  หลิงหยุนยิ้มให้กับหลงเทียนฟางพร้อมกับเอ่ยออกไปหลังจากนั้นเขาก็เหาะขึ้นไปบนท้องนภาทันที!
  ต่อให้หลงเทียนฟางจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งมากเพียงใดแต่หลิงหยุนกลับมีร่างกายที่แกร่งกว่าผู้ใด..
  หลังจากติดยันต์วายุไว้ที่ร่างแล้วความเร็วในการเคลื่อนที่ของหลิงหยุนนั้นก็เพิ่มขึ้นจากเดิมถึงสองเท่า และเวลานี้ร่างของเขากำลังพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของมันกรตัวหนึ่ง!
  เวลานี้มังกรทั้งห้าตัวของหลงเทียนฟางมีขนาดใหญ่กว่าเดิมถึงสามเท่า จึงได้เปรียบและเหนือกว่าของวิเศษทั้งสามชิ้นของหลิงหยุนเวลานี้
  แต่ในเมื่อหลิงหยุนเหาะขึ้นไปอยู่ข้างๆมังกรตนนั้นแล้ว..
  ชัวะชัวะ ชัวะ…
  หลิงหยุนจัดการฟันกระบี่ในมือไปที่ร่างของมังกรตนนั้นทันทีหลังจากกระหน่ำฟันไปราวสิบกว่าดาบ มังกรขนาดใหญ่นั้นก็ได้สลายกลายเป็นปราณมังกร และในวินาทีนั้นเองหลิงหยุนก็รีบดูดเอาปราณมังกรเหล่านั้นเข้าไปในร่างของตนอย่างรวดเร็ว!
  หลิงหยุนดูดเอาปราณมังกรเหล่านั้นเข้าไปอย่างตะกละตะกรามและปราณมังกรเหล่านั้นก็ซึมซับเข้าสู่กระดูกสันหลังสีทอง และจุดตันเถียนของเขาทันที!
  ครึ่งเดือนที่แล้วก่อนที่หลิงหยุนจะได้ดูดซับเอาปราณมังกรอายุกว่าหกร้อยปีจากพระราชวังต้องห้ามเข้าไปจนสามารถกลั่นเป็นกระบี่จักรพรรดิมังกรอยู่นั้น กระดูกสันหลังทั้งยี่สิบหกท่อนของเขาก็ได้กลายเป็นสีทองเข้มแล้ว และเส้นโค้งรูปมังกรทองในจุดตันเถียนของหลิงหยุนก็ได้เติบโตขึ้นมากแล้วเช่นกัน เวลานี้เริ่มมีขางอกออกมาแล้ว..
  ครั้งนี้ปราณมังกรที่หลงเทียนฟางปลดปล่อยจากร่างของตนนั้น ได้ถูกหลิงหยุนดูดซับเข้าไปจนหมดแล้ว ลักษณะเช่นนี้ไม่ต่างจากการที่หลิงหยุนดูดซับเอาพลังหยางบริสุทธิ์ของนักบวชจากเขาหลงหู่เข้าไปแม้แต่น้อย!
  ความจริงแล้วเรื่องเช่นนี้หาใช่สิ่งที่ผู้ใดก็สามารถทำได้เรื่องนี้ต้องโทษหลงเทียนฟางที่โชคร้ายมาเจอคู่ต่อสู้เช่นหลิงหยุนเข้า เพราะผู้ที่จะมีร่างกายอันน่าอัศจรรย์ดังเช่นหลิงหยุนนั้น มิใช่ว่าจะสามารถพบเจอได้ง่ายๆ
  เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวปราณมังกรที่บริสุทธิ์ก็ได้เข้าไปอยู่ในร่างของหลิงหยุนแล้ว!
  ฟิ้ว!
  หลิงหยุนหมุนตัวและเหาะออกไปอย่างรวดเร็วอีกครั้งหลังจากที่กระหน่ำฟันกระบี่ในมือเข้าใส่มังกรตัวที่สองจนสลายกลายเป็นปราณมังกรแล้ว หลิงหยุนก็ดูดซับปราณมังกรเหล่านั้นเข้าไปในร่างจนหมดอีกครั้ง!
  “หลิงหยุน!นี่เจ้ากล้าขโมยปราณมังกรของข้ารึ!”
  หลงเทียนฟางเห็นหลิงหยุนดูดซับเอาปราณมังกรของตนเข้าไปในร่างเช่นนั้นก็ถึงกับร้องตะโกนออกมาอย่างเดือดดาล จากนั้นจึงเหาะตรงเข้าไปหาหลิงหยุนพร้อมกับชกหมัดเข้าใส่ร่างของเขาทันที!
  หลังจากที่หลิงหยุนดูดซับปราณมังกรเข้าไปถึงสองตัวติดกันแล้วกระดูกสันหลังของเขาก็ยิ่งเป็นสีทองสุกอร่ามมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งแสงสีทองนั้นทะลุผิวหนังของเขาออกมา ทำให้ร่างกายของหลิงหยุนเวลานี้มีแสงสีทองล้อมรอบราวกับมีปราณมังกรห่อหุ้มอยู่!
  หลิงหยุนหลบเลี่ยงหมัดของหลงเทียนฟางที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว..
  หลังจากที่สูญเสียมังกรไปถึงสองตัวอย่างรวดเร็วนั้นหลงเทียนฟางก็ไม่กล้าปลดปล่อยมังกรออกมาอีก เขาทั้งโกรธทั้งเสียดายจนอยากจะชกหลิงหยุนให้คว่ำในทันที
  ตูม!
  ในที่สุด..หลงเทียนฟางก็ไล่ตามหลิงหยุนทัน และชกกำปั้นเข้าที่แผ่นหลังของเขาหนึ่งหมัด ร่างของหลิงหยุนที่กำลังเหาะอยู่นั้น ถูกหลงเทียนฟางชกจนกระเด็นออกไปไกลกว่าสามร้อยเมตรในทันที
  หลังจากทรงตัวได้หลิงหยุนก็หยุดยืนนิ่งโดยไม่ได้รับอันตรายอะไรเลยแม้แต่น้อย นั่นเพราะหมัดของหลงเทียนฟางกระแทกเข้ากับกระดูสันหลังสีทองสุกสว่างของหลิงหยุน และไม่น่าเชื่อว่าแสงสีทองนี้จะมีพลังปกป้องมากกว่าพลังปกป้องเดิมของหลิงหยุนถึงห้าเท่า แม้แต่พลังของหลงเทียนฟางที่เผาหลงหยวนแล้ว ยังไม่สามารถทำให้หลิงหยุนบาดเจ็บได้เลยแม้แต่น้อย
  “ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยงั้นรึ!”
  หลงเทียนฟางร้องอุทานออกมาด้วยความงุนงงความจริงแล้วเพียงแค่หมัดเดียวนั้นควรจะต้องสังหารหลิงหยุนได้ในทันทีด้วยซ้ำไป แต่เมื่อเห็นหลิงหยุนยังคงยืนยิ้มได้อย่างสบายเช่นนั้น หลงเทียนฟางจึงได้แต่ประหลาดใจ!
  ไม่เพียงหลิงหยุนไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆแต่หลงเทียนฟางยังเห็นปราณมังกรที่พวยพุ่งออกมาจากร่างของหลิงหยุนอีกด้วย!
  หลงเทียนฟางอยู่กับปราณมังกรมาทั้งชีวิตเขาจึงสามารถรับรู้และสัมผัสปราณมังกรได้อย่างรวดเร็ว และเขาก็สัมผัสได้ว่าปราณมังกรที่พวยพุ่งออกจากร่างของหลิงหยุนนั้น เป็นปราณมังกรที่บริสุทธิ์กว่าของตนด้วย!
  และในวินาทีนั้นเองความคิดหนึ่งก็วูบขึ้นมาในจิตใจของหลงเทียนฟาง ดวงตาของเขาปรากฏแววตาสังหารขึ้นมาทันที!
  หลงเทียนฟางเข้าใจคำพูดของผู้เป็นพ่อได้ในทันทีหลงฮ่าวหลานเคยพูดไว้ว่า การที่หลิงหยุนสามารถฉกฉวยทรัพยากรในการฝึกของคนตระกูลหลงไปได้เช่นนี้ ย่อมหมายความว่าโชคชะตาของตระกูลหลงจะตกอยู่ในกำมือของเขาด้วย เพราะถึงอย่างไรหลิงหยุนก็ไม่ใช่สายเลือดตระกูลหลง!
  และยิ่งหลิงหยุนแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่ตระกูลหลงก็จะยิ่งอ่อนแอลงมากเท่านั้น!
  เมื่อพบว่าหลังจากที่ตนเองเผาหยดหลงหยวนแล้วแต่พลังหมัดของตนกลับไม่สามารถทำอันตรายหลิงหยุนได้เช่นนี้ หลงเทียนฟางจึงไม่คิดที่จะออมมือให้กับหลิงหยุนอีกต่อไป
  “ยันต์ลับคมรุ่ยจินฝู!”
  หลิงหยุนเรียกยันต์ลับคมรุ่ยจินฝูระดับหกออกมาสามแผ่นและซัดเข้าใส่กระบี่เหินเงาธนูกับกระบี่กังฉี และอีกหนึ่งแผ่นปิดไว้ที่กระบี่โลหิตแดนใต้ในมือ เพื่อเพิ่มความคมและพลังจู่โจมให้กับอาวุธของตนอีกสองเท่า
  ในขณะเดียวกับหลิงหยุนก็ควบคุมให้ตราหยกจักรพรรดิขยายใหญ่ขึ้นและจัดการสู้กับมังกรของหลงเทียนฟางที่เหลืออีกสามตัว
  ตลอดช่วงเวลาของการต่อสู้กันมานั้นหลิงหยุนไม่ได้ใช้ของวิเศษทั้งสามจู่โจมเข้าใส่หลงเทียนฟางเลยแม้แต่น้อย เพราะรู้ว่าการทำเช่นนั้นหาได้ประโยชน์อะไรไม่ เนื่องจากหลงเทียนฟางมีเกราะป้องกันร่างกายที่แข็งแกร่ง และหลิงหยุนก็กังวลว่าหลงเทียนฟางจะทำลายของวิเศษทั้งสามชิ้นของตนทิ้ง เหมือนที่เขาทำลายมังกรของหลงเทียนฟาง
  หลิงหยุนไม่เคยทำเรื่องที่ไร้สาระในระหว่างการต่อสู้หากเห็นว่าทำสิ่งใดลงไปเป็นการไร้ประโยชน์แล้วล่ะก็ หลิงหยุนจะไม่เสียเวลาโดยเด็ดขาด
  “ครั้งนี้เจ้าต้องนึกเสียใจแน่!”
  แววตาของหลงเทียนฟางปรากฏประกายสังหารรุ่งโรจน์เขายื่นฝ่ามือออกไปพร้อมกับเงยหน้าขึ้นฟ้า และร้องคำรามออกมาราวกับเสียงมังกรคำราม
  เมื่อครั้งที่อยู่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่นั้นหลิงหยุนเคยพบเจอมังกรจริงๆมาแล้ว จึงคุ้นเคยกับเสียงคำรามของมันมาก เวลานี้เขารู้สึกว่าเสียงคำรามของหลงเทียนฟางนั้น ฟังดูคล้ายกับเสียงคำรามของมังกรจริงๆยิ่งนัก!
  ทันทีที่เสียงคำรามของหลงเทียนฟางดังขึ้นหลวงจีนเจี๋วยหยวนและนักพรตชงซวีที่อยู่บนพื้น ต่างก็รีบยกมือทั้งสองข้างของตนขึ้นอุดหูไว้ทันที และได้เดินพลังปราณป้องกันเสียงนั้นไว้ แต่ถึงกระนั้นแก้วหูของพวกเขาทั้งสองยังถึงกับสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จนแทบจะต้านทานไว้ไม่ไหว..
  ในขณะเดียวกัน..เย่เทียนตู เย่เทียนสุ่ย และเย่ชิงซินที่อยู่บนท้องฟ้า ก็รีบเดินลมปราณลมปราณปกป้องไว้เช่นกัน ไม่เช่นนั้นพวกเขาทั้งสามก็ยากที่จะต้านทานได้!
  หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงได้ใช้มังกรคำรามของตนคำรามออกไปบ้างคลื่นเสียงของหลิงหยุนสามารถสะกัดกั้นคลื่นเสียงมังกรคำรามของหลงเทียนฟางไว้ได้!
  “เสียงมังกรคำรามของเจ้าทำอะไรข้าไม่ได้!”หลิงหยุนร้องตะโกนบอกยิ้มๆ
  แต่แล้วสีหน้าของหลิงหยุนก็ถึงกับเปลี่ยนไปเมื่อพบว่าเสียงมังกรคำรามที่หลงเทียนฟางคำรามร้องออกมานั้น ไม่ได้ต้องการที่จะใช้ทำร้ายผู้คน แต่เขากำลังพัฒนาเข้าสู่ขั้นที่สูงขึ้น!
  และในที่สุดหลงเทียนฟางก็สามารถพัฒนาขั้นเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) ได้ในระหว่างประมือกับหลิงหยุน!
  และในวินาทีนั้นก็ได้ปรากฏแสงสีทองสุกสว่างกว่าเดิมนับสิบๆเท่าแผ่กระจายออกมาจากร่างของหลงเทียนฟาง แสงสีทองนั้นสว่างเจิดจ้าจนคนอื่นๆในบริเวณนั้นไม่อาจลืมตาขึ้นมองได้ จากนั้นมังกรสามตัวที่อยู่ด้านนอกก็หายกลับเข้าไปในแสงสีทองสุกใสนั้นทันที!
  หลิงหยุนเองก็คิดที่จะพัฒนาเข้าสู่ขั้นต่อไปเช่นกันแต่หากเขาเข้าสู่ขั้นต่อไป ก็จะต้องเกิดทัณฑ์สวรรค์ขึ้นแน่ และเวลานี้ศัตรูของเขาก็อยู่รอบตัว
  หลิงหยุนจึงได้แต่เรียกกระบี่เหินเงาธนูกระบี่กังฉี และตราหยกจักรพรรดิกลับเข้าไป เพราะไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว อีกอย่างของพวกนี้ก็ไม่สามารถทำอะไรกับหลงเทียนฟางได้!
  พรึบ!
  หลิงหยุนไม่สนใจหลงเทียนฟางที่กำลังพัฒนาขั้นเขากระโดดลงมาที่พื้นดินอีกครั้ง