บทที่ 1110 เข้าสู่วังสวรรค์บรรพกาล

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1110 เข้าสู่วังสวรรค์บรรพกาล

เวลาผ่านไปดินแดนสุดขอบตะวันตกก็คึกคักมากขึ้น

แม้แต่สถานที่แห่งนี้ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองทัพพันธมิตรภูมิภาคทางเหนือก็ยังมีขั้วอำนาจอื่นๆ เข้าใกล้ แต่เมื่อรู้สึกถึงการรวมตัวที่ยิ่งใหญ่พวกเขาก็เลือกที่จะหลีกเลี่ยงไป ท้ายที่สุดไม่มีใครอยากสร้างปัญหาในตอนนี้เพื่อที่จะไม่รุกรานศัตรูที่ทำให้ลำบากใจ

ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้ห้าวันผ่านไปอย่างเงียบๆ

เมื่อวันที่ห้ามาถึงมู่เฉินที่กำลังฝึกฝนอยู่บนยอดเขาก็สัมผัสถึงบางอย่างจนลืมตาขึ้น เขายืนขึ้นมองไปในระยะไกล

มิติยังคงอยู่ในสภาพรุนแรง แต่ก็เริ่มสงบลงและส่วนแตกร้าวก็แสดงสัญญาณของการฟื้นฟู

มองจากระยะไกลดูเหมือนว่ามีมือขนาดใหญ่กำลังต่อพื้นที่เข้าด้วยกัน

“ฟ้าดินฟื้นฟูด้วยตัวเอง” เสียงของมั่นถัวหลัวดังก้องที่เบื้องหลัง นางยืนอยู่บนก้อนหินสีฟ้าอมเขียว สายลมที่พัดมาทำให้ชุดพลิ้วไหว ร่างเล็กดูราวกับกำลังจะถูกลมหอบออกไป

แต่มีเพียงคนที่รู้จักนางเท่านั้นที่รู้ว่ามีพลังงานที่น่ากลัวอยู่ในร่างเล็กจิ๋วนั่น

มู่เฉินพยักหน้า จากนั้นสายตาก็หดลงขณะมองไปรอบๆ เวลานี้เขารู้สึกได้ถึงความผันผวนของคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัวถูกปล่อยออกมาอย่างเงียบๆ จากใจกลางของดินแดนตะวันตกสุดขอบ

พวกเขาน่าจะเป็นผู้นำขั้วอำนาจต่างๆ ที่เฝ้าดูและรอโอกาสที่ดีที่สุด

ซึ่งโอกาสนั้นจะเกิดในวันนี้

ทุกคนจากภูมิภาคทางเหนือก็สามารถสัมผัสได้ถึงมิติที่สงบลง ทันใดนั้นความสุขก็กระจายบนใบหน้า

“ดูเหมือนว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะดำเนินการ” เสียงดังก้องจากด้านหลัง มู่เฉินเหลือบไปมองก็เห็นใบหน้าคุ้นเคยของคนที่พูด เขาก็คือประมุขตำหนักสุดนภา…หลิ่วเทียนเต้า

ตอนนั้นมีความเป็นศัตรูกันระหว่างเขากับตำหนักสุดนภา เพราะทั้งหลิ่วหมิงและหลิ่วเหยียนต่างพ่ายแพ้ในมือเขา

แต่พร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ตำหนักสุดนภาก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนเดิมอีกต่อไป ดังนั้นพวกเขาจึงไม่หยิ่งยโสอย่างที่เป็นมา

ยิ่งไปกว่านั้นด้วยการรวมตัวกันของจอมยุทธ์ทั่วทวีปเทียนหลัว ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นของพวกเขาธรรมดามาก จึงต้องพึ่งพาพลังของมั่นถัวหลัว มิฉะนั้นจุดยืนของพวกเขาจะถูกยึดครองโดยผู้อื่นทันที

ขณะที่มู่เฉินกวาดสายตาไปที่หลิ่วเทียนเต้า อีกฝ่ายก็สีมผัสได้ การแสดงออกของเขาดูกระอักกระอ่วนไปเล็กน้อย ใบหน้าของเขากระตุกก่อนที่จะเลื่อนสายตาออกไป

“ข้าเชื่อว่าพวกเจ้ารู้ถึงสถานการณ์ของวังสวรรค์บรรพกาล ดังนั้นเราจะผนึกกำลังเพื่อสร้างอุโมงค์มิติเพื่อส่งผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าไป” มั่นถัวหลัวกวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วพูดต่อด้วยเสียงแผ่วเบา “ทว่าอุโมงค์มิติเช่นนี้ไม่สามารถให้คนผ่านไปได้มาก ดังนั้นจึงมีจำนวนจำกัด อาณาเขตกงเวทสวรรค์ต้องการสามที่”

พันธมิตรในปัจจุบันก่อตั้งขึ้นด้วยห้าขั้วอำนาจเกรียงไกรของภูมิภาคทางเหนือ จากการคาดการณ์น่าจะส่งคนเข้าไปได้เพียงสิบคนเท่านั้น ซึ่งสามที่ที่อาณาเขตกงเวทสวรรค์เอาไปก็ชัดว่าไม่น้อยแล้ว

แต่พวกเขาก็ไม่มีความคิดคัดค้าน เนื่องจากพลังของมั่นถัวหลัวมีคุณสมบัติที่จะได้หลายที่

“มู่เฉิน จิ่วโยวและแม่นางหลินจิ้ง ข้ามอบสามที่ของสำนักให้พวกเจ้า” มั่นถัวหลัวหันไปมองทั้งสามคน

หลิ่วเทียนเต้าและคนอื่นตะลึงไป เพราะในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ซุ่ยนอนน่าจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากมั่นถัวหลัว ไม่คิดว่ามั่นถัวหลัวจะไม่เลือกเขา

เป็นเรื่องปกติสำหรับมู่เฉินและจิ่วโยว แต่หญิงสาวที่ชื่อหลินจิ้งเป็นใคร?

“ข้าด้วยเหรอ? ขอบคุณมากท่านประมุข!” หลินจิ้งที่ยืนอยู่ข้างๆ มู่เฉินก็อึ้งไป จากนั้นก็หายจากตกใจพร้อมกับดวงตาเป็นประกายยิ้มแย้มแจ่มใส

“ข้าเชื่อว่าแม้จะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเรา เจ้าก็สามารถเข้าไปในวังสวรรค์บรรพกาลได้เอง ในเมื่อเป็นแบบนี้ทำไมข้าไม่ให้ความช่วยเหลือเจ้าซะเองล่ะ?” มั่นถัวหลัวยิ้มทันทีที่พูด

แม้ว่าหลินจิ้งจะไม่ใช่จอมยุท์ขมพลังตี้จื้อจุน แต่สัญชาตญาณบอกมั่นถัวหลัวว่ามิติรุนแรงนอกวังสวรรค์บรรพกาลหยุดยั้งแม่นางน้อยคนนี้ไม่ได้

หลินจิ้งหัวเราะเบาๆ กะพริบตาวิบวับ แต่ไม่ได้ตอบคำถามของมั่นถัวหลัว

ขณะที่หลินจิ้งและมั่นถัวหลัวสนทนากัน ขั้วอำนาจอื่นๆ ก็เลือกจอมยุทธ์เรียบร้อย ซึ่งล้วนเป็นผู้อาวุโสในสำนักที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้า

คนที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นผู้อาวุโสจากตำหนักสุดนภาที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดและถือว่าแข็งแกร่งที่สุดในหมู่คนที่จะเข้าไป

“ระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดเรอะ?” มู่เฉินประหลาดใจไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าตำหนักสุดนภาจะได้จอมยุทธ์ที่ทรงพลังเช่นนี้ในหนึ่งปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าพวกเขาจ่ายราคาไปมากเลยทีเดียว

“เขาคือเฉวียนหมิงเป็นจอมยุทธ์ที่มีชื่อเสียงระดับแนวหน้าของภูมิภาคทางเหนือ ซึ่งเป็นหมาป่าเดียวดายที่มีความภาคภูมิใจในตัวเองอย่างยิ่ง แต่ครั้งนี้ตำหนักสุดนภาจ่ายราคาสูงลิ่วจนเขายอมเข้าร่วมด้วย” จิ่วโยวพูดเบาๆ ที่ด้านข้างมู่เฉิน

มู่เฉินพยักหน้า

มั่นถัวหลัวมองไปยังทุกคน “ในการเดินทางเข้าสู่วังสวรรค์บรรพกาลทุกคนถือว่าเป็นสหายกัน ดังนั้นหากใครมีปัญหา ข้าก็หวังว่าพวกเจ้าจะช่วยกัน ในสถานที่นี้ถ้าใจไม่คิดช่วยกัน คงยากที่จะก้าวไปข้างหน้าได้”

มู่เฉินและคนอื่นๆ พยักหน้ารับทราบคำพูดของนาง

เฉวียนหมิงยกเปลือกตาขึ้นขณะที่กวาดสายตามองไปที่พวกมู่เฉิน “ท่านประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์โปรดวางใจชายชราคนนี้ ข้าจะดูแลเด็กๆ เอง”

แม้จะมีเสียงแหบแห้ง แต่เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยองซึ่งทำให้คนที่ถูกเลือกคนอื่นๆ เบ้ปาก ตาแก่นี่พยายามมากเกินไปที่จะแสดงตัว

มู่เฉินและจิ่วโยวยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ แต่ไม่ได้ว่าอะไร แม้ว่าชายชราจะดูหยิ่งยโส แต่ก็พูดด้วยเจตนาดีดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเคืองใจ

เมื่อเห็นดังนี้ มั่นถัวหลัวก็แค่ยิ้ม จากนั้นพยักหน้าเอ่ยขึ้น “ในเมื่อทุกคนเตรียมพร้อมแล้ว ก็ไปกันได้เลย”

“ไป!”

เมื่อพูดจบร่างนางก็กลายเป็นร่างแสงทะยานออกไป

ผู้นำคนอื่นๆ ตามไปอย่างใกล้ชิดโดยมีคนที่ถูกเลือกตามหลังมา

ขณะที่พวกมู่เฉินเคลื่อนพล คลื่นหลิงมหาศาลและทรงพลังอื่นๆ ก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ทำให้ฟ้าดินถึงกับสั่นสะเทือน

เห็นได้ชัดว่าผู้นำสำนักอื่นๆ ก็เคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน

ฟิ้ว!

ขณะที่พวกเขาเดินตามมั่นถัวหลัวลึกเข้าไปในดินแดนสุดขอบตะวันตก พวกเขาก็เริ่มสัมผัสได้ว่ามิติแตกร้าวน่ากลัวเพียงใด คลื่นพลังงานรุนแรงพัดออกมาทำให้ทุกคนรู้สึกว่าคลื่นหลิงกำลังจะถูกฉีกออกจากร่างกาย

“ช่างเป็นแรงฉีกมิติที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้…” สีหน้าของมู่เฉินกลายเป็นเคร่งเครียด นี่เป็นเพียงระลอกคลื่นถ้าพวกเขาอยู่ภายใน ร่างกายและคลื่นพลังงานของพวกเขาคงจะถูกแยกออกจากกันทันที

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นก็เห็นมิติที่แตกร้าวในระยะไกล รอยแตกแผ่ซ่านออกมาราวกับมังกร ความผันผวนที่มาจากรอยแตกทำให้หนังหัวชาหนึบไปหมด

มั่นถัวหลัวและเหล่าประมุขหยุดอยู่ห่างจากรอยแตกหลายหมื่นจั้ง คลื่นหลิงไร้ขอบเขตของพวกเขาปะทุออกมาจากร่างซึ่งปกคลุมกลุ่มมู่เฉินปิดกั้นจากผลกระทบของพายุมิติ

ยืนอยู่ตรงหน้ารอยแตกขนาดใหญ่โดยมีความมืดมิดปกคลุมก็ดูราวกับหลุมเหวลึกดำ หากมองใกล้เข้าไปมากขึ้นก็จะตระหนักถึงวังโบราณที่เปล่งประกายความเก่าแก่และลึกลับ

นั่นก็คือทางเข้าของวังสวรรค์บรรพกาล

มั่นถัวหลัวเอี้ยวศีรษะแลกเปลี่ยนสายตากับประมุขคนอื่นๆ ก่อนที่จะออกกระบวนท่าในเวลาเดียวกัน แสงหลิงก่อตัวเป็นรูปธรรมกวาดออกจากร่างพวกเขาพุ่งไปที่รอยแตกสีดำ

ตู้ม! ตู้ม!

เมื่อลำแสงพุ่งออกไป เสียงกัมปนาทก็ดังกึกก้องทำให้สวรรค์และโลกสั่นสะเทือน อุโมงค์ความกว้างสิบกว่าจั้งค่อยๆ ถูกฉีกออก

เมื่อมองไปที่อุโมงค์ที่เปิดออกมู่เฉินก็แอบเดาะลิ้น คนเหล่านี้คู่ควรกับการเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนแท้จริง ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าราวกับหิ่งห้อยวูบไหวเบื้องหน้าดวงจันทร์เมื่อเทียบกับพลังหลิงขนาดใหญ่เหล่านั้น

“เข้าไป!” มั่นถัวหลัวส่งเสียงดังลั่น

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นก็เห็นในดินแดนนี้มีลำแสงขนาดใหญ่จำนวนมากทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าเปิดเส้นทางในเวลาเดียวกัน

ชัดว่าตอนนี้ขั้วอำนาจชั้นยอดในทวีปเทียนหลัวก็เลือกวิธีเดียวกันเพื่อฉีกเส้นทางเปิดกว้างส่งสมาชิกเข้าไปเป็นตัวเชื่อมกับวังโบราณ

สามารถจินตนาการได้ว่าการแข่งขันจะรุนแรงเพียงใดหลังจากจอมยุทธ์จำนวนมากเช่นนี้เข้าไป

ฮา

มู่เฉินหายใจเข้าลึก สายตาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นคมกริบ

“ไป!” เขาคำรามไม่ลังเลอีกต่อไป ร่างกลายเป็นร่างแสงทะยานเข้าไปในอุโมงค์

จิ่วโยว หลินจิ้งและคนที่เหลือก็ตามหลัง พวกเขาหายเข้าไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อเข้าไปในอุโมงค์มิติ ไฟแห่งการต่อสู้ก็ลุกโชนในส่วนลึกดวงตาของมู่เฉิน

ร่างเทพสุริยะนิรันดร์

ข้ามาแล้ว