บทที่ 2806 หลี่สิ้นแทนท้อ 3 (1)
กู้ซีจิ่วไม่รับไว้ “ดูเหมือนเปิ่นจุนจะไม่ได้มีหน้าที่ช่วยเหลือเจ้ากระทำการนี้นะ”
ถ้อยคำที่ตี้ฝูอีใช้กับเธอก่อนหน้านี้ถูกส่งคืนกลับไป
ตี้ฝูอีมองนาง “พระองค์เจ้า อันที่จริงครั้งนี้ข้ากำลังช่วยท่านอยู่นะ…”
“อืม เช่นนั้นช่วยคนก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด ส่งพุทธองค์ให้ถึงตะวันตก องค์หญิงมารผู้นี้งดงามถึงเพียงนี้ ต่อให้เจ้าได้เห็นเรือนร่างของนางก็ไม่เสียหายดอก” กู้ซีจิ่วยิ้มอย่างสบายอารมณ์ ไม่สนใจเขาอีก พยุงอูเชียนเหยียนขึ้นมาทันที หมายจะเคลื่อนย้ายจากไป
“ถ้าผู้น้อยบอกความลับของถุงใบนี้ พระองค์เจ้าจะช่วยธุระนี้ของข้าหรือไม่?” ตี้ฝูอีเอ่ยขึ้นทันที
กู้ซีจิ่วชะงักฝีเท้า ไม่ได้หันกลับไป “เจ้าพูดมาก่อนสิ”
ตี้ฝูอีถอนหายใจ เขาก็ตรงไปตรงมาเช่นกัน ในเมื่อรับปากว่าจะแลกเปลี่ยนแล้วก็ไม่ยึกยักให้มากความ “ถุงใบนี้ติดตัวข้ามาตลอด ข้าก็จำไม่ได้แล้วว่าเป็นของผู้ใด มันบรรจุได้เพียงสิ่งไม่มีชีวิตจริงๆ ไม่อาจบรรจุสิ่งมีชีวิตได้ แต่ก็ใช่ว่าจะบรรจุสิ่งมีชีวิตไม่ได้เลย…ขอเพียงทำให้สิ่งมีชีวิตสลบไป หยุดหายใจชั่วคราว ก็บรรจุเข้าไปได้แล้ว”
คำอธิบายของเขาน่าเชื่อยิ่ง กู้ซีจิ่วหันไปมองเขา “เท่าที่ข้ารู้ ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่สลบไปแล้วก็ยังมีลมหายใจอยู่ดี”
โอสถเม็ดหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือตี้ฝูอี “ถ้ากินโอสถเม็ดนี้ของผู้น้อยเข้าไป จะทำให้คนเสมือนตายไปแล้วได้หนึ่งชั่วยาม”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!
เหมือนกู้ซีจิ่วจะเข้าใจอะไรขึ้นมาแล้ว “เช่นนั้นที่เจ้าบอกว่าต่อให้เปิ่นจุนไม่มา เจ้าก็สามารถช่วยเชียนเหยียนออกไปได้ ก็คือคิดจะให้เชียนเหยียนกินโอสถนี้ลงไป ทำให้นางเสมือนตายไปแล้วจากนั้นก็ใส่ลงในถุงแล้วพาออกไปสินะ?”
ตี้ฝูอียื่นมีดในมือให้เธอ “พระองค์เจ้าทราบกระจ่างแล้ว เช่นนั้นขอพระองค์เจ้าโปรดลงมือเถิด”
มีดเล่มนั้นหมุนคว้างอยู่ในฝ่ามือกู้ซีจิ่ว กู้ซีจิ่วดีดปลายนิ้วคราหนึ่ง ดีดมีดเล่มนั้นกลับไป “เปิ่นจุนไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งนี้”
เธอถึงขั้นที่ไม่ถอดเสื้อขององค์หญิงเผ่าปีศาจออกเลยด้วยซ้ำ ทาบฝ่ามือลงบริเวณทรวงอกของอีกฝ่าย ฝ่ามือพลันโปร่งแสงในทันใด วาดตัดในแนวขวาง ผิวขององค์หญิงมารปริอ้าออกเสมือนถูกมีดกรีดในทันที…
ที่น่าแปลกคือ บาดแผลที่เธอใช้มือกรีดเฉือนให้เปิดไม่มีโลหิตไหลออกมาเลย
เธอขยับนิ้วอ้าดึงบริเวณบาดแผลเล็กน้อย ปอดยวงหนึ่งก็อยู่ในมือของเธอแล้ว เธอรวบฝ่ามืออีกครั้ง บาดแผลนั้นก็สมานเข้าหากันแล้ว…
“เหลือบาดแผลไว้!” ตี้ฝูอีเอ่ยออกมาในทันใด
กู้ซีจิ่วพลันสะบัดปลายนิ้ว ผ่านไปครู่หนึ่ง บาดแผลที่เชื่อมประสานกันแล้วก็ปรากฏขึ้นในบริเวณนั้นอีกครั้ง
ท่วงท่าการเคลื่อนไหวทั้งหมดของเธอลื่นไหลดุจเมฆาเคลื่อนคล้อยธาราไหลริน ดำเนินการเสร็จสิ้นภายในเวลาไม่ถึงครึ่งเค่อ อูเชียนเหยียนมองตาค้างอ้าปากหวอ นึกอิจฉาอย่างยิ่ง
ตี้ฝูอีก็มองกู้ซีจิ่วด้วยดวงตาที่เจิดจรัสเล็กน้อยเช่นกัน “ช่างสมกับที่เป็นเทพผู้สร้างโดยแท้…”
กู้ซีจิ่วหยักมุมปากนิดๆ ยื่นปอดยวงนั้นให้เขา “เจ้าสามารถนำมันไปแลกเปลี่ยนกับราชันปีศาจได้แล้ว”
เธอดีดนิ้วเล็กน้อย บนมือน้อยๆ ที่ขาวกระจ่างไม่มีคราบเลือดเลยสักนิด พยุงอูเชียนเหยียนขึ้นมาอีกครั้ง เอ่ยประโยคหนึ่งว่า “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นับว่าครั้งนี้เจ้าช่วยเหลือสาวใช้ของข้าไว้แล้ว เรื่องที่ครั้งก่อนเจ้าใช้เปิ่นจุนเป็นตัวเบี้ยเปิ่นจุนก็ใจกว้างไม่ถือสาหาความเจ้าก็แล้วกัน พวกเราสองฝ่ายไม่ติดค้างกันแล้วนะ” แล้วเคลื่อนย้ายจากไปอย่างสง่างาม
ตี้ฝูอีนิ่งงัน สองฝ่ายไม่ติดค้างกันแล้ว? เกรงว่าจะยังไม่แน่นอนน่ะสิ!
เขาไม่สนใจเรื่องนี้อีก ยื่นมือยัดยาเม็ดหนึ่งใส่ปากองค์หญิงปีศาจ ผ่านไปครู่หนึ่ง องค์หญิงปีศาจก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา
เมื่อนางพบว่าตัวเองอยู่ในคุก สีหน้าพลันแปรเปลี่ยน สายตาร่อนลงบนเงาหลังองอาจที่ยืนหันหลังให้รางๆอยู่ร่างนั้น ลุกขึ้นนั่งตามสัญชาตญาณ แต่เจ็บปวดรวดร้าวไปทั่วสรรพางค์ ทันทีที่นางขยับก็เจ็บปวดจนเหงื่อท่วมร่างแล้ว
เธอสูดหายใจแผ่วๆ เฮือกหนึ่ง เอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าเป็นใคร? ยืนโง่เงาทำอันใดอยู่ตรงนั้น? ผู้ใดมอบความกล้าให้เจ้ากันถึงไม่คุกเข่าลงเมื่อพบข้าผู้เป็นองค์หญิง?”
เดิมทีนางคิดจะตะโกน แต่ไม่มีแรงพอ เสียงจึงแผ่วเบาเหมือนยุงบิน
————————————————————————————-
บทที่ 2807 หลี่สิ้นแทนท้อ 3 (2)
ชายผู้นั้นค่อยๆ หันกลับมา เขายังคงสวมหน้ากากเอาไว้ แต่รัศมีรอบกายกลับดั่งต้นอวี้ดุจกล้วยไม้
องค์หญิงเผ่าปีศาจตะลึงงันไปทันที ดวงตาส่องประกาย “เจ้า..เจ้าถอดหน้ากากออกสิ ให้องค์หญิงอย่างข้าได้มองเจ้าดีๆ หน่อย! หากว่ารูปงามล่ะก็ องค์หญิงอย่างข้าจะไม่เอาความเจ้าในโทษฐานกระด้างกระเดื่องต่อองค์หญิง”
“เจ้าไม่คู่ควร” น้ำเสียงชายคนนั้นเย็นชา
องค์หญิงเกรี้ยวโกรธแล้ว “บังอาจ! เจ้านับเป็นตัวอันใด? ถึงได้กล้ามาดูหมิ่นข้าผู้เป็นองค์หญิงเช่นนี้?! รอให้ออกจากที่นี่ได้ก่อนเถอะ ข้าจะทูลฟ้องเสด็จพี่ให้ทรงทราบ ให้เขาเอาเจ้าไปสับเป็นหมื่นเป็นพันชิ้นโทษฐานละเมิดเบื้องสูง!”
“คนที่ถูกเจ้าสับเป็นหมื่นพันชิ้นมีมากน้อยเพียงใดแล้วล่ะ?” แววตาชายคนนั้นแข็งกระด้างดุจน้ำแข็ง
“เฮอะ กลัวแล้วสินะ? องค์หญิงอย่างข้าก็ไม่กลัวที่จะต้องบอกเจ้าดอก บุรุษทุกคนที่ไม่เชื่อฟังข้าผู้เป็นองค์หญิงล้วนถูกสับเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น จำนวนคนมากมายเกินไป ข้าผู้เป็นองค์หญิงไหนเลยจะจำได้ว่ามีมากน้อยเท่าใด? อย่างไรก็ตาม หากว่าเจ้ายอมเชื่อฟังข้าผู้เป็นองค์หญิงอย่างว่าง่าย องค์หญิงอย่างข้าอาจจะเมตตาเจ้าเป็นพิเศษก็ได้…”
“ในช่วงสามร้อยปีที่ผ่านมานี้บุรุษที่ถูกเจ้าสังหารด้วยการสับเป็นหมื่นเป็นพันชิ้นมีทั้งหมดสี่ร้อยแปดสิบเอ็ดคน สตรีที่ถูกเจ้าใช้งูเหลือมกู่มารสังหารมีห้าร้อยสามสิบคน…” ชายคนนั้นเอ่ยขัดนาง บอกจำนวนที่น่าตกตะลึงออกมา
องค์หญิงเผ่าปีศาจผงะไป “เจ้าเป็นใครกันแน่? เหตุใดจึงทราบชัดเจนถึงเพียงนี้?!”
“เจ้าแค่ต้องตอบมาว่าใช่หรือไม่ใช่!”
“ใช่! เช่นนั้นแล้วอย่างไรเล่า? ใครใช้ให้พวกเขาไม่เชื่อฟังข้าผู้เป็นองค์หญิงกันล่ะ? องค์หญิงอย่างข้าลืมเลือนไปแล้วว่ามีผู้คนมากน้อยเพียงใด” สุ้มเสียงขององค์หญิงเต็มไปด้วยความไม่แยแส เห็นได้ชัดว่านางกระทำเรื่องเช่นนี้อยู่เป็นประจำ ไม่เก็บมาใส่ใจเลยสักนิด
นางถือดีว่าตนเป็นองค์หญิง มีพี่ชายรักใคร่เอาใจ เคยชินกับการจองหองวางอำนาจเสมอมา มิใช่แค่สังหารคนส่งเดชเท่านั้น ยังชมชอบบุรุษเป็นพิเศษด้วย ขอเพียงเห็นบุรุษที่ถูกตาต้องใจก็จะฉกชิงมาไว้ข้างกายทันที หากว่าฝ่ายชายไม่ยินยอม นางก็จะจัดการแล่เนื้อเถือหนังของอีกฝ่ายเสีย
แน่นอน การแล่เนื้อเถือหนังของนางคือโทษสถานเบาแล้ว นางจะลงมือด้วยตัวเอง เมื่อเห็นบุรุษเหล่านั้นร้องโหยหวนอยู่ใต้ฝ่ามือของนาง นางจะมีความรู้สึกพึงพอใจอย่างน่าประหลาด…
ส่วนสตรีที่สิ้นชีพด้วยน้ำมือของนางเหล่านั้น ก็เป็นเพราะชำเลืองมองบุรุษเหล่านั้นอยู่หลายครั้ง หรือไม่ก็เป็นคู่หมั้นหรือสหายอันใดของบุรุษเหล่านั้นเท่านั้น ถ้าเคยถูกบุรุษที่นางหมายตาปกป้องดูแล ล้วนจะดึงดูดความหึงหวงริษยาอย่างบ้าคลั่งของนางได้ทั้งนั้น ทำให้กระทำเรื่องอันบ้าคลั่งออกมา
หลายปีมานี้ชายหญิงที่สิ้นชีพด้วยน้ำมือของนางไม่รู้ว่ามีมากน้อยเพียงใดแล้ว ตัวนางเองก็จำได้ไม่แน่ชัดแล้วจริงๆ
แววตาของตี้ฝูอีเยียบเย็นลง ทว่ายิ้มจางๆ แวบหนึ่ง “เจ้ายอมรับแล้วงั้นสิ!”
“เรื่องนี้มีสิ่งใดให้ไม่กล้ายอมรับกัน? เฮอะ ไม่ว่าองค์หญิงอย่างข้าจะสังหารคนไปมากมายเพียงใด เสด็จพี่ของข้าล้วนปกป้องข้าได้ทั้งนั้น ไม่มีทางปล่อยให้ข้าได้รับความอยุติธรรม ยิ่งไม่มีทางเอาเรื่องข้าอย่างแท้จริงด้วย ครั้งนี้หากมิใช่เพราะนังแพศยาเทพผู้สร้างโลกคนนั้น องค์หญิงอย่างข้าคงไม่มีทางบาดเจ็บสาหัส และไม่ถูกกระทำด้วยเยี่ยงนี้ เฮอะ รอให้หนนี้องค์หญิงอย่างข้าหายดีก่อนเถิด จะต้องหาทางสังหารนังแพศยาเทพผู้สร้างโลกคนนั้นให้ได้ แล่เนื้อนางด้วยตัวเองทีละชิ้นๆ…”
น้ำเสียงนางโหดเหี้ยมชั่วร้าย เต็มไปด้วยความกระหายเลือด
นางมองไปรอบๆ อีกครั้ง ยังคงไม่เข้าใจอยู่บ้าง “ทำไมข้ามาอยู่ในสถานที่ผีสางเช่นนี้ได้? มิใช่ว่าเสด็จพี่ของข้าจัดแจงให้ข้าพักอยู่ตำหนักอันวิจิตรงดงามหรอกหรือ? ใช่แล้ว เสด็จพี่ของข้าล่ะ?! เสด็จพี่ของข้ากล่าวเอาไว้แล้วชัดๆ ว่าจะหาตัวตายตัวแทนมาให้ข้า ให้ข้ารักษาตัวอย่างสบายใจ ทำไมจู่ๆ ถึงพาข้ามาไว้ที่นี่ได้…”
“คนที่พาเจ้ามาที่คือข้าเอง” ตี้ฝูอีเอ่ยขึ้น น้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ “วางใจเถิด อีกเดี๋ยวเจ้าก็จะได้พบเสด็จพี่ของเจ้าแล้ว”
เขาพลันโบกแขนเสื้อ สกัดจุดใบ้ขององค์หญิงผ่านอากาศ ทำให้องค์หญิงเผ่าปีศาจผู้นี้เอ่ยวาจาไม่ได้อีก
ต่อจากนั้น นางเห็นตี้ฝูอีเปิดประตูคุก เสด็จพี่ของนางสาวเท้าก้าวเข้ามา “ปรมาจารย์ สำเร็จหรือไม่?”
ตี้ฝูอีเขย่าถุงเล็กๆ ใบหนึ่งที่อยู่ในมือ ภายในถุงคือปอดยวงนั้น “โชคดีที่ไม่ล้มเหลว”