ตอนที่ 1405 แผนสอง : มาจากฟ้า โดย Ink Stone_Fantasy
ขุนนางที่สามารถเข้ามาในห้องประชุมภายในปราสาทได้ส่วนใหญ่แล้วล้วนแต่เป็นผู้สนับสนุนสามตระกูลใหญ่ในเมืองกลอรี ในนั้นมีอยู่ไม่น้อยที่เข้าร่วมการสร้างถนนตัดผ่านอาณาจักร บางส่วนหากำไรจากเครื่องจักรไอน้ำที่นำเข้าไปและการผลิตซีเมนต์ บางส่วนก็ไปที่เมืองธอร์นเพื่อดูการฝึกซ้อมของอัศวินอากาศในระยะใกล้ เมื่อได้ยินราชาแห่งเกรย์คาสเซิลมั่นใจขนาดนี้ ความกังวลบนสีหน้าพวกเขาพลันผ่อนคลายลงไปไม่น้อย
ไม่ว่ายังไง การประชุมที่เปิดเผยและพูดถึงแต่ตัวเลขสถิติและรายละเอียดแบบนี้ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากสำหรับขุนนางอาณาจักรดอว์น เมื่อเทียบกับการพูดปลอมด้วยความหวังแล้ว การบรรยายที่สามารถมองเห็นภาพได้นั้นกลับมีความน่าเชื่อถือมากกว่า
“อย่างนั้น…พวกเราต้องทำอะไรบ้างหรือพ่ะย่ะค่ะ?” มีคนถามขึ้นมา
“ทำทุกอย่างไปเหมือนเดิมก็พอ” โรแลนด์ตอบตรงๆ “อาณาจักรดอว์นที่อยู่ในความสงบนั้นถือเป็นการช่วยเหลือที่ดีที่สุดแล้ว”
“แต่ตอนนี้ความหวาดกลัวได้เริ่มขยายตัวไปแล้ว ถ้าหากใช้มาตรการบังคับ กระหม่อมเกรงว่ามันอาจจะส่งผลต่อผู้อพยพในทางตรงกันข้ามก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ…”
“นั่นเป็นเพราะปีศาจใช้หมอกแดงรุกล้ำเข้ามาในเขตแดน แต่สถานการณ์มันจะไม่เลวร้ายลงไปกว่านี้” โรแลนด์พูดปลอบ “ทางเกรย์คาสเซิลเองก็พยายามช่วยเหลือพวกเจ้าในการรักษาความสงบอย่างเต็มที่”
“พื้นที่ที่ได้ถูกปีศาจโจมตี ทางเมืองหลวงจะละเว้นการเก็บส่วยและให้เงินสนับสนุนไปตามสถานการณ์” ฮอว์ฟอร์ดพูดเสริมขึ้นมา “ทุกท่าน ที่เป็นสงครามที่เกี่ยวพันถึงชะตาชีวิตของมนุษย์ทุกคน ไม่มีใครที่จะปัดความรับผิดชอบนี้ได้ ข้าฮอว์ฟอร์ด ควินน์ขอสาบานในนามบรรพบุุรุษว่าไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร ข้าก็ไม่จากเมืองกลอรีไปแม้แต่ก้าวเดียว! ถ้าอาณาจักรดอว์นถูกปีศาจทำลาย อย่างนั้นปราสาทแห่งนี้จะกลายเป็นหลุมฝังศพของข้า!”
…..
หลังได้รับการรับประกัน เหล่าขุนนางที่ใจเย็นลงพากันออกไปจากห้องประชุม ไม่นานภายในห้องประชุมก็เข้าสู่การประชุมช่วงที่สอง
คนที่ัยังอยู่ภายในห้อง นอกจากราชาแห่งดอว์นแล้ว คนที่เหลือล้วนแต่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกรย์คาสเซิล
“ฝ่าบาท ศึกโจมตีก่อนหน้านี้ กระหม่อมยินดีที่จะรับผิดชอบ…” ขวานเหล็กและเอดิธส์ลุกขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนจะสบกับอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ
“ไม่มีใครรู้หรอกว่าพระผู้สร้างมันมีวิธีการโจมตียังไง” โรแลนด์ส่ายหัว “ถ้าบอกข้านะว่าตอนที่พวกเจ้าวางแผนนี้ขึ้นมา พวกเจ้าไม่เคยคิดเรื่องที่กองหนุนจะถูกโจมตีหรือถูกทำลายมาก่อน”
“…..” ทั้งสองคนได้แต่นิ่งเงียบไป
กองทหารทีมหนึ่งเข้าไปหยั่งเชิง กองทหารที่เหลือรับมือไปตามสถานการณ์ นี่ถือเป็นวิธีปกติในการวางกลยุทธ์ แต่การที่คิดว่าความเสียหายจะเกิดขึ้นแต่เฉพาะทีมที่เข้าไปหยั่งเชิงต่างหากถึงจะเป็นความคิดที่โง่เขลา เขาเชื่อว่าทีมที่ปรึกษาไม่มีทางทำอะไรผิดพลาดแบบนั้นแน่
“พูดอีกอย่างในวินาทีที่ตัดสินใจที่จะใช้แผนการนี้ พวกเจ้าก็รู้อยู่แล้วว่าแผนการนี้มันมีความสำคัญอยู่เหนือความเสี่ยงที่ทีมสองทีมนี้ต้องเจอ ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าคงไม่อนุมัติแผนการนี้ตั้งแต่แรกหรอก วางใจได้ ข้าไม่มีทางใช้จำนวนผู้เสียชีวิตมาเป็นตัวชี้วัดความดีความชอบหรือความผิดพลาดของพวกเจ้าหรอก ต่อให้มันจะเป็นศึกที่กองทัพที่หนึ่งเสียหายมากที่สุดก็ตาม”
“ฝ่าบาท….”
“แต่อย่าลืมซะล่ะ” เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าที่ดูผ่อนคลายของโรแลนด์เมื่อครู่นี้พลันเปลี่ยนไป น้ำเสียงเองก็ฟังดูคร่ำเคร่งขึ้นด้วย “ทหารเหล่านี้ก็มีครอบครัวเหมือนกัน อย่ามองการเสียสละของพวกเขาเป็นเพียงตัวเลขที่อยู่บนกระดาษ ข้าหวังว่าทุกครั้งที่พวกเจ้าวางแผนอะไรจะจำในจุดนี้เอาไว้ด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” ขวานเหล็กกับเอดิธส์รับคำพร้อมกัน
“อย่างนั้นต่อไปก็มาคุยเรื่องสงครามหลังจากนี้ดีกว่า”
“เพคะฝ่าบาท” ไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือเปลี่ยนแผนที่อันใหม่ขึ้นไปบนกำแพง “จากที่ทำการวิเคราะห์ดูแล้ว ทีมที่ปรึกษาคิดว่าสถานที่ที่ป้อมปราการลอยช้าอาจจะเคลื่อนที่เข้าไปหานั้นมีอยู่สองที่ หนึ่งคือชายขอบของภูเขาเคจเมาเธ่น สองคือที่ราบสูงเฮอร์มีส ถ้ามันเคลื่อนที่ไปตรงชายขอบเคจเมาเธ่น มันก็จะสามารถยึดเอาวูล์ฟฮาร์ทมาได้ ขณะเดียวกันก็จะแผ่อิทธิพลมาถึงอาณาจักรดอว์นด้วย แต่ถ้ามันยึดที่ราบสูงเฮอร์มีส หมอกแดงก็จะปกคลุมลงมายังสี่อาณาจักรใหญ่ ทำให้เทือกเขาสิ้นวิถีเชื่อมต่อกับสันหลังของทวีปกลายเป็นเส้นทางเดียวกัน ถ้าว่าตอนนี้มันได้ลอยข้ามชายแดนของอาณาจักรดอว์นมาแล้ว เมื่อดูจากวิถีการเคลื่อนที่ มีความเป็นไปได้สูงว่ามันจะเคลื่อนที่ไปยังเฮอร์มีสเพคะ”
โรแลนด์พยักหน้า “การอพยพตรงนั้นเป็นยังไงบ้าง?”
“ราบรื่นอย่างมากเพคะ” อกาธาตอบ “ตอนนี้อิสซาเบลลาเป็นผู้นำที่แท้จริงของศาสนจักรแล้ว การเคลื่อนไหวของพวกเขามีประสิทธิภาพเหนือกว่าชาวบ้านทั่วไปมาก จากที่คำนวณเอาไว้ ภายใน 2 – 3 วันก็น่าจะอพยพออกมาจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก่าและใหม่ได้หมดเพคะ”
“อย่างนั้นก็ดี”
“ก่อนที่ ‘แสงแห่งอาทิตย์’ ของพระองค์จะเสร็จเรียบร้อย พวกเราไม่สามารถที่จะหยุดการเคลื่อนที่ของป้อมปราการลอยฟ้าได้เพคะ” เอดิธส์พูดต่อ “ทันทีที่มันยคดที่ราบสูงเฮอร์มีสได้ มันก็มีความเป็นไปได้สูงว่าหมอกแดงจะปกคลุมลงมาถึงเมืองซิลเวอร์ อาณาจักรดอว์นจะถูกกลืนกิน ถ้าสูญเสียการสนับสนุนของแม่มดไป พวกเราจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างมากเพคะ”
มาถึงขั้นนี้แล้วเหรอ
โรแลนด์แอบถอนหายใจ เพราะขนาดตั้งเสาโอเบลิสขึ้นที่ทาคิลานั้นยังสร้างปัญหาให้กับอาณาจักรของมนุษย์อย่างมากเลย แต่ตอนนี้มันเรียกได้ว่าแทบจะมาปักอยู่ตรงหน้าแล้ว
เสาโอเบลิสที่ตั้งอยู่ตรงทาคิลาจะสามารถรุกเข้ามาในเนเวอร์วินเทอร์ได้โดยตรง ส่วนเสาโอเบลิสบนที่ราบสูงเฮอร์มีสจะปกคลุมได้ถึงแค่เมืองซิลเวอร์เท่านั้น นี่คือเป็นความแตกต่างที่สำคัญที่สุด ทันทีที่เขตอุตสาหกรรมเพียงหนึ่งเดียวถูกหมอกแดงปกคลุม ผลที่ตามมาคงจะแย่อย่างมากแน่ ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเกรย์คาสเซิลที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วนั้นล้วนแต่มีความเกี่ยวข้องกับแม่มดทั้งนั้น ภายในเมืองเนเวอร์วินเทอร์ มนตร์แห่งสลีปปิ้งได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาทุกๆ ด้านของเมือง อย่างเช่นการกำจัดพวกปรสิตที่เกาะอยู่บนตัวเรือ คลายความผ่อนคลายให้กับคนงาน ช่วยเรื่องการแปรรูป ปลูกปะการังเพื่อเพิ่มพื้นที่น้ำตื่น…..ถึงแม้อุตสาหกรรมการผลิตที่เป็นหัวใจสำคัญอย่างเช่นการถลุงเหล็กจะไม่ต้องการแม่มดในการช่วยเหลือแล้ว แต่ประสิทธิภาพในภาพรวมที่ลดลงอย่างมากนั้นคือสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
โชคดีที่ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักรไอน้ำ เครื่องยนต์สันดาปภายในหรือว่าแหล่งกำเนิดพลังลูกบาสก์ก็ล้วนแต่สามารถทำให้อยู่ในหมอกแดงได้ นี่ทำให้มนุษย์มีไพ่ตายเอาไว้ใช่ต่อสู้กับปีศาจ
“ดูเหมือนก่อนที่พระผู้สร้างจะถูกทำลาย พวกเราต้องสู้กับศัตรูอยู่ในหมอกแดงไปพักหนึ่งนะเนี่ย” สายตาเขายังคงกวาดมองดูทุกคน “แต่ที่ข้ามาครั้งนี้ ข้ายังมีข่าวดีมาบอกทุกคนด้วย ตอนนี้ ‘แสงแห่งอาทิตย์’ ได้ทำการออกแบบเสร็จแล้ว อีกไม่นานการทดสอบตามทฤษฎีรอบใหม่จะเริ่มขึ้น ถ้าหากสำเร็จล่ะก็ ป้อมปราการลอยฟ้นี้ไม่มีได้อยู่ถึงวันที่หมอกแดงกลืนกินอาณาจักรดอว์นแน่!”
ทุกคนมีสีหน้ายินดีขึ้นมาทันที
“จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ดีจังเลยพ่ะย่ะค่ะ!”
โรแลนด์เองก็ยิ้มออกมา “อย่างนั้น ตอนนี้เราก็มาคุยกันได้แล้วว่าจะทำการโจมตีครั้งนี้ยังไง”
…..
หลังคุยกันมาตลอดบ่าย แผนการคร่าวๆ ก็ถูกกำหนดออกมา
เนื่องจากความพิเศษของพระผู้สร้าง กองทัพที่หนึ่งจึงมีตัวเลือกไม่มากนัก ทางเลือกหนึ่งคือฝังระเบิดเอาไว้ก่อน แล้วค่อยจุดระเบิดหมอกแดงที่อยู่บนพื้นด้านล่างเพื่อให้ระเบิดไหลย้อนขึ้นไปทำลายแกนหลักของพระผู้สร้าง อีกทางเลือกหนึ่งคือโยนระเบิดลงมาจากบนฟ้าให้มัทำให้เสาโอเบลิสในที่เดียว นอกจากสองวิธีนี้แล้ว วิธีอื่นๆ ล้วนแต่สร้างความเสียหายให้พระผู้สร้างได้น้อยมาก
ข้อดีของวิธีแรกคือสามารถทำได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องบินทิ้งระเบิด แต่ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรก็ยากที่จะรับประกันได้ ที่ราบสูงเฮอร์มีสค่อนข้างกว้าง ไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายแล้วพระผู้สร้างจะไปจอดอยู่ตรงตำแหน่งไหน ถ้าหากระเบิดอยู่ห่างจากช่องที่หมอกแดงไหลลงมา ผลจากระเบิดก็จะลดลงอย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้นแสงแห่งอาทิตย์จะสามารถทำให้น้ำตกหมอกแดงกลายเป็นเสาเพลิงที่มีอุณหภูมิสูงได้หรือเปล่าก็ยังไม่อาจรู้ได้ ยิ่งแผ่นดินลอยฟ้าอยู่ห่างจากพื้นดินมากเท่าไร ความไม่แน่นอนก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น บวกกับยูเรเนียมบริสุทธิ์ที่ลูเซียสกัดออกมาก็มีอยู่แค่นั้น สุดท้ายแผนการนี้จึงถูกปฏิเสธไป
ตอนนี้การโยนระเบิดลงมาจากฟ้ายังคงมีปัญหาทั้งในด้านเทคโนโลยีและการปฏิบัติจริง แต่ขอเพียงสำเร็จ ระเบิดก็จะจุดระเบิดขึ้นใกล้ทะเลสาบหมอกแดง ซึ่งจะทำให้ระเบิดแสดงประสิทธิภาพออกมาได้สูงที่สุด
“อย่างนั้นก็ทำตามแผนที่เราคุยกันนี้แล้วกัน” โรแลนด์ตบโต๊ะ “นอกจากนี้ การฝึกซ้อมโจมตีทางอากาศและการทดสอบระเบิดจะจัดขึ้นพร้อมกัน หนี้แค้นอันนี้ เราต้องให้พวกปีศาจมันชดใช้!”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” ทุกคนตอบพร้อมทำความเคารพพร้อมกัน
…………………………………………………………..