สิ่งที่ตามมากับเสียงหักที่ดังชัดเจน สะพานสายรุ้งเขตสีฟ้า กลายเป็นจุดแสงเต็มท้องฟ้าราวกับฝนตกลงมา

เทียนชิงหยางถอยกลับมาในเขตสีเขียวอย่างทุลักทุเล ถ้าช้าเพียงก้าวเดียว เขาก็จะร่วงลงไปด้วย

“สะพานสายรุ้งขาดแล้ว!”

ฉินอวิ่นอ้าปากพูดพึมพำ

ฉินซางต้าตี้เห็นภาพนี้ กลับหัวเราะเสียงดัง หัวเราะจนตัวโยน น้ำตาเกือบไหลออกมา

สีหน้าของหลู่เฉิงเซี่ยงเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

เทียนชิงหยางและคนอื่น มองสะพานขาดข้างหน้า พากันงุนงงไปหมด

“นี่ไม่ให้คนอื่นข้ามไปชัดๆ!”

“นี่มันอะไรกัน ลู่ฝาน นายทำลายสะพานสายรุ้งจนพัง นายควรได้รับบทลงโทษแบบไหนกัน!”

“นี่ไม่ยุติธรรม เขาทำสะพานขาด คนอื่นจะข้ามไปยังไงล่ะ!”

เสียงตะโกนต่างๆ นานาดังขึ้น จู่ๆ ลู่ฝานกลายเป็นเป้าโจมตีทันที

ลู่ฝานยืนอยู่ในเขตสีน้ำเงิน สัมผัสถึงความเย็นยะเยือกถึงกระดูก กำลังกัดกินร่างกายของเขา เขารีบก่อตัวปราณชี่ไว้ที่ขา สกัดไม่ให้ความเย็นแทรกซึมเข้ามา

เขาเงยหน้ามองฉินซางต้าตี้ที่อยู่ด้านหน้า เสียงตะโกนของเทียนชิงหยางและคนอื่นไม่เป็นผล ต้องให้ฉินซางต้าตี้พูดเพียงประโยคเดียว ถึงจะกำหนดว่าลู่ฝานมีโทษหรือไม่

ลู่ฝานแอบด่าเจดีย์เสวียนเก้ามังกรอยู่สองสามครั้ง เห็นได้ชัดว่าที่สะพานสายรุ้งขาด เกี่ยวข้องกับการที่เขาเก็บสัตว์อสูรสายลมเอาไว้

ไอ้เก้าสมควรตายจริงๆ รู้แค่ว่าจะเอาสัตว์อสูรห้าธาตุมาเป็นสัตว์คุ้มครองเจดีย์ให้เขา แต่ไม่รู้ว่าเมื่อทำแบบนี้ เป็นการหลอกเขาอย่างรุนแรง

ขนนางทั้งหมดมองไปทางฉินซางต้าตี้

ผ่านไปนาน ฉินซางต้าตี้หยุดขำ แล้วพูดว่า “ด่านสะพานสายรุ้งในวันนี้ สิ้นสุดลงเท่านี้ คนที่ผ่านร้อยขั้น ถือว่าผ่านด่าน ส่วนคนที่เหลือโดนคัดออก เรียงลำดับรายชื่อตามจำนวนขั้น ทำเหมือนเดิมทุกอย่าง!”

หัวหน้าองครักษ์เกราะทองที่อยู่ข้างๆ พูดเสียงดังว่า “ด่านสะพานสายรุ้งสิ้นสุดลงแล้ว กลับ!”

เมื่อเสียงตะโกนของหัวหน้าองครักษ์เกราะทองดังขึ้น แสงบนหินอวี่ฮั่วที่อยู่ด้านล่างหายไป

จู่ๆ สะพานสายรุ้งหายไปจากใต้เท้า ทุกคนค่อยๆ ลอยลงมาจากฟ้า

ราวกับมีพลังบางอย่างดึงพวกเขาลงสู่พื้นดิน

ฉินซางต้าตี้สะบัดมือ แสงค่ายกลสว่างขึ้นอีกครั้ง ทุกคนหมุนเคว้งทันที เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็กลับมาอยู่ในตำหนักไท่เหอแล้ว

ทุกอย่างเหมือนเดิม จำนวนคนไม่ขาดไม่เกิน ขนาดจุดที่ยืนอยู่ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงเท่าไร

ราวกับสิ่งที่เจอเมื่อครู่ เป็นเพียงความฝันเท่านั้น!

แต่ทุกคนยังเห็นรอยแผลบนร่างกายตัวเอง รวมถึงพลังในตัวที่สูญเสียไป

นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เป็นความจริง

“การคัดเลือกด่านแรกสิ้นสุดแล้ว กลับ!”

ทุกคนก้มหน้า พูดเสียงดังว่า “ถวายบังคมฝ่าบาท อู่อานยิ่งใหญ่งดงาม” หลังจากนั้นจึงค่อยๆ เดินออกจากตำหนักไท่เหอ!

กลุ่มองครักษ์เกราะทองพาลู่ฝานและคนอื่นออกมาทางประตูตำหนักไท่เหอ กลุ่มคนเดินออกมาข้างนอก แต่ขณะนั้นเอง ลู่ฝานกลับโดนองครักษ์เกราะทองคนหนึ่งเรียกด้วยเสียงเบา “ผู้ตรวจการลู่ นายไม่ต้องออกไปครับ!”

ลู่ฝานชะงักฝีเท้าลง มองซ้ายมองขวา พบว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่โดนเรียก ยังมีคนอีก 1-2 ร้อยคนที่โดนเรียกเหมือนกัน

ไม่ต้องสงสัยเลย คนพวกนี้ล้วนเป็นนักบู๊ที่ผ่านด่านแรก

พวกคนที่ไม่ถูกเรียก นัยน์ตามีน้ำตาคลอเบ้า หรือไม่ก็ความโกรธเคือง

ลังเลอยู่ในตำหนักไท่เหอครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าไม่อยากกลับ แต่สุดท้ายก็ต้องเดินกระทืบเท้าออกไป

“ผู้ตรวจการลู่ เชิญไปที่ตำหนักเสินอู่ครับ!”

กลุ่มองครักษ์เกราะทองพาคนร้อยกว่าคนไปทางซ้ายของตำหนักไท่เหอ

ลู่ฝานเคยได้ยินชื่อตำหนักเสินอู่ นั่นเป็นสถานที่ที่พระราชวังต้อนรับผู้แข็งแกร่ง ว่ากันว่าได้พักที่ตำหนักเสินอู่หนึ่งคืน ต้องมีคุญปการอันยิ่งใหญ่ต่อประเทศอู่อาน หรือไม่ก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเซียนบู๊ขึ้นไป