บทที่ 862 ความผิดของฉันเอง

Mars เจ้าสงครามครองโลก

Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 862 ความผิดของฉันเอง
เย่เซิ่งเทียนรู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และเขาก็หงุดหงิดอย่างไม่รู้สาเหตุ

เขาพูดอย่างหงุดหงิดว่า“เจ้าหน้าที่จางครับ ผมไม่ไปโรงพักแล้ว มีอะไรให้ไปหาเวินเฉินที่อยู่จวนผู้ว่าการได้เลยนะครับ”

เจ้าหน้าที่จางตกตะลึง เวินเฉินอยู่ผู้ว่าการ?

นั่นมันเลขาเวินไม่ใช่หรอ?

ชายหนุ่มผู้นี้เกี่ยวข้องอะไรกับเลขาเวิน?

หรือเขาเป็นคนของจวนผู้ว่าการ?

แถมยังกล้าเรียกชื่อของเลขาเวินอีก งั้นก็แสดงว่าสถานะของชายหนุ่มในจวนผู้ว่าราชการจังหวัดไม่ธรรมดา อย่างน้อยก็อยู่ในระดับเดียวกับเลขาเวิน

“น้องชาย นายเป็นคนของจวนผู้ว่าการหรอ?ถ้านายออกไปแบบนี้จะไม่มีปัญหาอะไร”

เจ้าหน้าที่จางขมวดคิ้ว ฝ่ายตรงข้ามเมื่อครู่ยังยอมให้ความร่วมมือเลย ไม่เหมือนคนที่ทำอะไรซี้ซั้ว ตอนนี้จะขอลงจากรถ หรือมันเกิดอะไรขึ้น?

แต่เขายังคงพูดอย่างระมัดระวังว่า“แต่ฉันคงต้องขอดูเอกสารของนายก่อน”

แน่นอนว่าเย่เซิ่งเทียนไม่มีเอกสารอะไร จึงพูดอย่างอดทนว่า“คุณสามารถโทรไปที่จวนผู้ว่าได้ ลองถามเวินเฉินดู บอกว่าผมแซ่เย่ เธอก็รู้แล้ว ตอนนี้ผมคงต้องขอตัวก่อน หวังว่าคุณจะเข้าใจ ”

พูดจบ เย่เซิ่งเทียนไม่สนใจว่ารถจะจอดหรือไม่ เขาเปิดประตูกระโดดลงจากรถทันที

เจ้าหน้าที่จางตกใจมาก เขารีบเบรกรถ แต่กลับไม่พบร่างของเย่เซิ่งเทียนแล้ว

“คนล่ะ?หรือฉันเห็นผีแล้ว?แค่พริบตาเดียวก็หายไปเลย?”

เจ้าหน้าจางเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เขากลืนน้ำลาย“ดูฝีมือนี้ จะต้องเป็นผู้กล้าของจวนผู้ว่าการแน่ แม่งเอ้ย เกาสงไอ้พวกงั่ง มีเรื่องกับใครไม่มี แต่กลับไปล่วงเกินผู้กล้าของจวนผู้ว่าการ คราวนี้ถ้าไม่ติดคุกคงไม่ได้แล้ว”

และในตอนนี้เอง

เย่ห้าวพึ่งไปรับหวางซีทั้งสามคน

“คุณพ่อคะ อยากเจอเซิ่งเทียนไหมคะ?”

หวางซีไม่ได้โกรธแค้นเย่ห้าวเป็นการส่วนตัว เธอกวังว่าเย่เซิ่งเทียนจะปรับความเข้าใจกับเย่ห้าว

เรื่องในตอนนั้น เป็นความผิดของเย่ห้าว แต่ภายใต้สถานการณ์แบบนั้น เย่ห้าวไม่มีทางเลือกอื่น

ที่ทำแบบนั้น ก็เพื่อปกป้องเย่เซิ่งเทียนสองแม่ลูก

แต่ภายในใจของเย่เซิ่งเทียนไม่สามารถก้าวข้ามผ่านมันไปได้ ในฐานะที่เธอเป็นภรรยาของเขา จึงทำได้เพียงแค่ใช้วิธีนี้ในการทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเย่เซิ่งเทียนกับตระกูลเย่ดีขึ้น

“คุณปู่คะ”

ซีซีเรียกขานอย่างน่ารัก

เย่ห้าวหัวเราะแล้วอุ้มซีซีขึ้นมา พลางกล่าวว่า“ปู่ผ่านมาทางนี้พอดีเลยมาเยี่ยมพวกหนูน่ะ แม่ยายลูกชายครับ สวัสดีครับ”

หลี่หลานพูดอย่างโมโห“มาเจอเซิ่งเทียนก็เจอเซิ่งเทียนสิ มีอะไรพูดไม่ได้?ทำตัวลับๆล่อๆ คุณจะให้เซิ่งเทียนคิดยังไง?”

เย่ห้าวหัวเราะอย่างเขินๆ แล้วเปลี่ยนบทสนทนา“ผมส่งพวกคุณกลับบ้านนะครับ”

หลี่หลานไม่ไว้หน้าเย่ห้าว และไม่มีทางสนใจว่าเย่ห้าวเป็นเจ้าบ้านของตระกูลเย่แห่งเมืองหลวง

ในสายตาของเธอ เย่เซิ่งเทียนไม่ต่างอะไรกับลูกชายแท้ๆของตัวเอง แน่นอนว่าเธอต้องเข้าข้างเย่เซิ่งเทียนอยู่แล้ว

เธอพูดอย่างประชดประชันว่า“ตอนนั้นคุณทำเพื่อเซิ่งเทียนสองแม่ลูกก็จริง แต่คุณทำแบบนั้น ไม่คิดหรอว่ามันเป็นการทำร้ายเซิ่งเทียนขนาดไหน?ที่เขาไม่ยอมรับคุณมันก็สมควรแล้ว เซิ่งเทียนกับแม่ของเขาถูกคนของตระกูลหมิงรังแกจนอยู่ในสภาพแบบนั้น คุณไม่สามารถแอบช่วยพวกเขาได้เลยหรอ?ถึงคุณจะมีปัญหามากแค่ไหน มันสำคัญกว่าความปลอดภัยของพวกเขาสองแม่ลูกหรอ?”

คำพูดของหลี่หลาน ทำให้เย่ห้าวรู้สึกละอายใจ พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว

ตอนนั้นเขารู้ว่าหมิงยู่กับเย่เซิ่งเทียนพบเจออะไรในตระกูลเย่ แต่เขาก็รู้ หมองยู่กับเย่เซิ่งเทียนเป็นตัวทดลองของสรวงสวรรค์ ทางสรวงสวรรค์ไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาตายง่ายๆ อย่างมากก็แค่ทนทุกข์ทรมาน

ประกอบกับตอนนั้นตระกูลเย่ถูกขัดแข้งขัดขาทุกหนทุกแห่ง อดีตจอมพลได้รับบาดเจ็บสาหัส ตระกูลเก่าแก่ผู้ดีก็ถูกบีบจนหนทาง เขาจึงเลือกที่จะเงียบ เพื่อตระกูลเย่

แต่ตอนนี้เขาถึงเข้าใจ ถึงสรวงสวรรค์จะไม่ปล่อยให้หมิงยู่กับเย่เซิ่งเทียนตายไป แต่การเลือกของเขา มันเป็นการทำร้ายจิตใจของลูกชายอย่างหนัก

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว แต่มันก็สายไปเสียแล้ว

“คุณแม่คะ พูดน้อยๆหน่อยเถอะค่ะ”

หวางซีส่งสายตาตำหนิหลี่หลาน

เย่ห้าวยิ้มอย่างขมขื่น“แม่ของเธอพูดถูก เป็นความผิดของฉันเอง”

ปึ้ง

ในเวลานีเอง จู่ๆก็มีเงาสีดำพุ่งเข้าชนหน้าต่างด้านหน้าอย่างแรง