บทที่ 1677 ไม่อาจใช้กำลัง / บทที่ 1678 ดื่มเหล้าดีหนึ่งกรึ๊บ

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1677 ไม่อาจใช้กำลัง

แต่ถ้าตัวเธอดื่มเหล้าจริงๆ แค่สู้กับเมิ่งเข่อเหมือนจะสูญเปล่าเกินไปหน่อย ไม่สู้ถอนรากถอนโคนไปเลย

“ได้” กรรมการพยักหน้า จากนั้นก็หันไปหาเมิ่งเทียนแล้วเอ่ย “เมิ่งเทียน ลงสนามรับการท้าประลอง เธอปฏิเสธผู้ประลองหมายเลข 8 ไม่ได้”

“หึๆ …น่าสนใจ…” เวลานั้นมุมปากเมิ่งเทียนยกสูงน้อยๆ วาดเป็นรอยยิ้มเย็นชาสุดขั้วกระดูก

วินาทีถัดมา เมิ่งเทียนก็ลงจากที่นั่งสิบผู้แข็งแกร่งและก้าวเร็วๆ กระโดดขึ้นบนเวทีในพริบตา

“ฉันต้องเตือนทุกท่าน การแข่งขันนี้สู้พอเป็นพิธี ถ้ามีการทำมิชอบใดๆ ต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา” หลังกรรมการตัดสินพูดจบก็เดินลงจากเวทีทันที

เวลานี้บนเวทีกว้างใหญ่มีคนยืนด้วยกันทั้งหมดสามคน

“รุ่นน้องเมิ่งเข่อ ฉันยืนดูอยู่ด้านข้างเป็นไง” เมิ่งเทียนมีสีหน้ายิ้มแย้มเอ่ยกับเมิ่งเข่อ

“ต้องการแบบนั้นพอดี รุ่นพี่เมิ่งเทียนอย่ายื่นมือให้สู้เองค่ะ” เมิ่งเข่อพูดจบก็ก้าวเดินไปหาเยี่ยหวันหวั่นด้วยสีหน้าเย็นชา

เวลานี้มือขวาของเยี่ยหวันหวั่นวางลงบนน้ำเต้าเหล้าที่อยู่ตรงเอวเบาๆ

แต่เพิ่งคิดถึงครึ่งเดียว เยี่ยหวันหวั่นกลับคลายมือจากน้ำเต้าอีก ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนดื่มเหล้าเกินไป ตัวเองลองสู้กับทหารรับจ้างระดับ S ที่ว่าดูก่อนว่าต่างกันขนาดไหนกันแน่

‘สวบ’!

ชั่วพริบตานั้นเมิ่งเข่อระเบิดฝ่ามือ ประหนึ่งสายรุ้งเสียบทะลุดวงอาทิตย์ ท่าฝ่ามืออ่อนโยนแต่ก็โหดเหี้ยม

ฝ่ามือนี้มีเรี่ยวแรงมหาศาล ทหารรับจ้างธรรมดาถ้าโดนโจมตีเข้าเกรงว่าไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต

“เร็วมาก…”

เยี่ยหวันหวั่นตกใจเล็กน้อย เมิ่งเข่อนี้สมกับเป็นทหารรับจ้างระดับ S ไม่ว่าพละกำลังหรือว่าความเร็วก็เข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบ

แต่วินาทีถัดมา เยี่ยหวันหวั่นยืนอยู่บนเวทีไม่ขยับเขยื้อนใดๆ อีกครั้ง ในสายตาของเยี่ยหวันหวั่น ความเร็วของเมิ่งเข่อราวกับถูกทำให้ช้าลงอย่างไร้ขอบเขต วงโคจรของกระบวนท่าก็เปลี่ยนไปชัดเจน

บนที่นั่งกิตติมศักดิ์ สายตาเย็นชาของผู้นำอาชูร่าตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยเคลื่อนไหว ชั่วพริบตาที่เมิ่งเข่อปล่อยท่า ผู้นำอาชูร่าลุกขึ้นอย่างไร้สุ้มเสียง ราวกับพร้อมหยุดเหตุการณ์ที่จะตามมา และการเคลื่อนไหวนี้ก็บังเอิญอยู่ในสายตาของจี้ซิวหร่านพอดี

‘ตูม’!

ทันใดนั้นบนเวทีเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหู

แทบจะโดยสัญชาตญาณเยี่ยหวันหวั่นระเบิดท่าฝ่ามือมหาเมตตาใส่เมิ่งเข่อในพริบตา

ด้วยระดับของเยี่ยหวันหวั่นในตอนนี้ การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นแค่การโจมตีตั้งรับ ถึงแม้ตัวเองจะเป็นฝ่ามือมหาเมตตาวิชาสาบสูญนี้ ถ้าให้เธอเป็นฝ่ายโจมตีก่อนเกรงว่าก็คงไม่มีพลานุภาพอะไร

วินาทีถัดมา เยี่ยหวันหวั่นกับเมิ่งเข่อสองฝ่ามือปะทะกัน พลังปริศนาสายหนึ่งระเบิดออกมาจากในฝ่ามือของเยี่ยหวันหวั่น สลายพลังส่วนของเมิ่งเข่อ

“หึๆ เธอน่ะเหรอ” เวลานั้นเมิ่งเข่อหัวเราะหยันก่อนพลันผลักแขนขวาไปด้านหน้า

ชั่ววินาทีนั้นพลังฝ่ามือมหาศาลสายหนึ่งโอบคลุมเยี่ยหวันหวั่น

เห็นแค่ว่าร่างกายของเยี่ยหวันหวั่นถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว

ห่างชั้นอย่างเห็นได้ชัด

หลังทรงตัวได้ เยี่ยหวันหวั่นก็เก็บอารมณ์ ตัวเองจัดการทหารรับจ้างระดับ A ก็พอรับมือได้ แต่เผชิญหน้ากับทหารรับจ้างระดับ S ที่แท้จริง ในสถานการณ์ที่ไม่ดื่มเหล้าอยากเอาชนะเป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิง

เห็นฉากนี้ เจียงเหยียนมีสีหน้าสงสัยอยู่บ้าง ผู้หญิงน่าเกลียดนั่น…เขาน่าจะดูไม่ผิด…ก็คือผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยนางจิ้งจอกคนนั้นไม่ใช่เหรอ…แบดเจอร์เอาชนะเมิ่งเข่อไม่ได้เนี่ยนะ?

“ฮ่าๆๆ เยี่ยหวันหวั่นคิดอะไรอยู่กันแน่นะ เมิ่งเข่อเธอยังเอาชนะไม่ได้ ยังอยากจะสู้หนึ่งต่อสอง สู้กับเมิ่งเข่อและเมิ่งเทียนพร้อมกัน? ฉันไม่เข้าใจความคิดของเธอจริงๆ “

——————————————————————————————–

บทที่ 1678 ดื่มเหล้าดีหนึ่งกรึ๊บ

“ฉันเข้าใจแล้ว…เดาว่าเยี่ยหวันหวั่นคิดว่าตัวเองแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในฐานะลูกศิษย์ของผู้อาวุโสกง เจอกับลูกศิษย์ของผู้อาวุโสเหลยเฮ่อเลยไม่ดีถ้ายอมแพ้ ยังไงก็แพ้ทั้งที ไม่สู้ดวลหนึ่งต่อสองดีกว่า สามารถพูดได้ด้วยว่าสู้หนึ่งต่อสองกับลูกศิษย์ของผู้อาวุโสเหลยเฮ่อ พูดออกไป เยี่ยหวันหวั่นไม่เพียงไม่ขายหน้า แต่กลับจะยังได้หน้าด้วย”

“พูดมีเหตุผล แต่เยี่ยหวันหวั่นเดิมทีก็เป็นทหารรับจ้างระดับ D ต่อให้แพ้ทหารรับจ้างระดับ S ก็สมเหตุผลแล้วนี่…”

ระหว่างที่พูดคุยกัน ด้านบนเวที เมิ่งเข่อชำเลืองมองเยี่ยหวันหวั่นอย่างดูถูก “พลังแค่นี้ของเธอ ใครให้ความกล้าเธออวดดีต่อหน้าฉันกันแน่ ลูกศิษย์ของผู้อาวุโสกงไม่มีสักคนที่ดูได้จริงๆ…สถิติทั้งหมดที่เนี่ยอู๋โยวทำไว้ก็ถูกรุ่นพี่เนี่ยหลิงหลงทำลาย ลูกศิษย์ที่เหลือไม่ถูกอัดตายก็ถูกทำบาดเจ็บหนัก…หึ น่าสมเพช”

“งั้นเหรอ”

เยี่ยหวันหวั่นจ้องเมิ่งเข่อ ดวงตาวาบประกายเย็นเยียบ วินาทีถัดมา เธอก็หยิบน้ำเต้าเหล้าที่เอวออกมาภายใต้สายตาของทุกคน

เห็นการกระทำประหลาดนี้ของเยี่ยหวันหวั่น ทุกคนก็มีสีหน้าประหลาดใจ

“นักกีฬาหมายเลขแปด ฉันต้องเตือนเธอนะว่างานแลกเปลี่ยนวิทยายุทธห้ามใช้อาวุธลับ รวมถึงยาพิษ กรดกำมะถัน ยาผง!”

กรรมการตัดสินตะโกนเสียงเย็นใส่เยี่ยหวันหวั่นจากด้านล่างเวทีอย่างรวดเร็ว

ในสายตาของกรรมการตัดสิน ด้านในน้ำเต้าเหล้าของเยี่ยหวันหวั่นคงจะมีของลี้ลับบางอย่าง ถ้าหากเป็นจำพวกยาผงไม่ก็กรดลดกำมะถันละก็…

เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก พลังจินตนาการล้นเหลือจริง…

เยี่ยหวันหวั่นไม่สนใจกรรมการตัดสิน หลังหยิบน้ำเต้าเหล้าออกมาก็วางน้ำเต้าเหล้าเข้าปาก ค็อกเทลดีกรีสูงถูกเยี่ยหวันหวั่นกรอกดื่มครึ่งหนึ่ง

“เธอกำลังทำอะไร…ดื่มเหล้าเหรอ หมายความว่ายังไง”

“ฮ่าๆๆ หรือว่าจะใช้หมัดเมาเหรอ…”

“เหมือนที่เขาว่ากันว่า เหล้าทำให้คนขี้ขลาดใจกล้า!”

บนที่นั่งกิตติมศักดิ์ ผู้นำอาชูร่าเห็นเยี่ยหวันหวั่นกรอกเหล้าเข้าปาก หัวคิ้วก็อดขมวดแน่นไม่ได้…

“หวันหวั่น ทำไมดื่มเหล้าบนเวที!” ผู้อาวุโสกงจ้องเยี่ยหวันหวั่นพลางเอ่ยเสียงเย็น

ก่อนหน้านี้เยี่ยหวันหวั่นก็เคยขอเหล้าแรงจากเขา แต่ถูกเขาปฏิเสธเสียงแข็งแล้วและยังเตือนเยี่ยหวันหวั่นว่าในฐานะทหารรับจ้าง ต้องรักษาสติให้แจ่มใสตลอดเวลา เหล้าจะทำให้สติปัญญาพร่ามัวได้

แต่ผู้อาวุโสกงนึกไม่ถึงแม้แต่นิดเดียวว่าความขี้เหล้าของเยี่ยหวันหวั่นกลับรุนแรงถึงขั้นนี้ เวลาอย่างนี้กลับยังดื่มเหล้าหนึ่งกรึ๊บได้!

ไม่นานทุกคนก็เห็นเยี่ยหวันหวั่นหน้าแดง นั่งลงบนเวทีช้าๆ ฝ่ามือขวาเท้าคางเผยรอยยิ้มชั่วร้ายเป็นช่วงๆ

นี่คือ…เมาแล้วเหรอ!?

“กรรมการตัดสิน จบการแข่งขัน”

ทันใดนั้นผู้อาวุโสกงตะโกนเอ่ยกับกรรมการตัดสิน

“ไม่ได้ ในกติกาการแข่งวิทยายุทธ ไม่ได้พูดชัดว่าห้ามดื่มเหล้า แล้วก็ไม่เคยมีกติกาว่าผู้ดื่มเหล้าไม่สามารถดำเนินการแข่งขันต่อได้ นอกจากนักกีฬาหมายเลขแปดจะยอมแพ้เอง” กรรมการตัดสินส่ายหน้า

การแข่งปกติขนาดใหญ่อย่างนี้ต้องปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด คนนอกสนามไม่สามารถบังคับผู้ประลองให้ยอมแพ้ได้

“หึ…ยัยตัวตลกน่าเกลียด”

เมิ่งเทียนที่กอดสองแขนเหลือบมองเยี่ยหวันหวั่นที่หลังเมาแล้วก็นั่งบนเวที เขาแค่นหัวเราะ

“น่าเบื่อจริงๆ”

เวลานี้ เมิ่งเทียนก้าวเดินไปหาเยี่ยหวันหวั่น

เมื่อครู่นี้กรรมการตัดสินพูดชัดเจนแล้ว ให้สู้พอเป็นพิธี อยากจะให้เยี่ยหวันหวั่นตายบนเวทีก็จำต้องฆ่าในการโจมตีเดียว

“ลาก่อนยัยน่าเกลียด”

เมิ่งเข่อเดินมาถึงข้างตัวเยี่ยหวันหวั่น หัวเราะเยาะ จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือเต็มแรงฟาดใส่จุดตายของเยี่ยหวันหวั่น