ตอนที่ 2104 พบหยดเซียนปลอมอีกครั้ง

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

แต่ชั่วครู่เดียว เสียงแหบพร่านั้นก็หายไปทันทีจากหูทั้งสอง และไม่ได้มีเสียงอะไรดังขึ้นอีก

“ข้าควรรู้แต่แรก ว่าหากเจ้าเฒ่านั่นรู้เรื่องนี้ จะเพียงแค่ดูอยู่เฉยๆ ได้อย่างไร” บรรพชนศักดิ์สิทธิ์หยวนเหยี่ยนพูดพึมพำสีหน้าตึงเครียด

“นิพพานพลังปราณได้รับความเสียหายอย่างหนักกำลังหลับใหลอยู่! ถ้าเช่นนั้น ที่ออกมาคงจะเป็นร่างจำแลงทอง เงิน ทองแดง ทั้งสามของเขา แต่ไม่รู้ว่าเป็นร่างไหน ออกมานานเท่าไหร่แล้ว”บรรพชนศักดิ์สิทธิ์เป่าฮวากลับมาสงบอย่างรวดเร็ว แล้วพูดขึ้นด้วยท่าทีครุ่นคิด

“ไม่ว่าจะเป็นร่างไหน ก็ไม่ได้ต่างกัน เขาคงจะเพิ่งมาถึงไม่นาน ไม่งั้นคงไม่สามารถปกปิดหูตาของเจ้าและข้าได้ แต่ที่ข้ากังวลก็คือ หากเจ้าเด็กเอามนุษย์ถูกสกัดเอาไว้ จะคิดว่าเป็นลูกน้องของพวกเราน้องสั่งให้ดวงจิตในโอสถวิญญาณระเบิดหรือไม่”

“ขอเพียงพวกเราไม่ตามไป มันคงไม่ทำเรื่องพรรค์นี้แน่ แต่ทว่าหากมันมีอันตรายถึงชีวิต ก็อาจจะไม่แน่ อย่างไรเสียแม้แต่ชีวิตก็ยังไม่สามารถรักษาได้ จะทำเรื่องบ้าบออันใดก็ไม่ใช่เรื่องแปลก” เป่าฮวาดวงตาเป็นประกาย พูดขึ้นช้าๆ

“เจ้าเด็กนั่นไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่าย ถ้าเป็นเพียงร่างอวตารของนิพพาน ไม่มีทางหนีให้มันไปถึงขั้นนั้นได้ มิหนำซ้ำต่อให้มันไม่อาจต่อสู้ คิดจะหนีให้พ้นก็ยังมีพลังเหลือเฟือ” หยวนเหยี่ยนถอนหายใจยาว รู้สึกโล่งอกขึ้นมาเล็กน้อย

“แต่นี่ก็พูดยาก เจ้าก็รู้ว่า นิพพานเป็นถึงสามบรรพชนในตอนแรกของพวกเรา เป็นผู้ซึ่งแดนวิญญาณอาฆาตแค้นถึงที่สุด ในตอนนั้นเขายังไม่บรรลุมรรคผล ครั้งหนึ่งในพิธีศักดิ์สิทธิ์ คู่รักของเขาได้สิ้นชีพโดยน้ำมือของตัวประหลาดเฒ่ามหายานผู้หนึ่งในแดนวิญญาณ”

“เรื่องนี้ ข้าย่อมรู้ดี แต่ร่างที่แท้จริงของเขาในตอนนี้กำลังหลับใหล เว้นเสียแต่ร่างอวตารทั้งสามจะมารวมตัวกัน หาไม่แล้วจะสามารถจัดการเจ้าเด็กเผ่ามนุษย์นั้นได้อย่างไร” คราวนี้ หยวนเหยี่ยนเผยสีหน้าไม่เห็นด้วยออกมา

“ดูท่าตอนนี้ เจ้าคงยังไม่รู้เรื่องนั้นสินะ นิพพานปกปิดมานานถึงเพียงนี้เชียว!” เป่าฮวามองไปยังชายหนุ่มในชุดสีดำปราดหนึ่ง ทันใดนั้นก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าประหลาด

“เจ้าหมายถึงเรื่องใดกัน” หยวนเหยี่ยนสีหน้าเปลี่ยน ถามขึ้นด้วยความตึงเครียด

“ในตอนนั้นข้าและนิพพานได้ร่วมมือกันสังหารมหายานต่างเผ่าที่ข้ามดินแดนมาผู้หนึ่ง ได้สมบัติวิเศษมาจากตัวเขาผู้นั้นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว หนึ่งในนั้นมีหยดฟ้ารังสรรค์เสียดฟ้าที่เจือจางสองหยด แต่ฤทธิ์แรงกว่าหยกที่อยู่ในมือของราชาวิญญาณก่อนหน้านั้นอย่างมาก ฤทธิ์ยาเหมือนจะมีเพียงหนึ่งในสามส่วนของหยดเซียนของแท้เท่านั้น ข้าและเขาแบ่งอย่างเท่ากัน หนึ่งหยดของข้านั้น ได้ใช้ไปแล้วในหลายปีก่อน แต่อีกหมดที่อยู่ในมือของนิพพาน ตอนที่ข้าไปจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เขาก็เก็บรักษามาอย่างดีโดยตลอด ตอนนี้เป็นไปได้กว่าครึ่งว่าเขายังเก็บมันไว้ในมือ” เป่าฮวาพูดขึ้นช้าๆ

“หยดรังสรรค์ปลอมที่มีสรรพคุณถึงหนึ่งในสามส่วนของแท้!” หยวนเหยี่ยนตะลึง ท่าทียังไม่ค่อยจะเชื่อ

“ถูกต้อง มีหยดรังสรรค์ปลอมที่เข้มข้นถึงเพียงนั้น เจ้าคงรู้สินะว่านิพพานจะใช้วิธีการอะไรเพื่อหยุดเจ้าเด็กแซ่หานนั่น” เป่าฮวาพูดเสียงเรียบ

“เจ้าว่านิพพานจะปลุกเจ้าสิ่งนั้นคิดมาหรือ! นี่ก็เป็นไปได้อยู่ ถึงแม้ว่าเขาอาจจะไม่เคยเห็นเจ้าเด็กเผ่ามนุษย์นี้ต่อสู้ แต่สามารถเข้าไปในสระล้างวิญญาณได้อย่างปลอดภัยต่อหน้าเจ้าและข้า ก็พอที่จะทำให้เขาไม่กล้าดูเบาเจ้าเด็กนั่น” ลูกตาของหยวนเหยี่ยนกลอกไปมา สีน่าดูกังวลขึ้นมา

“เจ้าและข้าต่างรู้ดี ว่าที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราไม่ได้ทำลายเกาะขู่หลิง นอกจากเหตุผลเหล่านั้นที่เจ้าเด็กแซ่หานได้พูดก่อนหน้านี้ สาเหตุที่สำคัญก็เพราะกังวลกับการมีอยู่ของเจ้าสิ่งนี้ หากจะปลุกเพลาเซียนจำแลงที่แข็งแกร่งขนาดนั้นออกมา ก็ใช้เพียงแค่สมบัติวิเศษไม่กี่อย่างที่เล่าลือกันก็สามารถทำได้แล้ว และหยดรังสรรค์เสียดฟ้านี้ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่มีฤทธิ์มากที่สุดในนั้น หยดรังสรรค์ปลอมที่พลังหนึ่งในสามส่วนหยดเดียว ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้มันออกมาถึงสองครั้ง” เป่าฮวาพูดเสียงเบา

“สองครั้งหรือ เจ้าสิ่งนั้นอยู่ยังที่แห่งนี้ไม่ถูกแรงบีบอัดของพลังปราณฟ้าดินอย่างนั้นหรือ หากเจ้าเด็กเผ่ามนุษย์ปัญหาอาจไม่ได้ใช้สมบัติพิเศษแห่งสวรรค์ทมิฬป้องกันตัว การโจมตีเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอที่จะสังหารมันเลยนะ” ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำรู้สึกร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อย

“อะไรกัน เจ้าเป็นห่วงหรือ” ดวงตาคู่งามของเป่าฮวาขยับ ยิ้มอย่างอ่อนหวานแล้วถามขึ้น

“ฮึ เจ้าไม่เป็นห่วงโอสถวิญญาณหรืออย่างไร หากเจ้าเด็กนั่นก่อนตายสั่งระเบิดดวงจิตที่แบ่งออกมา จะทำอย่างไรกัน” หยวนเหยี่ยนทำเสียงฮึดฮัดหนึ่งที แล้วพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

“หากเจ้าสิ่งนั้นถูกปลุกขึ้นมาจริง เจ้าคิดว่าเจ้าเด็กแซ่หานจะยังมีเวลาที่จะระเบิดดวงจิตที่แบ่งออกมาบนโอสถวิญญาณอีกหรือ ต่อให้มีเวลาเพียงเล็กน้อย ก็คงใช้มันกับการคิดว่าจะเอาตัวรอดอย่างไรดี พวกเราเพียงแต่ไม่ไปปรากฏตัวอยู่ใกล้ๆ มันก็คงไม่มีเวลาที่จะมาคิดถึงโอสถวิญญาณในมือของพวกเรา หากสั่งใช้สมบัติพิเศษแห่งสวรรค์ทมิฬป้องกันชีวิต ยอมไม่อาจที่จะกล้ายั่วโมโหพวกเราต่อ พวกเรารออยู่ที่เงียบๆ ก็พอ” เป่าฮวาพูดขึ้นอย่างมั่นใจเต็มล้น

“อืม เช่นนี้ก็มีเหตุผลอยู่บ้าง!” ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำคิดสักครู่ แล้วก็พยักหน้า สีหน้าก็คลายลง

……

หานลี่ที่กำลังบินด้วยความเร็วไปข้างหน้ากลางทะเลสายฟ้า ไม่เพียงแต่รอบกายจะมีกระบี่บินสีน้ำเงินเจ็ดสิบสองด้ามบินวนไปมาอยู่ บนผิวกายยังมีกระแสสีทองพันรัดเคลื่อนไปมาไม่หยุด บนท้องฟ้าเหนือศีรษะขึ้นไปมีภูเขาขนาดย่อมๆ สองลูกลอยสูงขึ้นไปกลางอากาศตามมาติดๆ เชื่อมติดกับกระแสสายฟ้าไปกว่าครึ่ง

ถึงแม้ว่าในเวลานี้จะมีเพียงเขาผู้เดียวที่บุกผ่านทะเลสายฟ้า แต่ความเร็วในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าดูเหมือนว่าจะเร็วขึ้นกว่าตอนมาอยู่เกือบเท่าตัว เพียงแต่ส่องกะพริบไม่กี่ครั้ง ก็ลอยออกไปยังใกล้ถึงที่สุด

นี่ยอมเป็นเพราะ ตอนที่หานลี่และบรรพชนตระกูลหลงเข้ามา ได้ปกปิดพลังที่แท้จริงอยู่ครึ่งหนึ่ง ไม่ได้ใช้อิทธิฤทธิ์ที่แท้จริงออกมา

และเมื่อผ่านการชำระไขกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็นที่สระล้างวิญญาณแล้ว เพียงพละกำลังของกล้ามเนื้อ ก็แข็งแกร่งพอที่จะรับแรงปะทะของอสุนีบาตนับหมื่นที่โจมตีมาในเวลาเดียวกันได้

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร หานลี่พี่กำลังเป็นแสงบิน ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยน ความยินดีปรากฏขึ้นบนใบหน้า

ห่างออกไปไม่ไกลด้านหน้า ขอบทะเลสายฟ้าปรากฏขึ้นรำไร

หานลี่สูดหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมพลังอาคมในกาย กำลังคิดที่จะบินพุ่งออกไปจากทะเลสายฟ้าในอึดใจเดียว

และในเวลานั้นเอง เสียงดังอึกทึกครึกโครมไม่ขาดสายบนท้องฟ้าสูงขึ้นไปทันใดนั้นก็กระหึ่มดังขึ้น สายฟ้าที่กำลังจะผ่าลงมาก็นิ่งทื่อไป แล้วม้วนตัวกลับขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างน่าประหลาด

ชั่ววินาทีเดียว สายฟ้าที่ผ่าลงมาก็หายไปไร้ร่องรอย และบนท้องฟ้าสูงกลายเป็นแสงอสนีบาตสีเงินขาวไปทั่วทั้งแถบ สายฟ้าแลบที่จ้าตาจนดวงตาของมนุษย์ยากที่จะลืมขึ้นมอง พร้อมกันนั้นกลิ่นไออันน่าหวาดกลัวก็แผ่ออกมาจากด้านใน

หานลี่ที่กำลังบิน หน้าถอดสีทันที แสงสว่างกับลง แล้วรอยมาปรากฏตัวบนท้องฟ้าด้านล่าง แล้วมองจดจ้องไปยังแสงสีเงินที่อยู่บนท้องฟ้าสูงขึ้นไป

ในเวลานี้เขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อย รูม่านตาปรากฏแสงสีน้ำเงินกะพริบรำไร

ปรากฏการณ์ตลาดเหนือท้องฟ้าทะเลสายฟ้าไม่ได้ดำเนินต่อนานนัก เวลาเพียงชั่วอึดใจเดียว สายฟ้าสีเงินขาวก็หายไป มีวัตถุขนาดมหึมาใหญ่ราวกับภูเขาขนาดยักษ์ลูกหนึ่งปรากฏขึ้น

บนผิวเป็นสีทองส่องประกายเจิดจ้า และมีแสงส่องสว่างหลายสายพันอยู่รายรอบ นั่นก็คือปูสีเหลืองทองตัวหนึ่ง

และสิ่งที่ทำให้หานลี่หัวใจแทบหยุดเต้นก็คือก็คือ กล้ามขนาดยักษ์ข้างหนึ่งของปูสีเหลืองทอง บนนั้นมีชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีทองผู้หนึ่งยืนอยู่

ชายวัยกลางคนผู้นี้ผิวเป็นสีทองอ่อน ดวงตาทั้งคู่เป็นสีเขียวมรกต แต่เบ้าตาดูลึกโหล ดูแล้วรู้สึกอึมครึมหมองหม่น

เมื่อหานลี่ใช้จิตกวาดส่องใบบนล่างของชายกลางคน กลับไม่สามารถตรวจสอบระดับการบำเพ็ญพรตที่แท้จริงของเขาได้ ยิ่งทำให้ในใจเพิ่มความระวังมากขึ้น

ระดับการบำเพ็ญเพียรของอีกฝ่ายดูไม่ได้เหนือกว่าตน เป็นเพราะฝึกฝนเคล็ดวิชาพิเศษบางอย่างหรือใช้สมบัติพิเศษประหลาดปกปิดระดับการบำเพ็ญพรต ไม่ว่าจะเป็นรูปการณ์ใด ล้วนแต่ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับเขาเป็นอันขาด

ยิ่งไปกว่านั้น ทะเลสายฟ้าที่อยู่ต่อหน้าทันใดนั้นก็หายไปอย่างน่าประหลาด ปูสีทองอยู่ๆ ก็ปรากฏตัวออกมา ทำให้หานลี่ได้แต่โอดครวญอยู่ในใจไม่หยุด

แต่ทว่า ก่อนหน้านี้เขาได้เผชิญหน้ากับสองบรรพชนเป่าฮวาและหยวนเหยี่ยน ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอะไรมากมายนัก เพียงแต่จ้องไปยังชายกลางคนในชุดคลุมผ้าแพรผู้นั้นที่อยู่ด้านล่างโดยไม่เอื้อนเอ่ยอะไรใดๆ

“เจ้าเป็นคนของแดนวิญญาณหรือ” ชายในชุดคลุมสีทองถามขึ้นอยากเย็นชา

“แล้ว เจ้าเป็นใคร”หานลี่ขยับดวงจิตเล็กน้อย แต่ยังคงพูดตอบโดยที่ท่าสงบนิ่ง

“คนจากแดนวิญญาณล้วนแต่สมควรตาย เจ้าเองก็ไม่ยกเว้น!” ชายในชุดคลุมสีทองได้ยินคำพูดของหานลี่ ทันใดนั้นดวงตาก็ฉายแววอำมหิตขึ้นมาทันที พร้อมกันนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอะไรกัน” หานลี่ย่นคิ้ว แล้วถามกลับ

แต่ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีทองกลับดูเหมือนไม่อยากใส่ใจคำพูดของหานลี่ ทันใดนั้นก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง ขวดสีทองใบหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ จากนั้นก็หันปากขวดเทคว่ำลงเท

ทันใดนั้น ของเหลวสีเขียวหยดหนึ่งก็หยดออกมาจากด้านใน แล้วซึมเข้าไปกล้ามของยักษ์บนปูสีทอง

“หยดรังสรรค์เสียดฟ้า!” หานลี่เห็นดังนั้น รูม่านตาก็หดเล็กลงทันที แล้วร้องออกมาโดยไม่ทันรู้ตัว

“ฮึ เจ้าเองก็รู้จักสิ่งนี้!” ชายวัยกลางคนในชุดสีทองรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นช้า

แต่หานลี่กลับกำลังสีหน้าตึงเครียด

ในเวลานี้เอง ปูยักษ์สีทองที่อยู่นิ่งไม่ขยับเลยตอนแรก ทันใดนั้นกระแสไฟฟ้าบนร่างกายก็หยุดลงทันที พร้อมกันนั้นบนผิวกายก็มีอักขระสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนส่องกะพริบไหลพล่านไปทั่วทั้งตัว

“นิพพาน เป็นเจ้าอีกแล้วที่ปลุกข้าตื่น คราวนี้ เครื่องเซ่นของเจ้าไม่เลวเลยทีเดียว ตามกฎแล้ว ข้าต้องช่วยเหลือผู้ถวายเครื่องเซ่น” ปูสีทองขยับปากเบาๆ ความว่างเปล่าโดยรอบทั้งหมดก็ดังก้องอื้ออึงไปทั่ว

ปูสีเหลืองทองตัวนี้มีพลังวิญญาณอย่างเต็มเปี่ยม ดูเหมือนว่าตัวมันก็มีปัญญาญาณด้วย

หานลี่เห็นเช่นนั้น ก็รู้สึกตกตะลึงอย่างมาก กำลังครุ่นคิดไปมาอย่างรวดเร็ว

“สังหารเจ้าเด็กแดนวิญญาณนี่เสีย!” ชายวัยกลางคนในชุดสีทองไม่ลังเลแม้แต่น้อย ใช้นิ้วข้างหนึ่งชี้ไปยังหานลี่ แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม

“ได้ แต่ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ด้วยฤทธิ์ของหยดเซียนที่เจ้าถวาย ถ้าสามารถโจมตีได้สุดกำลังกินแค่สองครั้ง เจ้าแน่ใจหรือ” ปูสีทองถามขึ้นอย่างไม่รีบร้อน ดวงตาขนาดยักษ์กำลังจดจ้องไปบนกายของหานลี่

ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเสียวสันหลังจนขนลุก!

“ฮ่าๆ ด้วยพลังของเจ้า ก็เพียงพอที่จะสังหารระดับมหายานทั่วไปแล้ว เจ้ารีบลงมือเถอะ” ชายวัยกลางคนในชุดสีทองหัวเราะร่า แล้วพูดตอบโดยไม่ลังเล

“ได้ ข้าจะลงมือ” ปูสีทองคำรามเสียงต่ำหนึ่งที แล้วยกกล้ามขนาดยักษ์ข้างหนึ่งขึ้น แล้วกลายสภาพเป็นดาบสีทองยาวกว่าร้อยจั้งด้ามหนึ่ง กะพริบวาบพุ่งตรงมายังหานลี่

หานลี่รู้สึกนายถึงแสงสีทองที่แบ่งออกเป็นสองฝั่งสว่างขึ้น คมดาบสีทองก็มาปรากฏอยู่สองข้างกายเขาโดยไม่บอกกล่าว และกำลังหนีบเข้าตรงกลางด้วยความแรง