บทที่ 1114 ปะทะครั้งแรก

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1114 ปะทะครั้งแรก

ทุกคนต่างจ้องมองไปที่หญิงสาวชุดขาว

นางประดับด้วยรอยยิ้มเย็นฉ่ำน่ามอง ขณะที่รัศมีร้ายกาจที่เปล่งออกมาจากแมลงสีดำที่อยู่ข้างใต้ทำให้คนอื่นรู้สึกหนาวสั่นกระดูกสันหลัง

ความแตกต่างสุดขั้วยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกแปลกพิกลรอบตัวนาง

ความเงียบสงบดำเนินต่อไปชั่วครู่ก่อนที่จะระเบิดออกด้วยคลื่นเสียงขนาดใหญ่ ทุกคนพากันตกตะลึงและมีความเคารพเกิดขึ้นในแววตาในเวลาเดียวกัน

“นั่นคือซูชิงหยิง!”

“นางหรือซูชิงหยิง? ช่างงดงามจริงๆ แต่ด้วงตัวนั้นดูทรงพลังมาก…”

“พูดอะไรไร้สาระ นางเป็นหลิงฉงซือ! รูปแบบการต่อสู้ของนางก็ใช้แมลงวิญญาณที่ฝึกฝนด้วยตัวเอง แมลงตัวนี้รู้สึกจะมีชื่อว่าด้วงวิญญาณสี่ปีก ซึ่งมีความเร็วมาก เทียบได้กับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มเลยทีเดียว!”

“สมกับเป็นอันดับสอง”

“…”

ความปั่นป่วนกวนตัวไปทั่ว มู่เฉินมองไปที่ซูชิงหยิงด้วยสายตาเคร่งเครียด แม้ว่าเขาจะอึ้งไปกับจริตจะก้านของนาง แต่เขาก็สัมผัสได้อย่างรวดเร็วถึงอันตรายที่เอิบอาบมาจากอีกฝ่าย

รัศมีอันตรายนั้นทำให้มู่เฉินรู้สึกราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่ทำให้ตนเองรู้สึกถูกคุกคามอย่างหนัก

ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน

แน่นอนว่าจอมยุทธ์หญิงที่มีอันดับเหนือจาโหลหลัวจะธรรมดาได้อย่างไร? แม้ว่าการจัดอันดับไม่ได้หมายความว่านางแข็งแกร่งกว่าจาโหลหลัว แต่ก็พิสูจน์ให้เห็นความแข็งแกร่งของนาง

หลินจิ้งมองไปที่ซูชิงหยิงอย่างใคร่รู้ แต่ความสนใจส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ตัวด้วงสีดำที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า ดูเหมือนนางมีความสนใจเกี่ยวกับแมลงวิญญาณมาก

บนท้องฟ้าซูชิงหยิงมองไปที่ความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นจากตนเองด้วยความเฉยเมย ก่อนที่ดวงตาจะปรายมองจอมยุทธ์ยี่สิบอันดับแรกที่อยู่ที่นี่

เมื่อจอมยุทธ์จอมหยิ่งเหล่านี้รู้สึกได้ว่านางกำลังจับจ้อง พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงความหนาวเหน็บบนพื้นผิว ก่อนที่จะแสร้งทำท่าทีสงบหลุบตาลง ความเย่อหยิ่งของพวกเขาถูกลบล้างไปอย่างสมบูรณ์ ดูเหมือนว่ากลัวจะไปกระตุ้นความสนใจของนางเข้า

นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้ดีว่าหญิงคนนี้ไม่ได้ดูอ่อนโยนเหมือนรูปลักษณ์ภายนอก นอกจากนี้นางยังมีนิสัยชอบปะทะกับจอมยุทธ์ทรงพลังเพื่อฝึกแมลงวิญญาณอีกด้วย

นอกเหนือจากจู้เยี่ยน จาโหลหลัวและคนอื่นๆ ที่อยู่อันดับต้นๆ คนที่เหลือส่วนใหญ่ถูกใช้ในการทดลองเพื่อฝึกแมลงวิญญาณหลังพบนางกันหมดแล้ว…

การต่อสู้กับแมลงโหดร้ายเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องดีงามอะไรเลย

ซูชิงหยิงหยุดมองหลิ่วกุยและคนอื่นๆ แวบหนึ่งก่อนที่จะหยุดจ้องมองฉินจิงเจ๋อพลางหัวเราะเสียงระรื่น “ฉินจิงเจ๋อ เจ้าอยู่ที่นี่ด้วยหรือ? ครั้งก่อนการประลองระหว่างเจ้ากับแมลงวิญญาณของข้ายังไม่ได้ผลลัพธ์เลยนะ”

เมื่อฉินจิงเจ๋อสังเกตเห็นสายตาซูชิงหยิงจ้องมองมาร่างกายก็แข็งเกร็ง ตอบด้วยสีหน้าแข็งกร้าว “ตอนนี้ข้าไม่มีเวลาเล่นกับเจ้า ไปหาคนอื่นเถอะ”

ซูชิงหยิงยิ้มหวานก่อนจะเลื่อนสายตาไปที่มู่เฉิน

“เจ้าคือมู่เฉินที่เอาชนะเซี่ยหงด้วยขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าใช่ไหม?” ซูชิงหยิงถามอย่างสงสัย

ทุกคนพุ่งความสนใจไปมองมู่เฉิน โดยที่เจ้าตัวก็ไม่คิดว่าซูชิงหยิงจะหันมาพูดด้วยทันที เขาอึ้งไปก่อนจะตอบด้วยสีหน้าใจเย็น “ก็แค่โชคดี ไม่สมควรให้แม่นางซูสนใจ”

ตัดสินจากฉินจิงเจ๋อและการแสดงออกของคนอื่น ซูชิงหยิงดูเหมือนไม่ได้ง่ายต่อการจัดการ ดังนั้นมู่เฉินก็ไม่ต้องการไปเกี่ยวข้องอะไรกับนาง

“คิกๆ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าฝึกฝนร่างเทห์สวรรค์ลึกลับ ไม่รู้ว่าจะขอลองสักนิดได้ไหม?” ซูชิงหยิงยิ้มพราว

ทันทีที่พูดจบนางก็โบกมือ ทันใดนั้นลำแสงสีดำก็พุ่งออกมาขยายขนาดกลายเป็นแมลงวิญญาณที่มีขนาดสิบกว่าจั้ง

แมลงมีสีเทาขาวราวกับว่าทำจากหินพร้อมกับขาทั้งสี่ข้างและลวดลายนับไม่ถ้วนบนพื้นผิว เปล่งคลื่นทรงพลังออกมาอย่างคลุมเครือ

ตู้ม!

เมื่อแมลงสีเทาขาวปรากฏขึ้นก็พุ่งเข้าใส่มู่เฉิน จากนั้นก็เหวี่ยงขา ระลอกคลื่นที่มองเห็นด้วยตาเปล่าแผ่กระจายออกไป

การโจมตีของซูชิงหยิงรวดเร็วและมู่เฉินก็ไม่คิดว่านางจะซัดกันตรงๆ แบบนี้ ดังนั้นกว่าเขาจะตั้งตัวได้ แมลงวิญญาณก็เหวี่ยงขาเข้ามาแล้ว สีหน้าเขามืดครึ้มลงทันที

โฮก!

แสงสีทองพราวระยับระเบิดออกมาจากร่างมู่เฉิน ขณะที่เสียงมังกรและหงส์ฟ้าดังสะท้อนจากร่างกาย เขาชกหมัดออกไปโดยมีกรงเล็บมังกรปกคลุมกำปั้น

ครืน!

หมัดของมู่เฉินปะทะกับด้วงวิญญาณสี่ปีกจังใหญ่ ทำให้เกิดเสียงกัมปนาทกึกก้อง คลื่นกระแทกทรงพลังกวาดออก ทำให้เปลือกโลกโดยรอบยุบตัวลง

เมื่อระลอกคลื่นกระจายออกไป แมลงวิญญาณก็ส่งเสียงกรีดร้องแหลม ถูกหมัดส่งข้ามขอบฟ้าไป

โห่!

เสียงวุ่นวายดังก้องเมื่อทุกคนเห็นภาพนี้ แมลงวิญญาณมีขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้า แต่ไม่คิดว่ามันจะถูกซัดกระเด็นไปด้วยกระบวนท่าเดียว

ทีนี้ทุกคนก็จ้องมองมู่เฉินด้วยสีหน้าเคร่งขรึมลง ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ใช้โชคในการเอาชนะเซี่ยหง เขามีพลังมหาศาลอย่างแท้จริง

“น่าสนใจ”

แสงเปล่งประกายในดวงตาซูชิงหยิง จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ พลางโบกมือ แมลงน้ำแข็งสีฟ้าก็บินออกมา เปล่งรัศมีหนาวเหน็บทะยานเข้าหามู่เฉิน

แมลงตัวนี้ดูจะเป็นปัญหามากกว่าตัวก่อนหน้าเสียอีก

ฟู่! ฟู่!

แต่ขณะที่แมลงพุ่งเข้ามา ผลึกเพลิงใสก็กวาดออกล้อมร่างแมลงทันท่วงที เมื่อเพลิงแผดเผาก็ทำให้แมลงดิ้นรน ก่อนจะร่นถอยกลับไปไม่กล้าพุ่งมาข้างหน้าอีก

ที่ด้านข้างจิ่วโยวมองไปที่ซูชิงหยิงอย่างเย็นชา ผลึกเพลิงใสลุกโชนบนฝ่ามือ นางเค้นเสียงเย็น “โจมตีผู้อื่นโดยไม่มีเหตุผล เจ้านี่ไร้มารยาทจริงๆ”

เห็นชัดว่าจิ่วโยวโกรธซูชิงหยิงที่เคลื่อนไหวไม่เกรงกลัว ดังนั้นนางจึงไม่มีความจำเป็นต้องไว้หน้า ซูชิงหยิงมีเฒ่าหมื่นแมลงให้ท้าย แต่จิ่วโยวก็มีเผ่าวิหคโลกันตร์เป็นภูมิหลังเช่นกัน

“คิกๆ”

สีหน้าของซูชิงหยิงไม่ได้เปลี่ยนเพราะคำพูดของจิ่วโยว นางยิ้มบางก่อนจะสะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง รัศมีร้ายกาจพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

ทุกคนมองเห็นแมลงสีแดงเข้มบินออกมา

แมลงวิญญาณตัวนี้เหมือนตะขาบที่มีขานับพันไต่บนท้องฟ้า เมื่อปล่อยลมหายใจคลื่นหลิงขนาดใหญ่ก็พัดออกมาก่อร่างเป็นพายุ

เมื่อแมลงตัวนี้ปรากฏขึ้นก็ทำให้หลายคนสีหน้าเปลี่ยนไปพลางอุทานออกมา “นี่คือตะขาบโลหิต ว่ากันว่าแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดยังปวดหัวเมื่อเผชิญกับมัน”

ตู้ม!

ตะขาบโลหิตเคลื่อนผ่านอากาศตรงเข้าไปหาจิ่วโยวด้วยความเร็วที่น่ากลัว

เมื่อมู่เฉินเห็นว่าซูชิงหยิงยังไม่หยุดการกระทำ สีหน้าก็มืดครึ้มจนน่ากลัวพร้อมกับแสงเย็นวูบไหวในดวงตา แขนเสื้อสะบัดไปมาสัญลักษณ์หลิงยิ่งก็ควบแน่นเป็นสายผลึกอย่างรวดเร็ว

ถ้าต้องการปะทะกับคนอย่างซูชิงหยิง เขาก็ต้องใช้ค่ายกล

แต่ขณะที่มู่เฉินกำลังเตรียมสัญลักษณ์หลิงยิ่งเพื่อสร้างค่ายกล หลินจิ้งที่อยู่ข้างๆ ก็ก้าวออกไปพลางยิ้มให้กับตะขาบสีแดงก่อนจะสะบัดแขนเสื้อ

แสงสีดำพุ่งออกมาขยายขนาดกลายเป็นร่างสีดำเมื่อม นี่ก็คือตุ๊กตาน้ำแข็งที่หลินจิ้งเคยใช้มาเมื่อก่อนหน้า

วาบ!

เมื่อตุ๊กตาน้ำแข็งปรากฏก็ฟันกระบี่ลงมา อากาศเย็นสุดขั้วพัดออกมาทำให้อุณหภูมิโดยรอบลดลงทันที

เมื่อซูชิงหยิงเห็นตุ๊กตาน้ำแข็ง ในที่สุดสีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

อากาศเย็นเยือกที่น่าสะพรึงกลัวม้วนตัวพุ่งเข้าใส่ตะขาบโลหิต ทันใดนั้นก็กัดกร่อน ทำให้ตะขาบร้องเสียงหลงขณะถอยกลับอย่างรวดเร็วพร้อมกับคลื่นหลิงที่ลดน้อยลง

ซูชิงหยิงสะบัดแขนเสื้อเก็บตะขาบโลหิตทันที ความเจ็บปวดวูบไหวในดวงตานาง

“คิกๆ พี่สาว ข้าค่อนข้างสนใจแมลงวิญญาณของเจ้า เจ้าเรียกออกมาทั้งหมดเลยไหม ให้ข้าเล่นหน่อยนะ?” หลินจิ้งยิ้มตาหยีขณะมองไปที่ซูชิงหยิงพูดเสียงหวาน

สายตานางวิบวับราวกับคาดหวังในแมลงวิญญาณของซูชิงหยิงจริงๆ

ทั่วบริเวณเงียบกริบ ทุกคนมองไปที่หลินจิ้งด้วยความตะลึงงัน เห็นได้ชัดพวกเขาไม่คิดว่าสาวงามคนนี้จะยากเกินหยั่งถึง

พวกเขารู้สึกถึงภัยคุกคามรุนแรงที่มาจากตุ๊กตาของนาง

ซูชิงหยิงหุบรอยยิ้ม มองดูตุ๊กตาน้ำแข็งที่ยืนจังก้าเบื้องหน้าหลินจิ้ง แววตานางเคร่งขรึมลงมาก นั่นเป็นเพราะนางรู้สึกได้ว่าตุ๊กตาตัวนั้นน่าจะมีพลังการต่อสู้ที่น่ากลัวในระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มแล้ว

หากไม่หงายไพ่ทั้งหมดก็ยากที่นางจะเอาชนะ

“แม่นางนี้มาจากที่ไหนกัน…?”

สายตาของนางเปลี่ยนไป จากนั้นก็ยิ้มพลางโบกมือเรียกแมลงทั้งหมดกลับมา ก่อนที่แววตาจะอ่อนโยนลงขณะมองไปที่มู่เฉิน “ก่อนหน้านี้ชิงหยิงเสียมารยาท หวังว่าพี่มู่จะไม่โกรธเคืองกันนะ”

ตอนนี้นางรู้แล้วว่าพวกมู่เฉินไม่ง่ายอย่างที่คิด ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เป็นการดีที่สุดที่จะไม่ทำให้พวกเขาโกรธเคือง

นางยิ้มลุแก่โทษ ทำให้หลายคนถึงกับแอบเดาะลิ้นขณะมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาพิลึกพิลั่น เนื่องจากไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะให้ซูชิงหยิงจะยอมรับความผิด

มู่เฉินไม่พูดอะไรเพียงแต่ยิ้มตอบ

แม้ว่าเขาจะไม่ชอบพฤติกรรมของซูชิงหยิง แต่เขาก็ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับนาง แค่ต่างฝ่ายต่างตั้งระวังกันก็เพียงพอแล้ว

เมื่อทุกคนเห็นว่าทั้งสองฝ่ายถอยกลับไป พวกเขาก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเนื่องจากตอนแรกพวกเขาคิดว่าจะได้เห็นการต่อสู้น่าตื่นตา… แต่พวกมู่เฉินมีความสามารถที่ทำให้ซูชิงหยิงต้องเสียเปรียบไปเล็กน้อย

สายตาที่ตกใจนับไม่ถ้วนกวาดไปที่พวกมู่เฉิน ส่วนกลุ่มชายหนุ่มก็นิ่งเงียบลงมองไปที่ประตูมังกรนิ่ง

เมื่อเวลาผ่านไปก็มีผู้คนจำนวนมากขึ้นเร่งรุดมาที่นี่ จนสุดท้ายมีบางคนไม่สามารถอดกลั้นเริ่มเคลื่อนตัวไปยังประตูมังกรทะยานสวรรค์…

พวกมู่เฉินก็มุ่งความสนใจไปที่ประตูเช่นกัน