บทที่ 1828 บิดาและบุตร

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

บทที่ 1828 บิดาและบุตร

 

เมื่อสังเกตอย่างใกล้ชิด ฟางหยวนก็ตระหนักถึงบางสิ่ง

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรผู้นี้ไม่ใช่ราชันมังกร เขาเพียงมีรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกันเท่านั้น

 

‘ถึงอย่างนั้นคนผู้นี้ก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับราชันมังกร ข้าสงสัยว่าคนผู้นี้คือพ่อของตัวละครที่ข้าสวมในอาณาจักรแห่งความฝันแห่งนี้หรือไม่?’

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรเดินเข้ามา “อู๋ส่วย! เจ้าช่างกล้าหาญนัก ข้าบอกหลายครั้งแล้วว่าอย่าสร้างปัญหา อย่ายั่วโมโหข้า! เจ้าเอาชนะพวกเขาอีกครั้ง เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจิ้งซวงและเฉินฟู่เป็นทายาทของผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของนิกายเรา”

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรที่คล้ายราชันมังกรแสดงออกอย่างเข้มงวด

 

เด็กหนุ่มสาวเผ่ามนุษย์มังกรเงียบ พวกเขาไม่กล้ากล่าวสิ่งใดและทําได้เพียงก้มหน้ามองลงไปที่ปลายเท้าของตนเองเท่านั้น นี่แสดงให้เห็นถึงสถานะของคนผู้นี้ในใจของพวกเขา

 

ฟางหยวนไม่แน่ใจความสัมพันธ์ระหว่างเขากับผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกร ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเงียบ

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรโกรธมาก เขาใช้มือตบศีรษะฟางหยวนและส่งเขาก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวก่อนจะสามารถรักษาสมดุลร่างกาย

 

“อู๋ส่วย ตามข้าไปรับโทษที่ห้องทํางาน!” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรกล่าวอย่างเย็นชาก่อนจะหันหลังและเดินจากไป

 

ฟางหยวนชําเลืองมองเด็กหนุ่มสาวเผ่ามนุษย์มังกร พวกเขามองฟางหยวนด้วยความเห็นอกเห็นใจและรู้สึกผิด

 

“ดูเหมือนข้าจะต้องตามผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรผู้นี้ไปเท่านั้น” ฟางหยวนคิดและเดินตามผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรไปอย่างรวดเร็ว

 

เพียงไม่กี่ก้าว โลกรอบตัวเขาก็เปลี่ยนแปลงไป

 

ฟางหยวนพบว่าเขาอยู่ในห้องแห่งหนึ่ง

 

มันเป็นห้องทํางานขนาดใหญ่ มีแจกันดอกไม้ที่งดงาม โต๊ะยาวประมาณสามเมตร มีตัวอักษรเขียวไว้ด้วยคําว่า หลงชิงเทียน

 

“มนุษย์มังกรผู้นี้ชื่อหลงชิงเทียนงั้นหรือ? ไม่ยังมีพื้นที่ว่างอยู่ในคําสุดท้าย” ฟางหยวนคิด

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่เขาได้ยินเสียงตะโกน “ลูกไม่รักดี คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้”

 

ฟางหยวนเงยหน้าขึ้นและเห็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรยืนอยู่ด้านหลังโต๊ะ เขามองฟางหยวนด้วยสายตาเข้มงวดและเย็นชา

 

ฟางหยวนกลอกตาคิด “เจ้าควรพูดให้เร็วกว่านี้เพื่อให้ข้าสามารถยืนยันตัวตนของเจ้า”

 

เขาคุกเข่าลงบนพื้นโดยไม่ลังเลพร้อมกับเสียงปะทะที่ดังสนั่น

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเผยรอยยิ้มเย็นชา “ทัศนคติของเจ้าดีขึ้นจากการลงโทษครั้งก่อนแล้วจริงๆ”

 

“ท่านพ่อ คํากล่าวของท่านมีเหตุผล ข้ายังเด็กและโง่เขลาเกินไป ข้าไม่รู้เจตนาของท่าน โปรดยกโทษให้ข้าด้วย!” ฟางหยวนกล่าวสุนทรพจน์ออกมาทันที การแสดงของเขาทําให้ผู้คนรู้สึกถึงความจริงใจ

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรตกตะลึงอีกครั้งก่อนที่รอยยิ้มของเขาจะยิ่งเย็นชามากขึ้น “ยืม ทําตัวเชื่อฟังแต่มีเจตนาแฝงเร้น เจ้ากล้าโกหกผู้อาวุโส เจ้าสมควรถูกเฆี่ยนตี!”

 

หลังกล่าวจบคํา เขาก็หยิบที่ทับกระดาษบนโต๊ะขึ้นมาและใช้มันดีฟางหยวน

 

เมื่อที่ทับกระดาษปะทะร่างของฟางหยวน เขารู้สึกเจ็บปวดขณะที่รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาลดลงอย่างมาก

 

แต่ฟางหยวนไม่สามารถตอบโต้ในอาณาจักรแห่งความฝันแห่งนี้ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้อมตะ เผ่ามนุษย์มังกรผู้นี้

 

ฟางหยวนแสร้งโขกศีรษะลงบนพื้นและสร้างเสียงดังขึ้น

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรเห็นสิ่งนี้และคิด “ข้าตีแรงเกินไปหรือไม่?

 

“เห้อ…” เขาถอนหายใจอย่างหนักก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้และมองบุตรชายของตน

 

เขากล่าวด้วยอารมณ์ที่ลึกซึ้ง “อู๋ส่วย เจ้าคือบุตรชายที่โดดเด่นของข้า พรสวรรค์บนเส้นทาง แห่งทาสของเจ้าหาได้ยากในรอบร้อยปี ข้าใช้ความพยายามอย่างมากในการเลี้ยงดูและสั่งสอนเจ้า ข้าต้องการให้เจ้าประสบความสําเร็จในชีวิต แต่เจ้ากลับลืมคําสอนของข้าไปหมดแล้ว ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าอย่าโต้เถียงกับคนเหล่านั้น”

 

“เจ้าเป็นอัจฉริยะ เจ้ามีความเข้าใจที่เหนือชั้นกว่าคนวัยเดียวกัน ข้าอธิบายสถาน การณ์ปัจจุบันให้เจ้าฟังแล้ว ตัวตนระดับสูงของนิกายไม่พอใจเผ่ามนุษย์มังกรของเรามากขึ้นเรื่อยๆ แม้ข้าจะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดที่มีสถานะเหมือนจะยิ่งใหญ่ แต่ข้ายังถูกพวกเขากีดกัน”

 

“เจ้าเอาชนะเจิ้งซวงและเฉินฟู เจ้าทําให้ผู้อมตะที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาโกรธแค้น ผู้อมตะเผ่ามนุษย์เหล่านั้นจะต่อต้านเผ่ามนุษย์มังกรของเรามากขึ้น”

 

“แม้เจ้าจะชนะในครั้งนี้ แต่เจ้าก็ทําลายผลประโยชน์ของเผ่ามนุษย์มังกรทั้งหมดและทําให้เกิดความขัดแย้งในนิกายมากขึ้น เจ้าใจร้อนเกินไป เจ้าไม่คิดถึงผลที่จะตามมา ข้าผิดหวังในตัวเจ้าจริงๆ”

 

“ข้าทุบตีเจ้าเพื่อผลประโยชน์ของเจ้า เพื่อเห็นแก่เผ่ามนุษย์มังกร เพื่อความสงบสุขของนิกาย เจ้าเข้าใจความตั้งใจของข้าหรือไม่?”

 

ฟางหยวนต้องการตอบว่าเข้าใจแต่หัวใจของเขาสั่นไหวเมื่อเขามองการแสดงออกของผู้อมตะ เผ่ามนุษย์มังกร

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรอาจแสดงออกด้วยทัศนคติที่อ่อนโยนแต่ฟางหยวนสามารถมองเห็นความก้าวร้าวที่อยู่ในส่วนลึกของคนผู้นี้

 

ฟางหยวนคิดอย่างรวดเร็ว เบาะแสทุกประเภทปรากฏขึ้นในใจของเขา

 

ในการสํารวจอาณาจักรแห่งความฝันนี้ แม้ร่างหลักของเขาจะอยู่ด้านนอก แต่ดวงวิญญาณ และร่างแยกมนุษย์มังกรของเขาติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน เขาไม่สามารถล้มเหลวได้แม้แต่ครั้งเดียว

 

หากเขาล้มเหลว เขาจะสูญเสียคุณสมบัติในการเป็นเจ้าวังมังกร ยิ่งไปกว่านั้นเขาอาจตายอยู่ที่

 

แน่นอนว่านี่เป็นกรณีที่ร่างหลักของฟางหยวนไม่เคลื่อนไหว แต่ในกรณีที่ร่างหลักเข้าสู่การต่อสู้ เขาจะเผชิญหน้ากับสถานการณ์เดียวกันกับราชันมังกรและสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่

 

เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด ฟางหยวนยินดีรับความเสี่ยงนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องดําเนินการอย่างระมัดระวัง

 

“คําถามนี้อาจดูเหมือนง่าย แต่มันอาจเป็นกุญแจสําคัญของฉากนี้ หากข้าตอบผิด ข้าจะล้มเหลว!”

 

“การวิเคราะห์ของข้าไม่ควรผิดพลาด ข้าต้องทํามันต่อไป

 

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขาเงยหน้ามองผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรและเผย รอยยิ้ม “ข้ารู้สึกขอบคุณสําหรับความห่วงใยของท่านพ่อ แต่ท่านพ่อต้องอดกลั้นเพื่อภาพรวม ข้าไม่เห็นด้วยกับสิ่งนี้”

 

“ลูกอกตัญญ! เจ้ายังไม่สํานึกผิดอีกงั้นหรือ?” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรโกรธจัด เขาผุด ลุกขึ้นยืนและคว้าที่ทับกระดาษอีกครั้ง

 

ฟางหยวนเร่งกล่าวต่อ “ท่านพ่อ แม้ท่านจะทุบตีข้าจนตาย ข้าก็จะไม่เกลียดท่าน แต่การยอมจํานนของท่านไม่ใช่การทําเพื่อภาพรวม ท่านกําลังทําร้ายเผ่ามนุษย์มังกรทั้งหมด!”

 

ดวงตาของผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรแทบสามารถพ่นไฟออกมา เขาชี้นิ้วไปที่ฟางหยวนและตะโกนเสียงดัง “ช่างกล้าหาญนัก! เจ้ากล้ากล่าวหาว่าพ่อของเจ้าทําผิด! ดี ข้าจะให้โอกาสเจ้าบอกข้าว่าข้าทําผิดอย่างไร?”

 

ฟางหยวนรู้สึกมั่นใจในความคิดของตนเองมากขึ้น เขากล่าวอย่างช้าๆ “ท่านพ่อ! เผ่า มนุษย์มังกรของเราต้องกดตนเองให้ต่ํากว่ามนุษย์เสมอนั้นหรือ? เรามีพรสวรรค์และไหวพริบ เราเกิดมาพร้อมร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งทาส แล้วมนุษย์มีสิ่งใด?”

 

“เราไม่จําเป็นต้องใช้วิญญาณเสมอไป เพียงร่างกายของเราก็แข็งแกร่งมากและสา ได้อย่างรวดเร็ว”

 

“เรามีร่างกายที่แข็งแกร่ง กรงเล็บและฟันที่แหลมคม ขณะที่มนุษย์อ่อนแอและเปราะบางมาก”

 

“ในแง่ของอายุขัย อายุขัยของเราเหนือกว่ามนุษย์หลายสิบเท่า แม้เราจะไม่ทําสิ่งใดเลย พวกเขาก็จะตายจากไปเพราะความชรา!”

 

“มนุษย์มังกรถือกําเนิดขึ้นมาพร้อมกับความเหนือกว่า สิ่งที่ยิ่งเหนือกว่าของพวกเราก็คือความสามัคคี เรารู้จักและไว้วางใจกัน เราไม่เหมือนมนุษย์ที่ชอบสร้างภาพที่งดงามแต่เต็มไปด้วย ความขัดแย้งภายใน!”

 

“ท่านพ่อ ทุกคนสามารถมองเห็นผลงานที่ท่านทําให้กับนิกาย ข้าชนะการต่อสู้ครั้งนี้ แต่ข้าควรตั้งใจยอมแพ้งั้นหรือ?”

 

“มนุษย์ดูถูกพวกเราบนพื้นฐานใด? พวกเขากล้าดีอย่างไรถึงทําเรื่องเลวร้ายกับพวกเราเช่นนี้! พวกเราเผ่ามนุษย์มังกรสมควรได้รับสถานะที่ยิ่งใหญ่กว่านี้!”

 

“ในความเป็นจริงคนธรรมดาเหล่านี้ควรมีสถานะต่ํากว่ามนุษย์มังกร!”

 

“อวดดี! อวดดีเกินไปแล้ว!” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรโกรธจัด เขาเดินผ่านโต๊ะและยกที่ทับกระดาษขึ้นพร้อมทุบตีฟางหยวน

 

แต่ฟางหยวนกลับลุกขึ้นยืนด้วยน้ําตาคลอเบ้า เขาตะโกน “ท่านพ่อ! ข้าไม่ยอมรับ ข้าปฏิเสธ ที่จะยอมรับสิ่งนี้! แม้ท่านจะฆ่าข้า ข้าก็ไม่มีวันเห็นด้วยกับเรื่องนี้ ข้าจะไม่ยอมแพ้!”

 

“อู๋ส่วย!” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรเดินเข้าไปหาฟางหยวนและมองเด็กผู้นี้ด้วยดวงตาแดงก่ํา

 

ฟางหยวนไม่กลัว เขามองผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรโดยตรง ดวงตาของเขาเผยให้เห็นถึงความ โกรธและความเกลียดชังที่อยู่ในหัวใจ

 

คู่พ่อลูกมองหน้ากันอยู่ชั่วครู่ หลังจากผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรยืนยันบางสิ่ง เขาก็โยนที่ทับกระดาษในมือทิ้งไป

 

เขาจับไหล่ของฟางหยวนด้วยมือทั้งสองข้าและหัวเราะเสียงดัง “อู๋ส่วย เจ้าคือบุตรชายที่มีค่าของข้า! ข้าคิดไม่ผิดเกี่ยวกับเจ้า!”

 

“ท่านพ่อ? ท่าน…” ฟางหยวนตะลึง การแสดงของเขาดูเป็นธรรมชาติมาก

 

“ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า ข้าก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า ก่อนหน้านี้ข้าพยายามตรวจสอบเจ้า ข้าไม่สามารถพูดความจริงออกมา มีเหตุผลอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรถอนหายใจ

 

“ท่านหมายถึงสิ่งใด? ท่านพ่อหมายความว่า…” ดวงตาของฟางหยวนเผยให้เห็นถึงความยินดี และแปลกใจราวกับเขาพึ่งค้นพบบางสิ่งแต่ไม่กล้าเชื่อ

 

อย่างไรก็ตามในใจของเขากลับรู้สึกโล่งอก การวิเคราะห์ของเข้าถูกต้อง

 

“ภายในนิกาย ความขัดแย้งระหว่างเผ่ามนุษย์มังกรกับเผ่ามนุษย์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เราสามารถมองเห็นสิ่งนี้ผ่านความขัดแย้งของผู้เยาว์”

 

“ลานประลองของสถานศึกษาก่อนหน้านี้เป็นพื้นที่สําคัญที่มีค่ายกลวิญญาณอมตะจัดตั้งเอาไว้ นั่นหมายความว่าตัวตนระดับสูงต้องรับรู้บางสิ่ง หากผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรต้องการอดทน จริงๆ เหตุใดเขาจึงปรากฏตัวเพียงเมื่อการต่อสู้จบลงแล้ว?”

 

“เมื่อมองห้องทํางานของเขา มันตกแต่งอย่างหรูหรา นี่แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ของเขา”

 

“เขาเรียกข้าว่าอู่ส่วยต่อหน้าทุกคน แต่เรียกข้าว่าบุตรเมื่อเราอยู่ในห้องส่วนตัว เขากําลังรักษาชื่อเสียงของข้า”

 

“เขาต้องการเลี้ยงดูข้าให้เป็นผู้ช่วยและเป็นผู้สืบทอดของเขา”

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนก็เข้าใจอาณาจักรแห่งความฝันแห่งนี้รวมถึงเจตนาของวังมังกรทั้งหมด