ตอนนั้นที่รัฐถูฮวา เขาเพียงแค่หนทางไม่ราบรื่นแล้วช่วยเหลือปาถัวเฉินเอาไว้ กลัวว่าปาถัวเฉินจะเผชิญกับการล้างแค้นที่รัฐถูฮวา ดังนั้นจึงตั้งใจส่งเขาไปยัง ‘นครหลวงคิมหันตวายุ’ เมืองใหญ่อันดับหนึ่งแห่งดินแดนจิตโลกาที่มีระบบระเบียบดีที่สุด ทั้งยังสามารถเสาะหาสำนักให้คารวะเข้าไปได้ด้วย ในภายหลังที่นครหลวงคิมหันตวายุ เพราะเหตุปัจจัยรับรู้ได้ว่า ‘ปาถัวเฉิน’ เกิดเรื่องยุ่งยากครั้งใหญ่ขึ้น ดังนั้นจึงได้ไปช่วยเหลือเขาในคุกใต้ดิน
สำหรับตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นคนคนหนึ่งที่ไม่รู้จัก เมื่อเผชิญกับความไม่สงบสุข เผชิญกับภยันตราย ถ้าเขาได้เห็นแล้ว ขอเพียงแค่พลังพอจะสู้ได้ เขาก็จะไปช่วย!
อย่างเช่นเรื่องการสังหารหมู่ก็สังเกตการณ์ผ่านข้อมูลของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ เมื่อใดที่ค้นพบก็จะไปจัดการในทันที
“ปาถัวเฉินหรือ เจ้าคือบรรพชนแมลงอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่กล้าเชื่อ
ตนเองก็บำเพ็ญอย่างรวดเร็วพอดูแล้ว จอมกระบี่บำเพ็ญยาวนานกว่าตนมาก แต่สำเร็จเป็นขั้นสุดยอดได้ในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้ก็ยังคงล้ำเลิศอย่างยิ่งอยู่ดี
แต่ปาถัวเฉิน ตอนนั้นยังเป็นเพียงแค่ขั้นรวมเป็นหนึ่ง แต่ระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่ไม่กี่แสนล้านปีก็สำเร็จเป็นขั้นสุดยอดแล้วอย่างนั้นหรือ เปรียบเทียบกับเขาแล้วผู้บำเพ็ญทั้งหลายต่างก็ต้องรู้สึกขายหน้ากันหมดแล้วกระมัง!
นอกจากนี้ ‘บรรพชนแมลง’ ควรจะต้องเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ ‘จักรพรรดิกลืนโลกา’ บุคคลผู้ไร้เทียมทานในตำนานที่ตกต่ำไปแล้วผู้นั้นสิ
“ปาถัวเฉินคือใครกัน” จอมกระบี่ที่อยู่ด้านข้างเอ่ยถาม “เสวี่ยอิง เจ้ารู้จักกับบรรพชนแมลงหรือ”
บรรพชนแมลงปาถัวเฉินเอ่ยเสียงเบา “ปาถัวเฉินเป็นเพียงแค่เจ้าเด็กน้อยที่สามัญธรรมดาอย่างยิ่งคนหนึ่ง เพียงแต่บังเอิญโชคดีจึงมาถึงขั้นนี้ได้เท่านั้น”
“บังเอิญโชคดีอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่
การบำเพ็ญต้องอาศัยพลังยุทธ์!
ต่อให้มีบุปผาโลกาและสุดยอดเคล็ดสืบทอดลับก็จำเป็นต้องตระหนักรู้
ถ้าหากมิได้ตระหนักรู้ บุปผาโลกาเบ่งบาน ตนเองจะได้ประสบการณ์มากน้อยสักเท่าใดกัน สุดยอดเคล็ดสืบทอดลับวางอยู่ตรงหน้าแล้วจะสามารถหยั่งรู้ได้สักเท่าใด
“จ้าวหิมะเหิน ถ้าหากไม่รังเกียจ ข้าขอเรียกว่าพี่ใหญ่หิมะเหินก็แล้วกัน” บรรพชนแมลงปาถัวเฉินพูดยิ้มๆ
“นับเป็นเกียรติของข้า” ตงป๋อเสวี่ยอิงรับคำแล้วเอ่ยต่อไปว่า “เกรงว่านี่จะเกี่ยวพันกับความลับ ปาถัวเฉินเจ้าไม่จำเป็นต้องบอกพวกเราก็ได้นะ”
“ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย”
บรรพชนแมลงปาถัวเฉินพูด “ถ้าหากยังเป็นตอนก่อนที่จะสำเร็จเป็นขั้นสุดยอด ข้าก็ยังจำเป็นต้องระมัดระวัง แต่สำเร็จเป็นขั้นสุดยอดแล้วก็ไม่มีอะไรให้กลัวอีกต่อไปแล้ว พูดถึงแล้วก็ยังต้องขอบคุณพี่ใหญ่หิมะเหินด้วย ตอนนั้นได้ท่าน พี่ใหญ่หิมะเหินช่วยชีวิตข้า ส่งตัวข้าจากรัฐถูฮวาไปยังนครหลวงคิมหันตวายุ แล้วข้าก็คารวะเข้าสู่สำนักในนครหลวงคิมหันตวายุ อยากจะพากเพียรบำเพ็ญ!”
“เพียงแต่ว่าการบำเพ็ญมิได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น ตอนที่ข้าเสาะหาวัตถุที่ใช้ในการบำเพ็ญอยู๋ที่ชุมชนของล้ำค่าก็ได้ค้นพบรูปสลักแมลงสีดำชิ้นหนึ่งเข้า รู้สึกเพียงว่ามีชะตาต่อข้าเป็นอย่างมาก เห็นแล้วก็เกิดความชอบจากก้นบึ้งของจิตใจเลยทีเดียว ก็เลยซื้อมา”
“ใครจะไปคิดว่านี่จะเป็นสมบัติที่จักรพรรดิกลืนโลกาผู้ตกต่ำไปแล้วผู้นั้นทิ้งเอาไว้กันเล่า”
“จักรพรรดิกลืนโลกาหรือ”
“เป็นเขาหรือ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงและจอมกระบี่ต่างก็กระจ่างในทันใด
จักรพรรดิกลืนโลกาก็เป็นบุคคลผู้ไร้เทียมทาน คิดค้นศาสตร์ลับคัมภีร์กลืนโลกาที่เพาะเลี้ยงแมลงอสูรออกมาด้วยตนเอง กระทั่งจนถึงปัจจุบัน แมลงอสูรมากมายที่ศึกษาก็ยังเคารพจักรพรรดิกลืนโลกาเป็นอย่างยิ่ง ยังมีเรื่องเล่าขานมากมายเกี่ยวกับเขาที่แพร่สะพัดอยู่ในดินแดนจิตโลกาอันไพศาล ผู้แกร่งกล้ามากมายต่างก็กำลังเสาะหาโบราณสถานที่เกี่ยวข้องกับจักรพรรดิกลืนโลกาอยู่เลย!
“พวกท่านคงจะรู้” บรรพชนแมลงปาถัวเฉินพูด “ถึงแม้ว่าจักรพรรดิกลืนโลกาจะเพาะเลี้ยงแมลงอสูร แต่แมลงอสูรมีเชาวน์ปัญญาไม่สูงนัก มีประโยชน์ต่อกฎเกณฑ์ต่ำเหลือเกิน ดังนั้นจักรพรรดิกลืนโลกาจึงได้ศึกษาหาวิธีที่จะทำให้ ‘แมลงพิษ’ กับ ‘ผู้ใต้บังคับบัญชา’ ผสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียว!
ผู้ใต้บังคับบัญชาที่พลังยุทธ์ค่อนข้างอ่อนแอคนหนึ่งผสานรวมกับแมลงพิษ ก็สามารถสำเร็จเป็นยอดฝีมือระดับสุดยอดในด้านใดด้านหนึ่งได้ในทันทีแล้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงและจอมกระบี่พยักหน้า พวกเขาต่างก็รู้ดี! จักรพรรดิกลืนโลกาอาศัยสิ้งนี้จึงได้มีขุมอำนาจที่แข็งแกร่งได้
“ด้วยความสำเร็จในการเพาะเลี้ยงแมลงอสูรของจักรพรรดิกลืนโลกา ก็ได้เพาะเลี้ยงแมลงอสูรระดับขั้นสุดยอดออกมา!” บรรพชนแมลงปาถัวเฉินพูด “หนึ่งในนั้นมีแมลงอสูรขั้นสุดยอดอยู่ตนหนึ่ง จักรพรรดิกลืนโลกาก็ได้ศึกษาหาวิธีการที่จะผสานรวมกับผู้บำเพ็ญออกมา! เพียงแต่ว่าการผสานรวมนั้นมีเงื่อนไขที่รุนแรงกับจิตวิญญาณมากเกินไป มิทันรอให้จักรพรรดิกลืนโลกาเสาะหาผู้บำเพ็ญที่เหมาะสมพบเขาก็เผชิญกับการล้อมโจมตีเสียแล้ว”
“ยามที่เขาเผชิญกับการล้อมโจมตีก็หลบหนีอย่างไม่หยุดหย่อน”
“ระดับไร้เทียมทานอยากจะหนี… ตอนนั้นสนามรบก็กินบริเวณไปทั่วพื้นที่ต่างๆ มากมายของดินแดนจิตโลกา จักรพรรดิกลืนโลกาก็ซ่อนเคล็ดวิชาสืบทอดอันล้ำค่าที่สุดเอาไว้ ในทางกลับกันก็จงใจทิ้งต้นฉบับส่วนหนึ่งของคัมภีร์กลืนโลกาเอาไว้! เพราะว่าการคิดจะยกระดับวิถีการเพาะเลี้ยงแมลงอสูรก็มิได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น”
“ข้าได้รับเคล็ดวิชาสืบทอดของเขาก็เพราะว่าวิญญาณของข้าสามารถผสานรวมกับแมลงอสูรขั้นสุดยอดตนนั้นได้พอดี!” บรรพชนแมลงปาถัวเฉินพูดยิ้มๆ “แต่ตอนนั้นข้าอ่อนแอเหลือเกิน หากฝืนบังคับให้ผสานรวมกันไปอย่างนั้น ก็ได้แต่รนหาที่ตาย ได้แต่ทำร่างกายและวิญญาณให้แกร่งกล้าก่อน! จากนั้นก็ค่อยๆ ผสานรวมไปทีละก้าว ยิ่งระดับการผสานรวมยิ่งสูง… พลังยุทธ์ของข้าก็แข็งแกร่งขึ้นตามไปด้วย จนกระทั่งผสานรวมเสร็จสมบูรณ์ก็กลายเป็นขั้นสุดยอดแล้ว!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงและจอมกระบี่ต่างก็ฟังอย่างตื่นตะลึง
พวกเขาต่างก็รู้ดี
จักรพรรดิกลืนโลกามีผู้ใต้บังคับบัญชา แล้วก็รู้ว่าแมลงพิษผสานรวมกับผู้ใต้บังคับบัญชา ทำให้พลังยุทธ์ของผู้ใต้บังคับบัญชายกระดับขึ้นอย่างฉับพลัน แต่คิดค้นพลังรบระดับเทพจักรวาลชั้นที่สองออกมาก็แล้วไปเถิด
คิดไม่ถึงว่าวิธีการเช่นนี้ยังสามารถคิดค้นพลังรบขั้นสุดยอดออกมาได้ด้วย!
แต่คิดๆ ดูแล้ว…
อย่างเช่น ‘เก้าผู้ท่องราตรีนิรันดร์’ ที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของบรรพชนราตรีนิรันดร์ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกเขาเหล่านั้นก็เป็นพลังรบระดับจอมเคารพ อาจจะมิได้สมบูรณ์แบบเช่นบรรพชนแมลงปาถัวเฉิน ในความเป็นจริงแล้วระดับจอมเคารพก็มีพลังคุกคามขั้นสุดยอดในบางด้านแล้ว
“ข้าไม่เหมือนกันกับพวกท่าน” ปาถัวเฉินส่ายศีรษะ “เส้นทางการยกระดับของข้าเกือบจะถูกตัดขาดแล้ว ได้แต่อาศัยการชี้นำของจักรพรรดิกลืนโลกาเท่านั้น คิดอยากหาวิธีที่จะทำให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น คิดอยากยกระดับขึ้นอีกอย่างนั้นหรือ นอกเสียจากว่าข้าจะทำให้วิถีแมลงอสูรไปถึงขั้นสุดยอด! เพาะเลี้ยงแมลงอสูรของข้าเองแล้วทำให้แมลงอสูรเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่การทำให้แมลงอสูรขั้นสุดยอดตนหนึ่งเจริญเติบโตอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้นนั้น นี่เป็นสิ่งที่จักรพรรดิกลืนโลกาในตอนนั้นก็ยังทำมิได้เลย”
“สำหรับระดับขั้น ระดับขั้นของตัวข้าเองช่างต่ำต้อยนัก การหยั่งรู้กฎเกณฑ์นั้นยังมิใช่เทพจักรวาลเลยเสียด้วยซ้ำ!”
“ข้าได้แต่อาศัยเคล็ดลับมากมายที่แมลงอสูรขั้นสุดยอดมีอยู่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น” ปาถัวเฉินพูด
เขาอยากจะป่าวประกาศก็เพราะอยากบอกให้อิงซานเสวี่ยอิงล่วงรู้
ตระกูลของเขาพินาศย่อยยับ…
ใช้ชีวิตอยู่บนโลกตามลำพัง ที่ก้นบึ้งของจิตใจ ปาถัวเฉินไม่มีคนใกล้ชิดใดๆ อยู่แล้วจริงๆ จนถึงขนาดที่เขารู้สึกว่าอิงซานเสวี่ยอิงเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับเขาที่สุดคนหนึ่งแล้ว
“กระบี่ปีศาจ ได้โปรดเก็บเรื่องของปาถัวเฉินเป็นความลับก่อนนะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงหันหน้ามองไปทางจอมกระบี่
“แน่นอน ปาถัวเฉินเต็มใจเผยความลับนี้ให้ข้าล่วงรู้แล้วข้าจะเผยแพร่สู่ภายนอกได้อย่างไรกัน” จอมกระบี่พูดเขาก็มีศักดิ์ศรีเป็นที่สุด ปาถัวเฉินบอกเขา เขาก็ไม่อยากทำตัวเป็นคนไร้เกียรติ!
ถึงแม้ว่าปาถัวเฉินจะไม่กลัวข่าวคราวรั่วไหลด้วยพลังยุทธ์ในตอนนี้
มิฉะนั้นเขาก็คงไม่ทำข้อตกลงกับราชันย์อนธการอมตะแล้ว
แต่ก็ยังไม่เผยแพร่ออกไปจะดีกว่า!
เพราะถ้าหากเปิดเผยสู่สาธารณะแล้วเกรงว่าคงมีบุคคลผู้ไร้เทียมทานทำลายเจตจำนงของปาถัวเฉินมากยิ่งขึ้น!
“จอมกระบี่ปีศาจสามารถลงมือเพื่อพี่ใหญ่หิมะเหินได้ ข้าก็นับถือเป็นอย่างยิ่ง” ปาถัวเฉินมองไปทางจอมกระบี่แล้วก็พูดยิ้มๆ
“ความสัมพันธ์ของข้ากับเสวี่ยอิงแตกต่างกับผู้อื่น” จอมกระบี่พูด “พูดถึงแล้วพวกเราสองคนต่างก็มาจากโลกกำเนิดแห่งเดียวกัน พวกเราสองคนต่างก็กลับชาติมาเกิด ที่โลกกำเนิดอีกแห่งหนึ่ง พวกเราสองคนก็ร่วมสำนักเดียวกันอีกด้วย”
“หา” บรรพชนแมลงปาถัวเฉินตกตะลึง บังเอิญถึงเพียงนี้เชียวหรือ
“สำนักวิชาของพวกท่านสามารถมีผู้แกร่งกล้าขั้นสุดยอดสองคนออกมาได้ในชั่วพริบตา ดูท่าทางโลกกำเนิดของพวกท่านก็จะต้องแกร่งกล้ามากทีเดียวกระมัง” บรรพชนแมลงปาถัวเฉินรำพึง
ตงป๋อเสวี่ยอิงและจอมกระบี่ต่างก็หัวเราะ แต่ก็มิได้พูดให้ละเอียด
“ไม่มีทางเทียบกับกระบี่ปีศาจได้เลย เขาก็เป็นขั้นสุดยอดแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“เจ้ามิได้สำเร็จเป็นขั้นสุดยอด ความสามารถก็ต้านทานราชันย์อนธการอมตะได้ไม่เหมือนกัน” จอมกระบี่ปีศาจพูด
บรรพชนแมลงที่อยู่ด้านข้างเอ่ยถามอย่างตกตะลึง “มิได้สำเร็จเป็นขั้นสุดยอดหรือ แต่พลังยุทธ์ของท่าน…”
“ถูกต้อง พวกข้าทั้งสองคนต่างก็ได้รับสุดยอดเคล็ดสืบทอดลับ แต่ท่านอาศัยเมืองหิมะเหินแล้วสามารถแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน” จอมกระบี่ปีศาจเอ่ยถาม
ทุกคนต่างก็เปิดเผยจริงใจ
อีกทั้งมาถึงพลังยุทธ์ในตอนนี้ ก็ย่อมไม่รังเกียจที่จะพูดความลับออกมาอยู่แล้ว
“เพราะมัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือคราหนึ่ง ในมือก็มีหอกยาวดำทะมึนปรากฏขึ้น “หอกนี้มีชื่อว่า ‘ชิงเหอ’ ซึ่งเป็นอาวุธเทพคละถิ่น”
“อาวุธเทพคละถิ่นหรือ” จอมกระบี่ปีศาจและบรรพชนแมลงสงสัยไม่เข้าใจ
“อาวุธเทพคละถิ่นยังล้ำค่าหายากยิ่งกว่าสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าเสียอีก” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “หากไม่มีมัน ข้าอยู่ที่เมืองหิมะเหินก็มีความสามารถสู้ได้กับบุคคลผู้ไร้เทียมทานธรรมดาเท่านั้น แต่พอมีมัน ราชันย์อนธการอมตะก็มิอาจทำอะไรข้าได้”
……
ยามที่ตงป๋อเสวี่ยอิงบอกจอมกระบี่ปีศาจและบรรพชนแมลงเกี่ยวกับข้อมูลของอาวุธเทพคละถิ่นนั้นเอง
บนดินแดนจิตโลกากลับมีข่าวของ ‘อาวุธเทพคละถิ่น’ ชิ้นหนึ่งแพร่หลายออกไปอย่างรวดเร็ว
“อิงซานเสวี่ยอิงมีอาวุธเทพคละถิ่น อาวุธเทพคละถิ่นนั้นเป็นอาวุธที่ล้ำค่ากว่าสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าเสียอีก! การครอบครองอาวุธนี้มีประโยชน์ต่อการระดมและควบคุมพลังคละวิถีอย่างมหาศาล! เขาผู้เป็นเทพจักรวาลชั้นที่สองคนหนึ่งอยู่ที่เมืองหิมะเหินของเขาแล้วอาศัยอาวุธเทพคละถิ่นนี้จึงสามารถต้านทานข้าเอาไว้ได้ อาวุธเทพคละถิ่นลึกลับเกินคาดเดา เทพจักรวาลชั้นที่สองใช้ประโยชน์ พลังยุทธ์ก็สามารถเพิ่มพูนขึ้นได้อย่างมหาศาล ถ้าหากขั้นสุดยอดได้มันมาก็จะมีส่วนช่วยเหลือมากยิ่งกว่าสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าเสียอีก! ไม่ว่าจะเป็นขั้นสุดยอดที่บำเพ็ญวิถีใดก็ตาม ขอเพียงแค่ได้ถืออาวุธเทพคละถิ่นเอาไว้ในมือ ต่างก็สามารถควบคุมพลังคละวิถีได้อย่างสบายยิ่งขึ้น! พลังยุทธ์ก็สามารถเพิ่มพูนขึ้นได้อย่างมหาศาลทั้งสิ้น!”
ข่าวนี้แพร่สะพัดอย่างบ้าคลั่งในหมู่ผู้แกร่งกล้าของดินแดนจิตโลกา
ผู้ใดต่างก็มองออกได้
ราชันย์อนธการอมตะแพร่ข่าวนี้ออกมาด้วยจิตใจอกุศล!
ทว่าทุกฝ่ายก็ยังอดจิตใจไหวสั่นมิได้
“อาวุธเทพคละถิ่น ให้เทพจักรวาลชั้นที่สองคนหนึ่ง สามารถมีพลังยุทธ์ได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
“อาวุธเทพคละถิ่นนี้ก็ร้ายกาจเกินไปเสียแล้ว”
ทุกฝ่ายพากันอุทาน ผู้แกร่งกล้ามากมายต่างก็เกิดความละโมบขึ้นในใจ
แม้กระทั่งพวกจักรพรรดิเซี่ยก็ยังตระหนักได้ในทันที
“ข้าว่าแล้วเชียว แค่มีค่ายกลเมืองหิมะเหินส่งเสริม เคล็ดวิชาที่เขาสำแดงจะมีพลังคุกคามอันแข็งแกร่งถึงเพียงนั้นได้อย่างไรกัน ที่แท้แล้วในมือก็มีอาวุธเทพคละถิ่นอยู่เล่มหนึ่งนี่เอง” จักรพรรดิเซี่ยอุทาน “อาวุธเทพคละถิ่น ยังล้ำค่ายิ่งกว่าสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าอีกอย่างนั้นหรือ” ในขณะนี้เองจักรพรรดิเซี่ยก็นึกถึงเม็ดทรายอลวนจำนวนมากที่ซื้อให้กับตงป๋อเสวี่ยอิง
“เพิ่งจะเคยได้ยินเกี่ยวกับอาวุธเทพคละถิ่นนี่เป็นครั้งแรกเลย” บรรพชนฝานก็ดวงตาเป็นประกายเช่นกัน
……
ราชันย์อนธการอมตะปล่อยข่าวออกไป เหล่าบุคคลผู้ไร้เทียมทานและเหล่าขั้นสุดยอดก็เพิ่งจะได้รู้ว่ามี ‘อาวุธเทพคละถิ่น’ อยู่เป็นครั้งแรก
ทว่าเหล่าเทพจักรวาลจำนวนมากที่มีพลังยุทธ์อ่อนแอเกินไปก็ย่อมมิกล้าคิดจะไปช่วงชิงอาวุธเทพคละถิ่นอยู่แล้ว
พวกเขาเพียงแต่ประหลาดใจเท่านั้น!
“จ้าวหิมะเหินถึงกับเป็นเทพจักรวาลชั้นที่สองจริงๆ อย่างนั้นหรือ”
“ข่าวคราวที่ผู้พเนจรแห่งรัฐโบราณสหโลกาแพร่ออกมาก่อนหน้านี้บอกว่าจ้าวหิมะเหินเป็นเทพจักรวาลชั้นที่สอง ข้าก็ยังไม่เชื่อเลย แต่ก็ยังเป็นเทพจักรวาลชั้นที่สองจริงๆ เสียด้วย!”
“เทพจักรวาลชั้นที่สองคนหนึ่งถึงกับสามารถมีพลังยุทธ์เช่นนี้ได้เชียวหรือ”
“มิอาจคาดคิดได้เลย”
เทพจักรวาลชั้นที่สองสามารถกดดันมารจำนวนนับไม่ถ้วนทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาได้เชียวหรือ
อยู่ที่เมืองหิมะเหินสามารถเป็นผู้ไร้เทียมทานอย่างแท้จริงได้ด้วยหรือ
“ล้ำเลิศยิ่งนัก”
“ร้ายกาจเกินไปแล้ว”
“นับถือ”
ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่อิจฉาริษยาหรือละโมบ แต่ทุกฝ่ายทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาก็ยังค่อยๆ ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่า ‘จ้าวหิมะเหิน’ ผู้นี้เป็นระดับจอมเคารพที่แข็งแกร่งที่สุดผู้หนึ่งที่ดินแดนจิตโลกาเคยมีมา!
แข็งแกร่งกว่าพวกมหาเคารพฝูอี่และเจียลัวซาเป็นอันมาก! ถึงขนาดที่ยามเรียกขาน ผู้บำเพ็ญจำนวนมากก็ยังต้องเรียกว่า ‘มหาเคารพหิมะเหิน’
มหาเคารพหิมะเหิน มหาเคารพที่แข็งแกร่งที่สุดที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ของดินแดนจิตโลกา!
(จบบทที่ 35)
……………………………………………..