บทที่ 692 แกล้งทำเป็นจริงจัง + ตอนที่ 693 เธอไม่ต้องทำงาน

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 692 แกล้งทำเป็นจริงจัง + ตอนที่ 693 เธอไม่ต้องทำงาน โดย Ink Stone_Romance

 

ตอนที่ 692 แกล้งทำเป็นจริงจัง

ยามค่ำคืนของหมู่บ้านชนบทเงียบสงบเป็นพิเศษ เงียบกระทั่งได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองและเสียงกรนของฝูงหมูในคอกหลังบ้าน เสียงกรนของฝูงเป็ดไก่ที่กำลังนอนหลับฝันหวาน ช่วยให้เข้าสู่ห้วงนิทราได้อย่างรวดเร็ว

แต่เหมยเหมยกลับนอนไม่หลับ จูบเร่าร้อนที่สระบัวทำให้เธอนอนไม่หลับ เธอไม่คิดว่าเหยียนหมิงซุ่นจะต้านแรงยั่วยุไม่ได้ขนาดนี้  แถมยังดุเดือดร้อนระอุดั่งภูเขาไฟระเบิด ต่างจากเหยียนหมิงซุ่นที่ทำสีหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงท่าทีอะไรทั้งนั้น

แต่เธอชอบจังเลย !

ชอบใจมากด้วย !

เหยียนหมิงซุ่นเสียการควบคุมเพราะเธอ ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าเหยียนหมิงซุ่นเองก็ชอบเธอไม่น้อย ไม่แสดงท่าทีเมินเฉยเหมือนปกติ เชอะ…แกล้งทำเป็นจริงจังไปได้ !

เหมยเหมยที่ทั้งได้ใจทั้งดีใจค่อยๆ เข้าสู่ห้วงนิทรา ไปจู๋จี๋กับว่าที่ผู้บังคับบัญชาการในฝันต่อ พลอดรักหยอกเย้าจนฟ้ารุ่งสาง

เหยียนหมิงซุ่นนอนพลิกไปมาจนดึกดื่นถึงจะข่มตาหลับได้ ฝันว่าปล่อยให้ตัวเองทำตามอำเภอใจ บุกรุกพื้นที่หอมหวานอย่างไม่หยุดยั้ง สานต่อเรื่องที่ค้างจากสระบัว…

ชาวชนบทตื่นเช้า ไก่เพิ่งขันก็รีบลุกมาทำงานเสียแล้ว เจ้าหมูขี้เกียจสามตัวอย่างพวกเหมยเหมยและสยงมู่มู่ยังนอนหลับสบายใจ หลงลืมสถานะตนไปแล้วว่ามาในฐานะแขกของบ้าน

เหยียนหมิงซุ่นเองก็ตื่นตั้งแต่หกโมงเช้าเพื่อมาออกกำลังกาย เขาทำเป็นกิจวัตรมาตลอดสิบปี ไม่มีอุปสรรคใดมาขัดขวางเขาได้ ต่อให้เป็นไข้สามสิบเก้าองศาก็ไม่ย่อท้อ

การสร้างวินัยตนเองและความมุ่งมั่นถือเป็นความต้องการพื้นฐานที่เขามีต่อตัวเอง อีกทั้งยังปฏิบัติอยู่ตลอดอย่างเข้มงวด แต่กลับต้องเสียท่าให้กับเหมยเหมย

“หมิงซุ่น ข้าวเช้าอุ่นอยู่ในหม้อแล้ว แขกตื่นก็กินได้เลย เราจะไปทำงานกันแล้วนะ” คุณน้าสะใภ้ใหญ่ตะเบ็งเสียงพูด

เธอกับสามีและลูกชายต้องไปเก็บแตงโมบนภูเขาเพื่อขนไปขายในเมือง ฤดูร้อนปีนี้อากาศร้อนระอุ แตงโมของบ้านเธอจึงขายดีเป็นเทน้ำเทท่า มีเงินเข้าบัญชีหลายสิบหยวนทุกวัน ถือเป็นกำลังใจชั้นดีต่อการทำงาน

คุณยายโม่เองก็เปลี่ยนเป็นเสื้อแขนยาวและสวมหมวกฟาง สองวันนี้งานที่นายุ่งเป็นพิเศษซึ่งเธอเองจะลงไปช่วยเป็นครั้งคราว อีกอย่างหากไม่ได้ทำงานเธอจะรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรง แค่ได้ลงนาสูดดมกลิ่นหอมของต้นข้าว ได้ผลดียิ่งกว่ายาชนิดไหน ๆ

“รู้แล้วครับ ตอนบ่ายผมจะไปช่วยที่นา” เหยียนหมิงซุ่นตอบ

“ไม่ต้องหรอก เธอแค่ดูแลแขกให้ดี อย่าละเลยก็พอ”

คุณน้าสะใภ้ใหญ่เป็นคนบุ่มบ่ามใจร้อน ยังไม่ทันพูดจบขาก็ก้าวออกไปจากประตูบ้าน คนทั้งบ้านขึ้นไปนั่งรถแทรกเตอร์ของโม่จื้อหย่วน มุ่งหน้าสู่ไร่ที่มีผลผลิตเป็นที่น่าพึงพอใจ

เหยียนหมิงซุ่นไม่เลือกที่จะทานข้าวก่อนแต่เลือกเดินขึ้นไปชั้นบน เหมยเหมยนอนจนใบหน้าแดงซ่าน ผ้าห่มถูกเธอเตะออกห่างจากตัวเผยให้เห็นช่วงแขนและขาที่ขาวละเอียด ทำเอาเหยียนหมิงซุ่นที่มองอยู่ดวงตาเข้มขึ้นอีกหน

ขี้ยั่วจริงๆ!

ยั่วเขาแต่เช้าเชียว !

เหยียนหมิงซุ่นจับฉิวฉิวที่นอนแผ่หลาในอกของเจ้านายลงไปใต้เตียงแต่ไม่แตะต้องฉาฉาเพราะเหมยเหมยกลัวร้อน มีความเย็นของฉาฉาอยู่ถึงจะหลับได้สบาย เขาหยิบผ้าห่มมาคลุมให้ใหม่ เลือกที่จะไม่เห็นคงดีกว่า ทางที่ดีอย่าให้เขาเห็นเลย ตอนนี้เขาค้นพบแล้วว่ายามเผชิญหน้ากับสาวยั่วสวาทคนนี้ความอดทนที่เขาภาคภูมิใจในตัวเองมาตลอดกลายเป็นเพียงเรื่องตลกไปแล้ว

“จะไปปีนเขาอีกมั้ย?” เหยียนหมิงซุ่นกระซิบถามข้างหูเหมยเหมยพลางบีบจมูกนุ่มของเธอไว้

เหมยเหมยสะบัดมือฟาดอย่างรำคาญ พึมพำไม่กี่ประโยคแล้วพลิกตัวหลับต่อ

กำลังฝันหวานอยู่เลย ต้องเป็นพี่ชายที่น่ารำคาญคนนั้นอีกแล้วแน่ ๆ ชอบมากวนเวลานอนของเธออยู่เรื่อย!

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มออกมาอย่างจนปัญญา ก่อนจะหยุดกวนเธอแล้วลงไปผ่าฟืนที่ชั้นล่าง รอเหมยเหมยตื่นค่อยทานข้าวเช้าด้วยกัน สุดท้ายก่อนจะจากไปเขาก็ทนไม่ไหว ประทับจูบลงบนกลีบปากหอมหวานนั้นอีกครั้ง

มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งต่อไป พอได้เริ่มแล้วมันก็ยากที่จะหักห้ามใจได้อีก เขากระหายมาสิบแปดปี ใช่ว่าครั้งสองครั้งจะช่วยหยุดความกระหายของเขาได้ซะหน่อย ?

………………

ตอนที่ 693 เธอไม่ต้องทำงาน

เหยียนหมิงซุ่นไม่กล้าจูบนานเพราะกลัวรบกวนเวลานอนของเจ้าหญิงตัวน้อย แค่แตะเบาๆ ก็เงยตัวลุกขึ้นมา ปลายนิ้วเกลี่ยบนกลีบปากนุ่มของเด็กสาวไปมาอยู่ครู่หนึ่ง มุมปากเหยียดยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม

ช่างเป็นเด็กสาวที่โง่จริง ๆ หลับลึกขนาดนั้นอุ้มเธอไปขายยังไม่รู้สึกตัวเลยล่ะมั้ง!

ในที่สุดช่วงสาย ๆ เหมยเหมยก็ตื่นสักที เธอลงจากเตียงเปิดผ้าม่านปล่อยให้แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามา หรี่ตาลงน้อยๆ อย่างห้ามไม่ได้ เหยียนหมิงซุ่นกำลังผ่าฟืนอยู่ตรงลานบ้าน สยงมู่มู่กับอู่เชากำลังทานข้าวเช้าโดยมีสุนัขตัวน้อยตัวหนึ่งกับไก่อีกหลายตัวห้อมล้อมอยู่ ยืนจ้องถ้วยข้าวในมือเขาอย่างไม่ละสายตา

เหมยเหมยเปลี่ยนชุดมัดผมหางม้าลวกๆ ใส่รองเท้าแตะลงไปชั้นล่าง

“พี่หมิงซุ่น ทำไมไม่ปลุกฉันล่ะ?” เหมยเหมยเกรงใจเหลือเกิน มาเป็นแขกที่บ้านคนอื่นแล้วยังตื่นสายอีก คุณตาคุณยายคุณน้าคุณน้าสะใภ้ของเหยียนหมิงซุ่นจะคิดว่าเธอเป็นคนเกียจคร้านหรือเปล่านะ?

“ไม่เป็นไร นอนตื่นสายหน่อยไม่เป็นไร เหมยเหมยไปล้างหน้าแปรงฟันก่อน ฉันจะตักข้าวรอ”

เหยียนหมิงซุ่นโยนขวานทิ้งเดินไปตักน้ำจากโอ่งใส่กะละมังให้เหมยเหมยล้างหน้าแปรงฟัน แถมยังบีบยาสีฟันเตรียมผ้าขนหนูให้อย่างเพียบพร้อม สยงมู่มู่เบะปากอย่างหัวเสีย ตอนเช้าเขากับเจ้าอ้วนไม่เห็นได้รับการปฏิบัติที่ดีขนาดนี้เลย เหยียนหมิงซุ่นไม่สนใจพวกเขาด้วยซ้ำ บอกแค่ว่าให้พวกเขาดูแลตัวเองไป

ดูทำเข้าสิพอยายนี่ตื่นขึ้นมา แทบจะป้อนข้าวให้อยู่แล้วมั้ง

พลันฉวยโอกาสที่เหยียนหมิงซุ่นไปเตรียมอาหารเช้าในครัว สยงมู่มู่เดินมาตรงหน้าเหมยเหมยแล้วกดเสียงถาม “เมื่อคืนเธอกับคนสกุลเหยียนนั่นไปเตร็ดเตร่กันที่ไหนมา ?”

“นายเกี่ยวอะไรด้วย?” เหมยเหมยถลึงตาใส่เขา

สยงมู่มู่ตอบด้วยอารมณ์โมโห “พี่หกให้ฉันจับตาดูเธอให้ดี ไม่ให้เธอไปทำเรื่องไม่ดี พี่บอกเธอว่าเป็นผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว ต้องรู้จักถนอมตัวเอง กลางคืนดึกดื่นไปอยู่กับผู้ชายสองต่อสอง กลับไปฉันจะฟ้องพี่หก เหอะ!”

เหมยเหมยสาดน้ำในกะละมังใส่หน้าเขา สองมือเท้าสะเอวตะคอกกลับโดยไม่สนใจฟองฟอดในปาก “สยงมู่มู่ ถ้านายกล้าไปพูดเหลวไหลต่อหน้าพี่ฉัน จากนี้ไปอย่าคิดว่าฉันจะให้เงินค่าขนมนายอีก!”

สยงมู่มู่ลูบฟองที่ปลิวติดใบหน้าก่อนจะรีบเอาหน้าจุ่มน้ำในกะละมังอย่างขยะแขยง ตะคอกกลับใส่เหมยเหมยว่า “ตอนแปรงฟันห้ามพูดไม่รู้หรือไง นี่เธอมีมารยาทบ้างหรือเปล่า? จะรนหาที่ตายใช่มั้ย?”

เหมยเหมยกรอกน้ำใส่ปากเพื่อชะล้างคราบยาสีฟันทั้งหมด แค่นเสียงโต้กลับ “ใครใช้ให้นายมาหาเรื่องฉันตอนที่ฉันแปรงฟันอยู่ล่ะ ไสหัวไปซะ หมาดี ๆ มันไม่มาขวางทางกันหรอก!”

อู่เชาเอามือป้องปากหัวเราะโดยไม่คิดสงสารเพื่อนเลยสักนิด เขาตักข้าวใส่ปากอย่างมูมมาม กับข้าวชนบทหอมอร่อยจริง ๆ แค่ข้าวราดน้ำแกงยังรสชาติดีกว่าอาหารฝีมือแม่เขาอีก ไหนจะกับข้าวที่เหลือจากเมื่อคืนพอเอาไปอุ่นในหม้อ โอ้โห แค่กลิ่นหอมนั่น เขาก็ทานข้าวได้สามถ้วยใหญ่!

เหมยเหมยทานข้าวเช้าเสร็จเหยียนหมิงซุ่นจึงเก็บถ้วยไปล้างก่อนจะเตรียมกับข้าวมื้อใหญ่ แบบนี้พวกคุณตาโม่กลับมาก็จะได้ทานข้าวทันที แล้วยังมีเวลานอนกลางวันอีกด้วย

“พี่หมิงซุ่น ไม่งั้นเราไม่ไปปีนเขากันแล้ว ไปช่วยงานที่สวนกันเถอะ!”

พวกเขาออกจากบ้านก็เห็นชาวบ้านที่กำลังวุ่นกันอยู่ในสวน ทั้งยังเห็นเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเขาหลายคนมาช่วยงานในสวนโดยไม่มีใครอู้งานสักคน พอจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพที่ต่างกันสุดขั้วกับพวกเขาได้ดีทีเดียว

ชาวบ้านบางส่วนหันมามองด้วยสายตาแปลกใจมาทางพวกเขาคล้ายกำลังสงสัยว่าเด็กบ้านใครทำไมถึงมัวแต่เล่น ไม่ลงมาช่วยงานในสวนล่ะ!

“ไม่ต้องหรอก ตอนนี้งานไม่ยุ่งเท่าไหร่ พวกคุณตาทำไหว”

เหยียนหมิงซุ่นไม่อยากจินตนาการว่าคนผิวเนียนละเอียดอย่างเหมยเหมยจะไปทำอะไรที่สวนได้?

จะว่าไปเขาคงทำใจไม่ได้ มีเขาอยู่ จะให้เหมยเหมยไปทำสวนได้อย่างไรกัน?

ไม่จำเป็นสักหน่อย!

……………………