ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด ตอนที่ 2 เยี่ยมเยียน

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

จักรพรรดิเซี่ย บรรพชนฝาน และจักรพรรดิชาง บุคคลผู้ไร้เทียมทานสามท่านมาถึง ความสัมพันธ์ของจอมกระบี่กับพวกเขาไม่ธรรมดา ก็ย่อมเพียงแค่ประสานสายตากันคราหนึ่งเท่านั้น ทว่าบรรพชนแมลงปาถัวเฉินกลับมีแววตาเย็นชา มิได้เอ่ยวาจาอันใดฃ

เขามีความแค้นกับสกุลฝาน ทั้งยังเคยสังหารยอดฝีมือของสกุลฝานอีกด้วย!

ล่วงเกินสกุลฝาน…ก็เท่ากับล่วงเกินสามตระกูลใหญ่แห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุ! ด้วยอุปนิสัยของบรรพชนแมลงปาถัวเฉิน ก็ไม่รังเกียจที่จะก้มศีรษะอยู่แล้ว

“บรรพชนแมลง” บรรพชนฝานเอ่ยปากพูดพลางยิ้มน้อยๆ “ได้ยินว่าเจ้ากับเด็กรุ่นหลังของสกุลฝานของข้าบางคนมีความแค้นต่อกันอยู่บ้าง ไม่ทราบว่าพวกเขาเด็กรุ่นหลังเหล่านั้นไปล่วงเกินเจ้าเมื่อไหร่กัน เจ้าก็ไปติดตามจักรพรรดิกลืนโลกาตั้งแต่ก่อนหน้านี้เนิ่นนานแล้ว เด็กรุ่นหลังของสกุลฝานของข้าพวกนั้นคงจะไม่มีโอกาสไปสร้างความแค้นกับเจ้าหรอกกระมัง!”

ถ้าหากเป็นบรรพชนแมลงที่แท้จริงก็ย่อมมิอาจมีความแค้นต่อกัน

แต่ปาถัวเฉินผสานรวมกับแมลงอสูรขั้นสุดยอด สามารถสวมรอยเป็นบรรพชนแมลงได้อย่างสมบูรณ์แบบ  สำหรับบรรพชนแมลงตัวจริง…ในความเป็นจริงแล้วก็ได้ตายไปก่อนหน้านี้นานแล้ว เพียงแต่ตายไปอย่างเงียบงันไร้สุ้มเสียง ดังนั้นก่อนหน้านี้เพื่ออยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว เพื่อปิดบังการยกระดับอย่างฉับพลันของตนเอง บรรพชนแมลงปาถัวเฉินจึงได้จงใจปิดบังตัวตนนี้ สำหรับในตอนนี้น่ะหรือ ถึงแม้จะไม่กลัวว่าตัวตนจะเปิดเผยออกไป แต่เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยาก จึงยังอาศัยตัวตนของบรรพชนแมลงเคลื่อนไหวเช่นเดิม

อย่างไรก็ตาม ญาติสนิทมิตรสหายของเขาก็ไม่อยู่นานแล้ว ถึงแม้ว่าดินแดนจิตโลกาจะกว้างใหญ่ไพศาล เขาก็เป็นเพียงแค่ตัวคนเดียวเท่านั้น ในทางกลับกัน ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ ผู้มีพระคุณก็เป็นผู้ที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับเขามากที่สุดแล้ว

บรรพชนแมลงปาถัวเฉินเอ่ยเสียงเย็นชา “ไม่มีความแค้นกับข้า แต่ก็มีความแค้นกับศิษย์ของข้า! หึๆ สกุลฝาน เด็กรุ่นหลังของพวกเจ้าช่างกำเริบเสิบสานจริงๆ น่าเสียดายที่มาย่ำยีถึงบนหัวข้า ข้าก็มิอาจทนได้หรอก!”

“ฮ่าฮ่า… ก็แค่เรื่องเล็กๆ เรื่องเดียวเท่านั้น เจ้าก็เป็นเพื่อนสนิทของเค่อชิงเฟยเสวี่ย เค่อชิงเฟยเสวี่ยกับสกุลฝานของข้ามีความสัมพันธ์ค่อนข้างดีต่อกัน ความขุ่นข้องหมองใจเล็กๆ น้อยๆ ในอดีตก็ปล่อยผ่านไปเช่นนี้เถิด ดีไหมเล่า” บรรพชนฝานพูดพลางยิ้มน้อยๆ เขาสูงส่งเหนือผู้ใด ก็ย่อมมิใคร่จะใส่ใจความขุ่นข้องหมองใจเล็กๆ น้อยๆ ของศิษย์สกุลฝานอยู่แล้ว ถึงอย่างไรสกุลฝานก็ใหญ่โตยิ่งนัก เพียงแต่วา ‘บรรพชนแมลง’ ผู้นี้ ทั้งเป็นขั้นสุดยอด ทั้งยังไร้ห่วงไร้กังวลอีกด้วย

ศัตรูเช่นนี้ไม่เหมาะสมที่จะมีความแค้นด้วย

เพราะว่าเขามิอาจคาดเดาได้ อีกทั้งยังมิอาจฆ่าเขาให้ตายได้ด้วย

“วางใจเถิด ผู้ที่ควรสังหารข้าก็ได้สังหารไปก่อนแล้ว! ผู้ที่ไม่ควรสังหาร ข้าก็ไม่มีทางไปยุ่งด้วยอยู่แล้ว” บรรพชนแมลงปาถัวเฉินเอ่ยอย่างเย็นชา

“ฮ่าฮ่า” บรรพชนฝานพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม แต่กลับรู้สึกว่าบรรพชนแมลงผู้นี้มีอุปนิสัยเย็นชาน่าดูเลยทีเดียวเขาหันไปมองทางตงป๋อเสวี่ยอิง “เค่อชิงเฟยเสวี่ย ต่างก็ว่ากันว่ายามที่เจ้าอยู่ที่วังเทพจิตโลกาก็ประสบเคราะห์ใหญ่ ถูกบรรพชนราตรีนิรันดร์ผลาญสังหาร สมบัติล้ำค่าถูกช่วงชิงไปจนหมดสิ้น! ตอนนี้ดูแล้วสิ่งที่เจ้าได้รับมาจริงๆ จากวังเทพจิตโลกาจะเป็นสุดยอดเคล็ดสืบทอดลับสินะ!”

จักรพรรดิเซี่ยและจักรพรรดิชางก็มองตงป๋อเสวี่ยอิงเช่นกัน

“ใช่แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “ได้มาโดยบังเอิญเมื่อครั้งแรกที่เข้าไปยังวังเทพจิตโลกาน่ะ”

“ข้าก็ได้รับมาตอนที่เข้าไปครั้งแรกเช่นเดียวกัน” จอมกระบี่ปีศาจที่อยู่ข้างๆ ก็รำพึงขึ้น

“พวกเจ้าสองคนมาจากโลกกำเนิดแห่งเดียวกัน สำนักเดียวกัน พรสวรรค์ในการหยั่งรู้นี้ต่างก็สูงส่งอย่างแท้จริง” จักรพรรดิเซี่ยรำพึง “ตอนนั้นที่หยวนสรรสร้างดินแดนจิตโลกา สรรสร้างวังเทพจิตโลกา อยากจะได้รับ ‘สุดยอดเคล็ดสืบทอดลับ’ มา แต่ก็ยังยากเย็นกว่าสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าอยู่ขั้นหนึ่ง! ตอนนี้พวกเจ้าสองคนก็ได้มาครองแล้ว ขอเพียงแค่สำเร็จเป็นขั้นสุดยอด เข้าไปยังวังเทพจิตโลกาอีกครั้ง การจะได้สุดยอดสมบัติลับล้ำค่ามาก็เป็นเรื่องสบายๆ แล้ว กระบี่ปีศาจสำเร็จเป็นขั้นสุดยอดแล้ว… สำหรับเค่อชิงเฟยเสวี่ยก็เชื่อว่าใกล้แล้วล่ะ”

ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายหน้าพลางพูดยิ้มๆ อย่างจนใจ “ข้าก็อยากจะเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นสุดยอดเช่นกัน แต่ก้าวนี้ง่ายดายเช่นนั้นเสียที่ไหนกันเล่า”

“ข้าอยากถามว่าอาวุธเทพคละถิ่นนั้นของเจ้า คงจะใช้เม็ดทรายอลวนหลอมขึ้นมากระมัง” จักรพรรดิเซี่ยพูด

“จักรพรรดิเซี่ยรู้ด้วยหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึง

เขาก็พูดกับบรรพชนแมลงและจอมกระบี่แล้ว ต่อให้จอมกระบี่บอกให้พวกจักรพรรดิเซี่ยล่วงรู้ ก็ต้องบอกตนสักคำล่วงหน้าก่อน

“เป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น!” จักรพรรดิเซี่ยพูด “ตอนนั้นเจ้าถูกผลาญสังหารที่วังเทพจิตโลกา ร่างแยกสลายไปจนสิ้น มิได้นำสมบัติล้ำค่าใดๆ ออกมาเลย สิ่งที่สามารถนำออกมาได้…ก็เพียงแค่ความทรงจำเท่านั้น! บวกกับก่อนหน้านี้เจ้าซื้อเม็ดทรายอลวนจากข้าไปมากถึงหนึ่งแสนชั่ง เช่นนี้เมื่อมารวมกันแล้วข้าก็คาดเดาได้ว่าคงจะเป็นอาวุธเทพคละถิ่นที่เจ้าหลอมขึ้นมา”

“ใช่แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าแล้วมิได้ปิดบังอีกต่อไป “เพียงแต่ว่าเคล็ดวิชาสืบทอดนี้ เจ้าก็รู้ว่ามิอาจเผยแพร่สู่ภายนอกได้”

พวกเขาสามคนทั้งจักรพรรดิเซี่ย จักรพรรดิชาง และบรรพชนฝานต่

สุดยอดเคล็ดสืบทอดลับและเคล็ดวิชาสืบทอดอันล้ำค่ามากมาย ถึงแม้ว่าหยวนจะถ่ายทอดลงมาให้ แต่กลับไม่สามารถเผยแพร่สู่ภายนอกได้!

สิ่งที่พวกเขาเผยแพร่สู่ภายนอกอย่างเช่นปุจฉวิถีคละถิ่น และเคล็ดวิเศษไร้ภาพเป็นต้น ล้วนเป็นสิ่งที่พวกจักรพรรดิเซี่ยคิดค้นขึ้น

“พวกข้าบำเพ็ญมาจนถึงระดับขั้นในตอนนี้ ก้าวต่อไปต่างก็อยากจะก้าวออกจากกรงขังแห่งนี้ สำเร็จเป็นคละถิ่นแล้ว!” จักรพรรดิเซี่ยเอ่ยปาก จักรพรรดิชางและบรรพชนฝานก็มองตงป๋อเสวี่ยอิง

จักรพรรดิเซี่ยพูดต่อไปอย่างเคร่งขรึมว่า “เช่นนั้นข่าวที่ราชันย์อนธการอมตะแพร่ออกไป พวกเราก็มิอาจเชื่อได้ทั้งหมดอย่างแน่นอน แต่อาวุธเทพคละถิ่น ก่อนหน้านี้พวกข้ายังไม่เคยได้ยินกันมาก่อนเลยเสียด้วยซ้ำ! ดังนั้นหวังว่าเจ้าจะช่วยอธิบายสักหน่อย ให้พวกเราได้เข้าใจอะไรๆ ขึ้นมาบ้าง”

ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ “เรื่องนี้ง่ายดายนัก”

เขาก็เข้าใจเจตนาของพวกจักรพรรดิเซี่ย! ว่ามีความมุ่งมาดปรารถนาต่อการหนีออกจากกรงขังมากมายเพียงใด

อย่างเช่นจักรพรรดิเซี่ย ก่อนหน้านี้ก็เป็นอันดับหนึ่งของดินแดนจิตโลกาแล้ว ต่อให้เป็น ‘ราชันย์อนธการอมตะ’ ก็ได้แต่ใช้ไพ่ใบสุดท้ายถึงจะกดดันจักรพรรดิเซี่ยได้เท่านั้น ยอดฝีมือผู้โดดเดี่ยว! จักรพรรดิเซี่ยนั้นโดดเดี่ยวอย่างแท้จริง มุ่งมาดปรารถนาต่อการหนีออกจากกรงขังมากมายเหลือเกิน ถ้าหากความต้องการแค่นี้ตนยังมิอาจสนองได้ เช่นนั้นก็คงจะผิดต่อพวกเขาเกินไปแล้ว

“อาวุธเทพคละถิ่น ที่จริงแล้วเป็นอาวุธของสิ่งมีชีวิตคละถิ่น” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยอธิบาย “พวกเราเทพจักรวาลโดยทั่วไปแล้วย่อมไม่สามารถใช้การได้ ทั้งยังไม่สามารถหลอมแปรได้ด้วย แต่ว่า ‘หยวน’ กลับคิดวิธีการออกมาได้ ทำให้ข้าหลอมอาวุธเทพคละถิ่นชิ้นหนึ่งขึ้นมากับมือตัวเอง เพราะว่าเป็นกระบวนการที่ข้าหลอมขึ้นมาเองกับมือ วัสดุทุกชิ้นส่วนล้วนเคยผ่านการหลอมแปรของข้า อาวุธที่หลอมขึ้นมาได้สำเร็จ เมื่อเทียบกันการหลอมแปรก็ผ่อนคลายแล้ว เพราะทำให้เทพจักรวาลคนหนึ่งอย่างข้าก็ยังสามารถหลอมแปรได้สำเร็จ  ข้อหนึ่ง จะต้องเป็นวิถีที่ข้าเชี่ยวชาญ ข้อสอง จะต้องง่ายดายมากพอ ดังนั้นอาวุธคละถิ่นชิ้นนี้จึงเป็นอาวุธคละถิ่นทางด้านวิถีอากาศ! นอกจากนี้เมื่อเปรียบเทียบกับอาวุธคละถิ่นที่แท้จริงก็ผ่านการดัดแปลงให้ง่ายดายขึ้นแล้วด้วย”

“โอ้” จักรพรรดิเซี่ย จักรพรรดิชาง และบรรพชนฝานต่างก็พยักหน้าน้อยๆ

“เชิญดู” ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือคราหนึ่ง หอกชิงเหอก็ปรากฏขึ้นในมือ เขากระตุ้นเล็กน้อย ลวดลายลับบนหอกชิงเหอจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นมาในทันใด “พวกท่านดูก็รู้แล้วล่ะ”

จักรพรรดิเซี่ย จักรพรรดิชาง และบรรพชนฝานพินิจดูอย่างละเอียดต่อไป

จักรพรรดิชางและบรรพชนฝานก็มีความสับสนอยู่บ้าง

จักรพรรดิเซี่ยกลับดูเข้าใจได้เป็นส่วนใหญ่ในทันที เขาเข้าใจในส่วนที่เกี่ยวข้องกับวิถีอากาศทั้งหมด แต่ยังมีอีกหลายด้านที่เขาก็ยังมีความสับสนอยู่บ้าง ถ้าหากมีการชี้นำของสุดยอดเคล็ดสืบทอดลับ ก็จะยิ่งเข้าใจได้อย่างง่ายดาย แต่เพียงแค่ลวดลายลับที่ปรากฏอยู่ภายนอกเท่านั้น ยากยิ่งนักที่จะเข้าใจทะลุปรุโปร่งทั้งหมด ถึงอย่างไรเคล็ดลับมากมายที่เกี่ยวข้องกับพลังคละวิถีก็ละเอียดอ่อนเกินธรรมดา

นอกจากนี้ ลวดลายลับบางส่วนที่หลอมขึ้นมา ตงป๋อเสวี่ยอิงก็แค่สลักเสลาลงไปทีละชิ้นส่วนเท่านั้น เมื่อแยกส่วนกันเขาก็เข้าใจ แต่พอประกอบเข้าด้วยกันทั้งหมดแล้วแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่เข้าใจเลย

“เป็นอาวุธคละถิ่นวิถีอากาศจริงๆ ด้วย” จักรพรรดิเซี่ยพยักหน้า “วิถีอื่นๆ ได้ไปก็ไร้ประโยชน์ นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าจะเชี่ยวชาญทางด้านการระดมพลังคละถิ่นเป็นที่สุดด้วย เค่อชิงเฟยเสวี่ย ขอบใจมาก! ที่ให้พวกข้าได้ชมดูลวดลายลับของอาวุธเทพคละถิ่น”

ตงป๋อเสวี่ยอิงแย้มยิ้ม “เรื่องเล็กเท่านั้นน่า”

ดูลวดลายลับแล้วอยากจะวิวัฒน์เคล็ดวิชาออกมานั้นยากเย็นเพียงใด

ก็อย่างเช่นสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาก็มีอยู่มิใช่น้อย ลวดลายลับของสุดยอดสมบัติลับล้ำค่า กระตุ้นคราหนึ่งก็ปรากฏชัดขึ้นมาแล้ว แต่ให้ผู้อื่นดูแล้วอย่างไร ด้วยระดับขั้นสุดยอด ชมดูความเร้นลับที่เกี่ยวข้องกับระดับไร้ถิ่น ก็ได้แต่รู้สึกว่าเลือนรางยิ่งนัก

ความซับซ้อนของอาวุธเทพคละถิ่นไม่ด้อยไปกว่าสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าเลย

ตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็รู้สึกว่ามันแบ่งออกเป็นขั้นตอนยิบย่อยมากเกินไป สิ้นเปลืองเวลาไปยาวนานจึงจะสามารถหลอมสำเร็จได้

……

ในวันต่อมามีผู้มาเยี่ยมเยียนตงป๋อเสวี่ยอิงมากมาย

ห้าบรรพชนของรัฐโบราณสหโลกาก็แบ่งออกเป็นสองกลุ่มมาเยี่ยมเยือน รัฐโบราณเสียดฟ้าและรัฐโบราณหิมะน้ำแข็งต่างก็มาเยี่ยมเยือนเช่นเดียวกัน ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ต้อนรับ แล้วยังใจกว้างอย่างยิ่งให้พวกเขาได้ชมดูลวดลายลับของอาวุธเทพคละถิ่นด้วย! อันที่จริงแล้วทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาก็มีแค่ ‘ผู้พเนจร’ และ ‘จักรพรรดิเซี่ย’ เท่านั้นที่สามารถดูเข้าใจได้เป็นส่วนใหญ่ สิ่งที่ดูเข้าใจหลักๆ ก็ยังเป็นส่วนของวิถีอากาศทั้งสิ้น

ในความเป็นจริงแล้วคนอื่นๆ ต่างก็เลือนรางเหลือเกิน ได้แต่ตัดสินได้อย่างรางๆ เท่านั้นว่าลวดลายลับเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับวิถีอากาศ

บวกกับผู้พเนจรและจักรพรรดิเซี่ยต่างก็ช่วยพูดออกไปอย่างเปิดเผยแล้วว่า…นั่นคืออาวุธเทพคละถิ่นทางด้านวิถีอากาศ! ยอดฝีมือวิถีอากาศเท่านั้นจึงจะสามารถใช้การได้ นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าเทพจักรวาลต่างก็ไม่สามารถหลอมแปรได้ด้วย

คำพูดสุดท้ายที่ว่า ‘ดูเหมือนว่าต่างก็ไม่สามารถหลอมแปรได้’ ในความเป็นจริงแล้วก็เป็นการไว้หน้าตงป๋อเสวี่ยอิง! ตัวจักรพรรดิเซี่ยเองก็มีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับตงป๋อเสวี่ยอิง แต่ผู้พเนจรนั้นเพราะว่าอุปนิสัย ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ปฏิบัติต่อเขาอย่างมีมารยาทยิ่งทำให้ผู้พเนจรมีความรู้สึกที่ดีต่อตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงได้พูดสิ่งเหล่านี้ออกไปสู่สาธารณะ

บวกกับพลังยุทธ์ที่แกร่งกล้าของตงป๋อเสวี่ยอิง ที่เมืองหิมะเหิน ก็เรียกได้ว่าเทียบเคียงกับขุมอำนาจอันดับหนึ่งของดินแดนจิตโลกาแล้ว!

เดิมทีราชันย์อนธการอมตะยังคิดจะอาศัยเรื่องนี้นำพาเรื่องยุ่งยากครั้งใหญ่มาให้ตงป๋อเสวี่ยอิง แต่กลับกลายเป็นว่าคว้าน้ำเหลวเสียแล้ว!

“เฮอะ ประมุขรัฐจันทร์บุปผาหรือ เขาก็อยากจะดูลวดลายลับของอาวุธเทพคละถิ่นของข้าด้วยหรือไร”

ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับขับไล่ร่างแปรของอีกฝ่ายในทันที

ประมุขรัฐจันทร์บุปผา บรรพชนราตรีนิรันดร์ บรรพชนนิจรัตติกาลและเหล่ามารขั้นสุดยอดจำนวนหนึ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับไม่ไว้หน้าเลย อยากจะดูอาวุธเทพคละถิ่นอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถิด! อย่างไรก็เกลียดชังพวกเขามาตั้งนานแล้ว! มารในรัฐโบราณจันทร์บุปผา ตงป๋อเสวี่ยอิงสังหารขึ้นมาก็ไม่ไว้ไมตรีเลยแม้แต่น้อย

……………………………………………..