บทที่884 ยอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับเจ็ด

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่884 ยอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับเจ็ด
ณ พื้นที่รกร้าง ม้าเร็ววิ่งไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ ฝุ่นควันโขมงไปหมด

ผู้อาวุโสหกตามท้าย โคลงเคลงไม่ไหว ตะโกนอย่างบ้าคลั่งตามหลัง

“ช้าหน่อยๆ กระดูกแก่ๆของข้าแตกละเอียดหมดแล้ว”

คนข้างหน้าไม่ยอมหยุด ขี่ม้าเร็วมากขึ้น แทบอยากบินไปเผ่าหยก ห้ามกู้ชูหน่วนไม่ให้สังเวย

“ไม่ได้ ข้าขี่ไม่ไหวแล้ว ถ้าขี่ต่อไป ข้าคงได้ตายระหว่างทางจริงๆแน่”

ผู้อาวุโสหกก็อยากรีบกลับเผ่าหยกเหมือนกัน แต่ทว่าสีหน้าของเขาซีดเซียว ไม่มีเรียวมีแรงเหลืออีกต่อไปแล้ว เขาเดินทางตลอดเวลาในระยะเวลาสั้นๆ ร่างกายของเขาว่างเปล่าไปหมดแล้ว

“ท่านอ๋อง แผลของท่านฉีกแล้ว ผู้อาวุโสอาการก็ไม่ดีด้วย พวกเราพักผ่อนก่อนไหมขอรับ”

เจี่ยงเสวียมองดูแผลตรงแผ่นหลังที่ปริออกของเย่จิ่งหาน อดไม่ได้กังวลขึ้นมา

ท่านอ๋องบาดเจ็บหนักอยู่แล้ว เพิ่งต่อสู้กับเวินเส้าหยีเสร็จ บาดแผลบนร่างกายยังไม่ทันหายดีเลย ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าเขายังไม่ถึงเผ่าหยก ก็คงสิ้นชีพก่อนแล้ว

สีหน้าพวกชิงเฟิงกับผู้อาวุโสหกก็แย่เหมือนกัน เขาก็พูดขึ้นอย่างร้อนใจว่า “ท่านอ๋อง พักผ่อนก่อนเถิด”

“เร่งความเร็วอีก”

คำตอบที่ชิงเฟิงกับเจี่ยงเสวียได้รับคือคำสั่งที่ไม่อาจขัดขืนได้ของเย่จิ่งหาน

พวกเขาทำอะไรไม่ได้ จึงต้องเดินทางต่อไป

ผู้อาวุโสหกร่างกายทนไม่ไหว ตกลงมาจากม้า

ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียตกใจ คิดว่าท่านอ๋องจะหยุดลง ไม่คิดว่าท่านอ๋องกลับพูดอย่างเย็นชาว่า

“ชิงเฟิง เจ้าพาผู้อาวุโสหกไปด้วย แล้วเดินทางต่อไป”

“ฮะ…ขอรับ…”

เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีก็ตามท่านอ๋องไม่ทัน แถมยังพาคนแก่ไปด้วย จะตามทันได้ยังไง

ตลอดทั้งทาง ไม่รู้ว่าม้าตายไปแล้วกี่ตัว

เดินทางมาตลอดทั้งทาง ในตอนที่พวกเขาเริ่มไม่ไหวกันแล้ว ในที่สุดก็ใกล้ถึงหน้าประตูเผ่าหยกสักที

ผู้อาวุโสหกฟื้นขึ้นมาแล้ว ตกม้าอ้วกไม่หยุด

เย่จิ่งหานกำหมัดแน่น พยายามสงบสติอารมณ์ไว้ เขากลัวมาก กลัวว่าจุดจบจะเป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าพบเจอ

จนกระทั่งวันนี้เขาเพิ่งรู้ตัวว่า กู้ชูหน่วนรักเขามากแค่ไหน

นางยอมสละชีพตัวเอง ยอมทำร้ายจิตใจเขา ก็เพื่อให้เขาได้มีชีวิตอยู่ต่อไป

“พุ่ง…”

ไม่รู้ว่าเพราะบาดเจ็บสาหัสหรือเปล่า เย่จิ่งหานเดินไม่กี่ก้าวก็กระอักเลือดแล้ว

เขาเช็ดมุมปาก แล้วเดินหน้าต่อไป ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียวิ่งทำได้แค่วิ่งตามเขาไป

ทันใดนั้น เย่จิ่งหานชะงักฝีเท้า สีหน้าเข้มงวด

“ท่านอ๋อง ทำไมไม่เดินแล้วขอรับ อยากพักผ่อนก่อนเหรอขอรับ?”

“ไม่ได้การแล้ว”

“ไม่ได้การแล้ว? หรือเผ่าหยกเกิดเรื่องใหญ่แล้ว? หรือพวกเราจะมาช้าเกินไป?”

เผ่าหยกเป็นเผ่าที่เก่าแก่มานับพันปี ในเผ่ามียอดฝีมือมากมาย คนทั่วไปไม่มีทางทำอะไรเผ่าหยกได้เด็ดขาด สิ่งที่พวกเขาคิดได้คือ พระชายา…

เย่จิ่งหานมองดูท้องป้าที่อึมครึม เขาอยู่ห่างไกลมาก แต่ก็สัมผัสได้ถึงพลังอันน่าหวาดกลัวที่แข็งแกร่ง และกลิ่นคาวเลือดที่พัดมาพร้อมกับสายลม

กลิ่นคาวเลือดพัดมาเป็นระยะ บ้างก็เข้มข้น บ้างก็บางเบา จากประสบการณ์หลายปีของเขา เขาแน่ใจได้ว่า ข้างหน้าต้องมีคนตายเยอะแน่

เย่จิ่งหานรีบวิ่งไปข้างหน้าโดยเร็ว ในที่สุด เขาก็มาถึงทางเข้าเผ่าหยกสักที

ทางเข้าเผ่าหยกลึกลับมาก ถ้าไม่มีผู้อาวุโสหกคอยชี้ทางให้ เขาก็หาไม่เจอเหมือนกัน

ทางเข้ามีค่ายกลค่อยป้องกันไว้ แถมยังมียอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับห้าคอยเฝ้ารักษาการณ์อยู่ด้วย

แต่ทว่าค่ายกลในตอนนี้ถูกทำลายไปแล้ว ยอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับห้าก็ตายกันหมดแล้วด้วย

เห็นบาดแผลของพวกเขา ต่างก็ตายด้วยการถูกฝ่ามือพิฆาตตบเข้าที่อกจนตายทั้งเป็น

ตบยอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับห้าให้ตายได้ด้วยฝ่ามือพิฆาตเดียว ต้องเป็นยอดฝีมือแบบไหนกันนะถึงจะทำแบบนี้ได้?

เย่จิ่งหานสีหน้าซีดเซียว

ชิงเฟิงกลืนน้ำลายเอื๊อก พูดอย่างตกใจว่า “นี่น่าจะเป็นฝีมือของยอดฝีมือระดับเจ็ด บนโลกนี้นอกจากหัวหน้าเผ่าเทียนเฟิ่นแล้ว ยังมียอดฝีมือระดับเจ็ดอยู่อีกเหรอ?”

ผู้อาวุโสหกรีบวิ่งมา เห็นภาพตรงหน้า แทบจะเป็นลมล้มลงไป

“ทำไม…ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้ เหล่าไป๋ เหล่าเฮย เหล่าเหยียน…คุณพระ ทำไมถึงตายกันหมดแล้วล่ะ”

เย่จิ่งหานรีบวิ่งเข้าไปในเผ่าอย่างรวดเร็ว