บทที่ 1473 ได้ของดีมาแล้ว Ink Stone_Fantasy
ความวุ่นวายตรงหน้าจบลงแล้ว เฮยทั่นกระโดดลงจากเนินกรวดทรายสูงโดยไม่ขออนุญาต วิ่งมาที่หน้าหลุมลึกหลุมนั้นแล้วกระโดดลงไป
ครั้งนี้เหมียวอี้ไม่ได้ห้าม รู้แล้วว่าเฮยทั่นจะไปทำอะไร เจ้าสัตว์ที่ตะกละตัวนี้จะต้องเอาแต่คิดถึงไข่มุกวิญญาณอาฆาตของเก้าคนนั้นแน่นอย
ครั้งนี้ดวงดีพอสมควร เฮยทั่นเจอไข่มุกวิญญาณอาฆาตสี่เม็ดที่ยังไม่โดนเผาทำลายแล้ว จากนั้นก็เห็นเหมียวอี้กระโดดลงมาเก็บของที่เก้าคนนั้นทิ้งไว้อีก
เมื่อปิดปากหวังกงแล้ว เหมียวอี้ก็สบายใจแล้วเช่นกัน ตอนนี้ไม่รีบเดินทางแล้ว
เหมียวอี้อยู่ในหลุมลึกและนำของที่ได้จากคนพวกนี้รวมทั้งหวังกงและจิ้งหูเหนียงเหนียงออกมานับและจัดระเบียบ สำหรับเหมียวอี้ ของพวกนี้ไม่นับว่ามีมูลค่าสูงเท่าไรนัก ไม่มีทั้งลูกแก้วพลังปรารถนา ไม่มีทั้งของประเภทยาแก่นเซียน นอกจากเกราะรบบนตัวหวังกง ก็ไม่มีของอะไรที่ทำให้เหมียวอี้ชายตาแลได้เลย
แต่ก็ค้นเจอไข่มุกบนตัวคนพวกนี้ไม่น้อยเลย มีไข่มุกวิญญาณอาฆาต ไข่มุกวิญญาณเหี้ยมโหด ไข่มุกวิญญาณมรณะและไข่มุกวิญญาณสังหาร เหมียวอี้โยนไข่มุกสามชนิดหลังให้เฮยทั่นทดสอบดู และเฮยทั่นก็ไม่ถือสาอะไรเลยอย่างที่คาดไว้ มันตวัดลิ้นกลืนลงท้องเม็ดแล้วเม็ดเล่า กินแบบไม่กลัวปวดท้องเลยสักนิด กินหมดแล้วก็ยังมองเม็ดที่เหลือในมือเหมียวอี้ตาปริบๆ
เดิมทีเหมียวอี้อยากจะโยนไปให้เฮยทั่นพร้อมกันเลย แต่ก็รู้สึกว่าของพวกนี้อาจจะมีประโยชน์ ถึงได้หยิบกระจกทองแดงบานนั้นออกมา โยนลูกน้องของหวังกงที่โดนขังอยู่ข้างในออกมา
พอคนคนนั้นโผล่หน้าออกมา แล้วเห็นอาวุธกับเกราะรบของหวังกงวางอยู่บนพื้น เขาก็ตกใจทันที มองเหมียวอี้ด้วยสีหน้าตกใจกลัว พลางถามอย่างประหลาดใจสงสัยว่า “ท่านสังหารประมุขค่ายของพวกเราเหรอ?”
เหมียวอี้พยักหน้า “เขามารนหาที่ตายกับข้าเอง จะให้ข้าปล่อยเขาไปรึไง? หวังกงตายไปแล้ว เจ้าจะยอมสวามิภักดิ์ต่อข้ารึเปล่า?”
ข้ามีทางเลือกรึไงล่ะ? คนคนนั้นถอนหายใจ นึกไม่ถึงว่าแม้แต่หวังกงก็ตายแล้วเหมือนกัน จึงยิ้มอย่างขื่นขมพร้อมบอกว่า “ข้าน้อยยอมแล้ว!”
“เจ้าชื่ออะไร?” เหมียวอี้ถาม
คนคนนั้นตอบอย่างห่อเหี่ยวนิดหน่อยว่า “ผู้น้อยย่วนต๋า”
“ย่วนต๋า…” เหมียวอี้จดจำชื่อนี้ไว้ แล้วกำไข่มุกวิญญาณสีต่างๆ ออกมา พร้อมถามว่า “ข้าถามเจ้าหน่อย นอกจากของประเภทไข่มุกวิญญาณอาฆาตพวกนี้จะช่วยเสริมวรยุทธ์ให้พวกเจ้าแล้ว ยังมีประโยชน์อะไรอย่างอื่นอีก?”
ย่วนต๋าถอนหายใจแล้วตอบว่า “ตอบนายท่าน ก็ย่อมใาเพื่อเติมพลังงานลงในอาวุธอยู่แล้ว อยู่ในนี้เทียบกับข้างนอกไม่ได้หรอก ไม่มีปัจจัยและทรัพยากรในการหลอมสร้างเครื่องมืออาวุธ เครื่องมือทั้งหมดล้วนเป็นของผู้บุกรุกที่โดนฆ่า ตั้งแต่ตำหนักสวรรค์ปิดล้อมที่นี่เอาไว้ ก็ตัดขาดแหล่งทรัพยากรในการทำเครื่องมือแล้ว กอปรกับโดนตำหนักสวรรค์กวาดล้างสองครั้ง เครื่องมือที่ทิ้งไว้ในแดนมรณะดึกดำบรรพ์ก็มีไม่เยอะแล้ว เช่นเดียวกัน โดนตัดขาดแหล่งทรัพยากรยาเจี๋ยตันจากภายนอกที่จะใช้เติมพลังงานให้อาวุธเครื่องมือ ทำได้เพียงใช้ไข่มุกวิญญาณมาเติมพลังงาน แต่เมื่อเทียบกันแล้ว ใช้ไข่มุกวิญญาณก็มีข้อดีเหมือนกัน นายท่านเคยประมือกับพวกเราแล้ว คาดว่าคงรู้ว่าโดยทั่วไปแล้วไม่สามารถฆ่าพวกเราให้ตายได้โดยตรง”
เหมียวอี้งงนิดหน่อย ชูไข่มุกวิญญาณที่รองอยู่ในฝ่ามือขึ้นมา แล้วถามหยั่งเชิงว่า “ฟังจากที่เจ้าบอก หรือว่าต้องใช้ไข่มุกวิญญาณพวกนี้ถึงจะฆ่าพวกเจ้าให้ตายได้?”
ย่วนต๋าส่ายหน้า “ไม่ใช่ว่าไข่มุกวิญญาณทุกชนิดจะใช้ได้ผล ยกตัวอย่างเช่น ถ้าใช้ไข่มุกวิญญาณอาฆาตสู้กับร่างวิญญาณอาฆาตอย่างพวกเรา ก็จะไม่ได้ผล ไม่มีผลในการข่มกัน ไข่มุกวิญญาณทั้งสี่ชนิดมีบทบาทในการข่มกัน ถ้าใช้อาวุธไข่มุกวิญญาณต่างชนิดกันมาทำร้ายพวกเรา ก็จะเหมือนน้ำใสที่มีน้ำเสียเข้าไปปะปน จะสร้างความเสียหายให้พวกเราไม่น้อยเลย ถ้าอยากให้ร่างกายฟื้นตัวกลับมา ก็จะต้องกวาดล้างสิ่งเจือปนให้สะอาดก่อน ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้ ถ้าใช้ไข่มุกวิญญาณที่มีฤทธิ์ข่มกันมาโจมตีจุดสำคัญของพวกเรา ก็เหมือนมนุษย์อย่างพวกเจ้าที่โดนโจมตีจุดสำคัญ อันตรายถึงชีวิตได้เหมือนกัน”
เหมียวอี้เข้าใจในทันที พยักหน้าซ้ำๆ “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง!”
“อาวุธไข่มุกวิญญาณจะสร้างความเสียหายให้นักพรตชนิดอื่นได้มากกว่า” ย่วนต๋ากล่าวเสริม
เหมียวอี้พยักหน้า แสดงออกว่าเข้าใจแล้ว นี่คือเรื่องธรรมชาติ สมมติว่าในอาวุธชิ้นหนึ่งผสมพลังของไข่มุกวิญญาณ หากโดนมันทำร้ายขึ้นมา แค่คิดก็รู้แล้วว่าผลจากการโดนปราณชั่วร้ายซึมเข้าร่างกายเป็นอย่างไร คาดว่าผลคงไม่ต่างจากปราณปีศาจโลหิตสักเท่าไร
พอนึกถึงตรงนี้ เหมียวอี้ก็คว้าทวนเกล็ดย้อนขึ้นมาสะบัดกลางอากาศ บนตัวทวนมีปราณปีศาจโลหิตลอยขึ้นมาจางๆ ทันที จากนั้นก็ชี้ไปที่ย่วนต๋า แล้วถามว่า “ปราณปีศาจโลหิตในทวนนี้ทำร้ายเจ้าได้หรือเปล่า?”
ย่วนต๋าตกใจจนจิตใต้สำนึกสั่งให้ถอยหลัง นึกไม่ถึงว่าในทวนของเหมียวอี้จะมีสิ่งนี้อยู่ เขาพยักหน้าบอกว่า “ย่อมทำร้ายได้อยู่แล้ว แต่เกรงว่าเมื่อสู้กับร่างของวิญญาณเหี้ยมโหดจะไม่ได้ผลอะไร”
เหมียวอี้เข้าใจ ปราณปีศาจโลหิตก็เป็นเพียงดีบัวในยาเม็ดโลหิต ปราณปีศาจโลหิตที่อยู่ในยาเม็ดโลหิตย่อมไม่เข้มข้นเท่าปราณชั่วร้ายในร่างของวิญญาณชั่วร้ายที่เกิดขึ้นการจากฝึกตนอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสาขาย่อยของปราณเหี้ยมโหดอย่างปราณโลหิตเลย ย่อมข่มปราณเหี้ยมโหดบริสุทธิ์แท้ในร่างของวิญญาณเหี้ยมโหดไม่ได้อยู่แล้ว
พอมองดูไข่มุกวิญญาณสี่สีในฝ่ามือ ในใจก็รู้สึกเสียดายอยู่บ้าง เขาไม่สามารถร่ายอิทธิฤทธิ์ควบคุมสิ่งนี้ได้โดยตรง ไม่อย่างนั้นก็สามารถใส่เข้าไปในทวนเกล็ดย้อนเพื่อใช้งานได้โดยตรงแล้ว เป็นเพราะเดิมทีในทวนเกล็ดย้อนมีช่องว่างห้าช่องที่เยารั่วเซียนหลอมสร้างสำรองไว้สำหรับควบคุมยอดผลึกห้าธาตุ เกราะรบบนตัวเขาก็ทำแหล่งสำรองเอาไว้เช่นเดียวกัน
แน่นอน ไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีประโยชนอะไรเลย อาวุธอย่างอื่นสามารถกลืนกินพลังงานของไข่มุกวิญญาณได้ ทวนเกล็ดย้อนของเขาก็สามารถทำได้เช่นกัน แค่ประสิทธิภาพคงไม่ต่างอะไรกับปราณปีศาจโลหิตที่อยู่ในทวน สามารถสู้กับร่างของวิญญาณชั่วร้ายทั้งสามชนิดได้เช่นกัน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเอามาใช้แทนที่
เพียงแต่มีของสิ่งหนึ่งที่สามารถนำมาใช้ทดลองได้ เขาเก็บทวนเกล็ดย้อน พอโบกมือหนึ่งครั้ง ลูกธนูดาวตกหกดอกก็เรียงแถวหน้ากระดาน ลอยอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
ทำไมถึงมีลูกธนูดาวตกหกดอกน่ะเหรอ? ก็เป็นเพราะเขามีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์สองคันไง ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งคันใช้ลูกธนูได้สามดอก ตอนนี้ก็ย่อมมีลูกธนูดาวตกหกดอกอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะกังวลว่าบนตัวจะมีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เยอะเกินไปแล้วโดนตรวจเจอ อย่าว่าแต่ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์สองคันเลย ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งหมื่นคันเขาก็มี
พอย่วนต๋าที่ยืนอย่างเคารพนอบน้อมอยู่ข้างๆ เห็นลูกธนูดาวตกหกดอก สีหน้าก็กระตุกอย่างรุนแรงครู่หนึ่ง พอจะเดาออกแล้วว่าเหมียวอี้ต้องการจะทำอะไร
“พอดีเลย ลูกธนูดาวตกของข้าใช้ไปหลายครั้งแล้ว ต้องการเติมพลังงานพอดีเลย เติมไข่มุกวิญญาณไปก็ไม่น่าจะมีปัญหาใช่มั้ย?” เหมียวอี้เหล่มองย่วนต๋าพร้อมเอ่ยถาม
ย่วนต๋าพยักหน้าตอบด้วยสีหน้าแข็งทื่อ “ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ของนายท่านก็จะต้องแข็งแกร่งกว่าเดิมแน่นอน”
“ข้าก็คิดแบบนี้เหมือนกัน” เหมียวอี้ขานตอบ แล้วเลือกไข่มุกวิญญาณที่มีระดับค่อนข้างสูง หยิบลูกธนูดาวตกหนึ่งดอกมาร่ายอิทธิฤทธิ์เติมพลังงาน เติมไข่มุกวิญญาณเม็ดนั้นใส่เข้าไป ให้ลูกธนูดาวตกกลืนกินพลังงาน
เขาเลือกไข่มุกวิญญาณสี่ชนิด เติมพลังงานใส่ลูกธนูดาวตกสี่ดอก ส่วนลูกธนูดาวตกอีกสองดอกที่เหลือก็เลือกไข่มุกวิญญาณอีกสองชนิดใส่เข้าไปแบบส่งเดช
หลังจากทำเสร็จแล้ว เหมียวอี้ก็ยิ้มอย่างปีติยินดี “ตอนนี้ก็ดีเลย ไม่ว่าจะเจอวิญญาณชั่วร้ายชนิดไหน ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ของข้าก็รับมือได้ทั้งนั้น”
เขาเอียงหน้ามองเฮยทั่นที่กำลังมองตาปริบๆ คิดในใจว่า จะให้มันกินตะกละอีกไม่ได้แล้ว ถ้าสามารถออกไปจากแดนมรณะดึกดำบรรพ์ได้ ก็จะต้องเอาไข่มุกวิญญาณออกไปเยอะๆ หน่อย ต่อไปถ้าใครกล้ามาพาลหาเรื่อง ก็จะให้เขาได้ลิ้มรสลูกธนูของข้า
“ใช่แล้ว!” ย่วนต๋ายิ้มแห้ง แต่ในใจกลับรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อาศัยอานุภาพของลูกธนูดาวตกนี้บวกกับไข่มุกวิญญาณสี่ชนิด ถ้าโดนโจมตีขึ้นมา ผลจะเป็นอย่างไรก็จินตนาการได้ไม่ยากเลย
ลูกธนูห้าดอกถูกเก็บไปแล้ว เหมียวอี้คว้าธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ออกมาหนึ่งคัน นำลูกธนูที่ใส่วิญญาณสังหาตั้งไว้บนสาย แล้วก็ง้างสายออก ขณะที่มีลำแสงไหลเวียน บนตัวลูกธนูก็มีปราณสังหารสีเลือดลอยวนเวียน พอหันตัวมา ปลายลูกธนูก็เล็งไปหาย่วนต๋าที่อยู่ข้างๆ แล้ว ทำให้ย่วนต๋าตกใจจนถอยหลังหลายก้าว “นายท่าน…”
เหมียวอี้หัวเราะทันที พอเห็นเขาหวาดกลัวแบบนี้ ก็แสดงว่าสิ่งที่เขาพูดไม่ใช่เรื่องโกหก สายธนูคลายลงอย่างช้าๆ ลำแสงหายไปแล้ว ปราณสังหารสีเลือดบนลูกธนูก็หายไปอย่างช้าๆ เช่นกัน เขาอดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้น “เดี๋ยวต่อไปถ้าเจอคนที่ไม่รู้จักกาลเทศะ ก็ต้องให้ลิ้มลองอานุภาพของมันสักหน่อย” พูดจบก็เก็บอาวุธในมือแล้ว ไม่ขู่อีกแล้ว
ย่วนต๋าตกใจจนชาวาบหนึ่งศีรษะ เขาถอนหายใจแรงๆ แล้วพูดคล้อยตามว่า “นายท่านพูดถูก ถ้าเจอพวกไม่รู้กาลเทศะก็ต้องสั่งสอนสักหน่อย”
“ฟึดฟัด!” เฮยทั่นทำเสียงฟึดฟัด แล้วพูดดูถูกว่า “มีลักษณะของสวีถังหรานนี่นา!”
ย่วนต๋างุนงง ไม่รู้ว่าสวีถังหรานที่มันพูดถึงคือใคร
เหมียวอี้เหล่ตามองเฮยทั่นแวบหนึ่ง รู้ว่าเฮยทั่นกำลังด่าย่วนต๋าว่าขี้ประจบ การประจบสอพลอของสวีถังหรานนั้น ขอเพียงเป็นคนที่อยู่ข้างกายเหมียวอี้ สวีถังหรานก็จะไม่มองข้ามเลย รวมทั้งสัตว์พาหนะของเหมียวอี้ด้วย พอเห็นเฮยทั่นสวีถังหรานก็จะหรี่ตายิ้มพร้อมเรียกว่า ‘พี่เฮย’ หลังจากรู้ว่าเฮยทั่นชอบกินสัตว์น้ำ ก็หามาให้ทุกวันไม่ขาดมือเลย
เหมียวอี้ไม่จำเป็นต้องอธิบายว่าสวีถังหรานคือใคร “เอาล่ะ คุยธุระสำคัญกันเถอะ ก่อนหน้านี้ยังมีเรื่องที่ข้ายังไม่ได้ถามเจ้าให้ละเอียด ตำแหน่งของถ้ำมังกรรังหงส์นั่นอยู่ตรงไหน?”
ย่วนต๋ากุมหมัดตอบ “ข้าไม่เคยไปถ้ำมังกรรังหงส์ ตำแหน่งโดยละเอียดข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ทิศทางคร่าวๆ ก็คือทางที่บอกนายท่านไว้ก่อนหน้านี้”
“สถานที่ตั้งอยู่ตรงไหน เจ้าก็ต้องรู้สิ?” เหมียวอี้ถาม
ย่วนต๋าพยักหน้า “ข้ารู้ ถ้ำมังกรตั้งอยู่ที่ ‘หุบเขาฟ้าไม่ดับสูญ’ ส่วนรังหงส์ตั้งอยู่ที่ ‘ทุ่งน้ำแข็งโบราณ'”
“หุบเขาฟ้าไม่ดับสูญ…ทุ่งน้ำแข็งโบราณ…” เหมียวอี้พึมพำ จดจำสองชื่อนี้เอาไว้แล้ว
ย่วนต๋าอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ จึงถามหยั่งเชิงว่า “นายท่านจะไปทำอะไรที่ถ้ำมังกรรังหงส์?” เขามองออกว่าเหมียวอี้ไม่ใช่คนของแดนมรณะดึกดำบรรพ์เลย ชัดเจนว่าเป็นนักพรตที่มาจากข้างนอก กายหยาบที่มีเลือดเนื้อนี้ทำให้เขาใจสั่นหวั่นไหวอยู่บ้าง แต่เขารู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมียวอี้ ถ้าไม่อยากตายก็ต้องว่านอนสอนง่ายหน่อย
เช่นเดียวกัน เขาเองก็เข้าใจว่าทำไมหวังกงต้องการจะจับตัวเหมียวอี้แต่ไม่ยอมพาคนมาด้วยเยอะๆ ถึงขั้นฆ่าสาวใช้พวกนั้นหมดด้วยข้อหา ‘ปกป้องเหนียงเหนียงไม่ดี’ ที่แท้ก็มีจุดประสงค์แบบนี้นี่เอง เกรงว่าถ้าให้หวังกงบรรลุเป้าหมายแล้วจริงๆ ตนก็รอดชีวิตกลับไปไม่ได้อยู่ดี
เหมียวอี้ไม่ได้อธิบายว่าเพราะอะไร แต่หยิบกระจกทองแดงออกมา หลังจากร่ายอิทธิฤทธิ์ให้กระจกขายใหญ่ ก็เอียงหน้าบอกใบ้ย่วนต๋า
ย่วนต๋าเข้าใจสิ่งที่เขาสื่อ รู้สึกจนใจพอสมควร ได้แต่กระโดดเข้าไปแต่โดยดี หายเข้าไปในกระจกแล้ว
กระจกทองแดงหดเล็กลง เหมียวอี้เก็บเอาไว้ จากนั้นคว้าทวนเกล็ดย้อนไว้ในมือ กระโดดขึ้นขี่หลังเฮยทั่น พอใช้สองเท้าเหยียบบนกรวยแหลมสองข้างที่เกราะรบของเฮยทั่น เฮยทั่นก็กระโจนออกจากหลุมทันที แล้ววิ่งตะบึงต่อไปยังจุดลึกที่เวิ้งว้าง
บนทะเลทรายหินมีสภาพพื้นที่สูงต่ำไม่เสมอกันและไม่ใหญ่ ลักษณะพื้นที่กว้างโล่งเกินไป ปราณชั่วร้ายรวมตัวกันได้ยาก โดนลมพัดกระจายตัวได้ง่าย ย่อมดึงดูดวิญญาณชั่วร้ายไม่ได้เช่นกัน เพราะเหตุนี้หนทางจึงราบรื่น
หลังจากเดินทางไปได้อีกเกือบครึ่งวัน เฮยทั่นที่วิ่งตะบึงไม่หยุดพักก็ผ่อนฝีเท้าให้ช้าลง จากนั้นก็ค่อยๆ หยุด แล้วทอดสายตามองไปข้างหน้าพร้อมเหมียวอี้ ในที่สุดก็มาถึงบริเวณชายขอบของทะเลทรายหินแล้ว
ที่แปลกก็คือ ไม่น่าเชื่อว่าตรงหน้าจะเป็น ‘แดนสีเขียว’ ที่ดำทะมึนผืนหนึ่ง มีทุ่งหญ้าปรากฏให้เห็นแล้ว ด้านหลังทุ่งหญ้าเป็นป่าผืนใหญ่
พืชพรรณที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์โดนปราณชั่วร้ายทำลายหมดแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าตรงหน้าจะมีทุ่งหญ้าและป่าไม้ เป็นเรื่องประหลาดเหมือนเจอผีตอนกลางวันแสกๆ ทั้งยังเป็นทุ่งหญ้าและป่าสีดำด้วย ขนาดเฮยทั่นยังมองออกเลยว่ามีปัญหา “น่าจะถึงอาณาเขตของอั้นโยวหลินแล้วนะ จะทำยังไงดี?”
“จะสนทำไมว่าเป็นอาณาเขตของใคร พุ่งเข้าไปเลย ถ้าพุ่งเข้าไปไม่ได้ก็สังหารเข้าไป พ่อเป็นขุนนางตำหนักสวรรค์ผู้สง่าผ่าเผย สถานที่เส็งเคร็งแบบนี้ข้าไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น ไป!” เหมียวอี้แสยะยิ้มพลางโบกทวนชี้ไปข้างหน้า บอกใบ้ว่าเฮยทั่นไม่ต้องสนใจ พุ่งไปอย่างเดียวก็พอ
…………………………