เฉินโม่จะไปเหลียวตง ผ่านยานจิงพอดี
“ได้ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลย!”
แม้ว่าเจียงเหอซานจะไม่ได้พูดอะไรในสาย แต่เฉินโม่รับรู้ได้ว่าบางทีมันอาจจะเกิดเรื่องอะไรที่ไม่ดี
เฉินโม่มาถึงยานจิงตอนสี่ทุ่มของคืนวันนั้นเลย เมื่อออกมาจากสถานีรถไฟความเร็วสูง เจียงเหอซานได้ส่งรถมารอรับเฉินโม่อยู่แล้ว
คนขับเป็นคนขับประจำของเจียงเหอซาน ชื่อเสี่ยวลิ่ว
เฉินโม่นั่งอยู่ด้านหลัง มองเสี่ยวลิ่วแล้วถาม “โส่วจ่างยังไม่นอนเหรอ?”
เสี่ยวลิ่วสตาร์ทรถ แล้วพูด “ยังเลยครับ รอคุณอยู่ครับ”
เฉินโม่พูดในใจ “ดูท่าเรื่องจะไม่เล็ก!”
เสี่ยวลิ่วขับรถพาเฉินโม่มาส่งที่รัฐสภา ไม่ได้ไปที่ฐานทัพของหน่วยรบพิเศษเทพอินทรี
เจียงเหอซานออกมาต้อนรับเฉินโม่ที่ประตูด้วยตัวเอง
เมื่อลงรถ เฉินโม่ก็เห็นเจียงเหอซาน เฉินโม่ยิ้มกล่าว “ลำบากโส่วจ่างแล้ว!”
เจียงเหอซานพูดเสียงต่ำ “ไปเถอะ ผู้บังคับบัญชารอนายนานแล้ว!”
ลานสวนที่เงียบสงบ ด้านในห้อง ผู้บังคับบัญชากำลังนั่งดื่มชาอยู่ตรงเก้าอี้ ไอระเหยที่ร้อนทำให้คิ้วขมวด สิ่งที่สามารถทำให้คนอย่างผู้บังคับบัญชาขมวดคิ้วได้ แค่คิดก็รู้ว่ามันต้องเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“ท่านครับ เฉินโม่มาแล้ว!” เจียงเหอซานพาเฉินโม่เข้ามา กล่าวอย่างเสียงเบา
“นั่งเถอะ!” ผู้บังคับบัญชาวางแก้วชาลง มองไปทางเฉินโม่ยิ้มพร้อมกับพูด
เฉินโม่ก็ไม่ได้เกรงใจ นั่งลงตรงหน้าของเจียงเหอซาน
เฉินโม่มองไปทางผู้บังคับบัญชาแล้วถามขึ้น “ไม่ทราบว่าที่ท่านเรียกผมนั้นมามีเรื่องอะไรครับ?”
ผู้บังคับบัญชามองไปทางเจียงเหอซาน “ท่านเจียง ท่านเป็นคนพูดเถอะ!”
เจียงเหอซานคารวะแล้วกล่าว “ครับ!”
เจียงเหอซานหันหน้ามองไปยังเฉินโม่ แล้วพูดอย่างจริงจัง “เชื่อว่านายก็คงได้ยินมาแล้ว เรื่องโลกบู๊โบราณที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และพวกนักบู๊ของโลกบู๊โบราณไม่ยอมอยู่ภายใต้ข้อจำกัดใดๆเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ลำบากมาก นายคงเคยได้ยินคำพูดหนึ่งที่ว่าใช้การลงโทษที่รุนแรงเพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่วุ่นวายได้ดีขึ้น ฉันหวังว่าถ้าหากนายเจอคนของโลกบู๊โบราณ ให้ลงมือเด็ดขาดหน่อย เพื่อยับยั้งพวกเขาให้กลัว!”
เฉินโม่พยักหน้า “ข้อนี้ไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตามต้องให้พวกเขาก่อกวนผมก่อน ถ้าหากพวกเขาไม่ได้หาเรื่องผม ผมทำไมต้องไปฆ่าพวกเขา?”
“โส่วจ้างเรียกผมมา ไม่ใช่แค่ต้องการพูดเรื่องนี้กับผมมั้ง?” เฉินโม่มองเจียงเหอซานแล้วถาม
“ไม่ใช่อย่างแน่นอน” เจียงเหอซานจ้องเฉินโม่แล้วกล่าว “ครั้งนี้ที่เรียกนายมา สิ่งสำคัญคือจะบอกทั้งข่าวดีและข่าวร้ายกับนาย นายอยากฟังอันไหนก่อน?”
เฉินโม่หัวเราะพูด “งั้นก็ฟังข่าวดีก่อนละกัน!”
เจียงเหอซานกล่าว “ข่าวดีก็คือตอนนี้นายได้กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกแล้ว นายขึ้นอันดับของนักล่าอันดับหนึ่ง นายรู้สึกเป็นเกียรติมั้ย?”
“ชาร์ตอันดับนักล่า?” เฉินโม่มองเจียงเหอซานอย่างไม่เข้าใจ รอฟังคำอธิบายจากเขา
เจียงเหอซานกล่าว ชาร์ตอันดับนักล่ามาจากอันดับนักล่าขององค์กรนักฆ่าอันดับหนึ่งของโลก เป็นรายชื่อที่ประกาศโดยองค์กรเทพมรณะ ไม่ว่าใครก็ตามที่ขึ้นชาร์ตไปแล้ว ล้วนเป็นคนที่ได้รางวัลมากที่สุด และก็เป็นบุคคลที่แต่ละประเทศต้องการฆ่ามากที่สุด เมื่อก่อนนักล่าอันดับหนึ่งคือหยางติ่งเทียน ตั้งแต่ที่นายกลับจากสมรภูมิห้าประเทศ ที่หนึ่งก็ได้กลายเป็นของนายไปแล้ว
เฉินโม่หัวเราะกล่าว “พวกเขาก็ช่างยกย่องผมเกินไปแล้ว ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก!”
เจียงเหอซานถลึงตาใส่เฉินโม่ไปหนึ่งที “ก็รู้ว่านายต้องพูดแบบนี้ ผู้บังคับบัญชาคาดการณ์ได้แม่นมาก!”
“อ่อ ดูเหมือนท่านผู้บังคับบัญชาจะเข้าใจผมอย่างมากเลย!” เฉินโม่มองไปทางท่าน ยิ้มพร้อมกับพูด
ผู้บังคับบัญชายิ้มๆ พูดกำชับ “นายอย่าไปดูถูกอันดับนักล่านี้นะ ความสามารถขององค์กรเทพมรณะนั้นไม่สามารถที่จะคาดเดาได้ เมื่อก่อนพวกเขาเคยฆ่าผู้แข็งแกร่งแดนเทพของหัวเซี่ยมาแล้ว!”
เฉินโม่หรี่ตาลง “เคยฆ่าผู้แข็งแกร่งแดนเทพ? ดูเหมือนองค์กรเทพมรณะก็พอมีความสามารถอยู่นะ!”
เจียงเหอซานกล่าว “ดังนั้นเมื่อเรารู้ว่านายได้ขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งของนักล่านั้น ก็รีบแจ้งนายทันที ต่อไปนี้นายต้องระวังตัวแล้ว”