ตอนที่ 2025

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,025 : ไร้คุณสมบัติ!

 

 

 

“หากกระทั่งศิษย์ดาษๆที่มีเพียงพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองสามารถเข้าร่วมกับหอคุมกฏของพวกเราได้…ยามเมื่อเรื่องนี้แพร่ออกไป ผู้คนยังไม่คิดว่าหอคุมกฏของพวกเราสิ้นไร้ไม้ตอกถึงขั้นต้องรับแมวสุนัขมาเข้าร่วมแล้วหรอกหรือ?”

 

ต่งหลินมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาหยันหยาม กล่าวประกาศออกมาเสียงดังหมายให้ทุกคนในวังชินหั่วได้ยินชัดๆ “ชื่อเสียงของหอคุมกฏของพวกเรา ไหนเลยจะยอมให้คนที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณใช้การมิได้เช่นเจ้าเข้ามาทำให้เสื่อมเสียได้!?”

 

“ยิ่งไปกว่านั้นหากข่าวเรื่องหอคุมกฏของพวกเรารับศิษย์ดาษๆที่มีรากวิญญาณสีเหลืองเช่นเจ้าเข้าร่วม ผู้คนไม่เอาไปพูดกันสนุกปากหรือไร ว่าลัทธิบูชาไฟของพวกเราสิ้นไร้อัจฉริยะแล้วจริงๆ”

 

ฟังจากคำของต่งหลินก็เข้าใจได้ไม่ยาก

 

หอคุมกฏนั้นเพื่อรักษาชื่อเสียงและความศักดิ์สิทธิ์ จึงไม่ยอมรับคนที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลือง!

 

อีกทั้งมันกระทำเช่นนี้ไม่เพียงเพื่อรักษาชื่อเสียงหอคุมกฏอย่างเดียว ยังกระทำเพื่อรักษาชื่อเสียงของลัทธิบูชาไฟอีกด้วย!

 

“รากวิญญาณสีเหลือง? ศิษย์ดาษๆ?”

 

ต้วนหลิงเทียนเดิมคิดว่าต่งหลินจะมีเหตุผลเลิศเลอเหนือเมฆอะไร แต่เขาไม่คิดเลยจริงๆว่าเหตุผลของมันกลับเป็นอะไรที่โง่งมถึงขั้นเขาอยากหัวร่อให้ฟันหลุดแบบนี้!

 

แต่ไม่ใช่ว่าต่งหลินผู้นี้เป็นคนของหอคุมกฏหรือไง?

 

เป็นคนของหอคุมกฏแท้ๆ แล้วมันไปมุดหัวอยู่ที่ไหนมาถึงยังไม่รู้เรื่องที่เขามีรากวิญญาณสีน้ำเงินได้?

 

ต้วนหลิงเทียนเองก็อาจทราบเหตุผลที่แน่ชัดได้…

 

แต่เมื่อพิจารณาจากเรื่องราวทั้งทีท่าของต่งหลินในยามนี้ มันบอกให้เขารู้ชัดอย่างหนึ่ง…ต่งหลินนั่นมันยังไม่รู้เรื่องที่พรสวรรค์รากวิญญาณของเขาเป็นสีน้ำเงินจริงๆ! ไม่งั้นมันคงไม่หาข้ออ้างโง่ๆเช่นนี้มาหาเรื่องเขาให้ตัวเองอับอายขายหน้าทีหลังแน่นอน!!

 

หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เลิกสนใจต่งหลินค่อยหันไปสังเกตเฉินเผิงด้านหลัง จึงพบว่าอีกฝ่ายไม่เพียงเผยเจตนาฆ่าฟันในแวววตา กระทั่งยังแฝงความเย้ยหยันดูแคลน ระคนสะใจอยู่ไม่น้อย…

 

‘ไอ่เจ้าเฉินเผิงนี่มันก็ไม่รู้เหมือนกันงั้นเหรอว่าข้ามีรากวิญญาณสีน้ำเงิน?’

 

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนถึงกับอดอึ้งไปอีกรอบเสียไม่ได้

 

ตอนแรกก็มีศิษย์คนโตของหลี่อันอย่างเว่ยเหอคนนึงแล้วที่ไม่เชื่อว่าเขามีรากวิญญาณสีน้ำเงิน กระทั่งเว่ยเหอผู้นั้นถึงขั้นไปยื่นอุทธรณ์ฟ้องร้องต่อหอคุมกฏกล่าวโทษอาวุโสคุมกฏ กัวฉง หมายรื้อคดีนี้ขึ้นมาใหม่

 

และเพราะเรื่องนั้น…สุดท้ายเว่ยเหอจึงถูกหอคุมกฏประหารชีวิตโทษฐานดูหมิ่น!!

 

ความตายของเว่ยเหอ ก็เสมือนการบอกหลี่อันให้รู้ชัดว่ารากวิญญาณของเขาเป็นสีน้ำเงินจริงๆ!

 

‘ดูเหมือนเฉินเผิงนี่มันจะไม่ได้หารือกับหลี่อันก่อนที่จะมาหาเรื่องข้า…หาไม่แล้วมันคงไม่ไปหาต่งหลินและให้มาเล่นงานข้าด้วยเหตุผลโง่ๆแบบนี้…’

 

ไม่ยากอะไรที่ต้วนหลิงเทียนจะเดาเรื่องนี้ได้ออก

 

‘นอกจากนี้ต่งหลินนั่นก็ไม่ได้รู้เลยว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าเป็นรากวิญญาณสีน้ำเงิน…ท่าทางกระทั่งคดีของเว่ยเหอ ที่หอคุมกฏของมันเป็นผู้ตัดสินแท้ๆ มันก็ไม่คิดจะไปสืบค้นให้กระจ่าง! หาไม่แล้วคงเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะไม่รู้ว่าข้ามีรากวิญญาณสีน้ำเงิน?’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวอย่างลับๆ

 

และความจริงก็เป็นอย่างที่ต้วนหลิงเทียนคิด

 

ต่งหลินกับเฉินเผิงล้วนไม่ทราบเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้มีรากวิญญาณสีเหลือง แต่เขามีรากวิญญาณสีน้ำเงินด้วยกันทั้งคู่!

 

เหตุผลที่ต่งหลินไม่ทราบว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนเป็นรากวิญญาณสีน้ำเงินนั้น เพราะมันพึ่งกลับมาจากข้างนอกเมื่อ 2-3 วันก่อน ดังนั้นมันจึงไม่ทันได้รู้เรื่องศิษย์พี่ใหญ่ของเฉินเผิงถูกหอคุมกฏตัดสินประหารชีวิต

 

หาไม่แล้วมันย่อมรู้ได้จากบันทึกสำนวนตัดสินคดีของหอคุมกฏทันที ว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนไม่ใช่สีเหลือง แต่เป็นสีน้ำเงิน!

 

สำหรับเฉินเผิงนั้น มันพึ่งออกจากการปิดด่านบ่มเพาะ

 

ทันทีที่มันออกมาจากการปิดด่านบ่มเพาะ มันก็ทราบจากสหายที่อยู่เกาะลอยข้างๆว่าศิษย์พี่ใหญ่ของมันเพราะต้วนหลิงเทียนโดยอ้อม หากแต่เหตุผลลงลึกอะไรสหายมันก็ไม่รู้

 

อีกทั้งในเวลาเดียวกันกับที่มันทราบข่าวนี้ มันก็ยังได้รับทราบจากสหายอีกว่าต้วนหลิงเทียนคนนั้นได้มาถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว และมาถึงไม่ทันไรก็สามารถฆ่าหยางเหวินได้ในการประลองเป็นตาย! กระทั่งยังกล้าตบหน้าเวินเยี่ยน อย่างอุกอาจโดยที่เวินเยี่ยนไม่กล้าแม้จะตอบโต้!!

 

มันตระหนักได้ทันทีว่า…

 

เป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะล้างแค้นให้ศิษย์พี่ใหญ่ด้วยพลังฝีมือของมันเอง!

 

ครู่ต่อมามันก็ได้รับทราบเรื่องราวความเป็นไปจากสหาย ว่าวันนั้นเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนคิดทำงานที่หอคุมกฏ จึงไปสอบถามเรื่องราวที่วังชินหั่ว สุดท้ายจึงไปมีเรื่องราวกับเวินเยี่ยน

 

พอมันได้ฟังมันก็ไม่รอช้าเร่งไปหาต่งหลินที่พึ่งกลับมาถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทันที ขอให้ต่งหลินช่วยหาทางตัดสิทธิ์ไม่ให้ต้วนหลิงเทียนเข้าทำงานที่หอคุมกฏ! ไม่มีเหตุผลใดอื่นมันคิดขัดขวางทุกสิ่งอย่างที่ต้วนหลิงเทียนอยากกระทำ!!

 

มันกับต่งหลินที่รวมหัวกัน สุดท้ายก็ตัดสินใจเล่นงานต้วนหลิงเทียนด้วยเรื่องที่พรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนเป็นเพียงรากวิญญาณสีเหลือง

 

ทั้งหมดจึงนำมาสู่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวังชินหั่วตอนนี้…

 

“หากอาวุโสต่งหลินใช้เหตุผลนี้ อันที่จริงก็นับว่าเป็นข้ออ้างที่ดี…สุดท้ายแล้วแต่ไหนแต่ไรคนในหอคุมกฏไม่ว่าจะชนชั้นจ้าวหอจนถึงเจ้าหน้าที่ระดับต่ำสุด ก็มิเคยมีคนที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองมาก่อนจริงๆ…”

 

ศิษย์ชั้นยอดในวังชินหั่วกล่าวพึมพำออกมา

 

พวกมันย่อมรู้ดีว่าต่งหลินเพียงหาข้ออ้างขัดขาต้วนหลิงเทียน เพียงแต่ข้ออ้างนี้ของมันก็ยากที่จะทำให้คนปฏิเสธได้

 

เพราะสุดท้ายแล้วพวกมันที่อยู่ในลัทธิบูชาไฟย่อมรู้เรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังดี ว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนเป็นเช่นไร ถึงแม้พรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนจะเป็นสีเหลืองก็ตามที

 

แต่ทว่าคนนอกย่อมไม่รู้จักต้วนหลิงเทียนเหมือนพวกมัน!

 

ในสายตาของคนนอก…

 

ย่อมเห็นกันแค่ หอคุมกฏของลัทิบูชาไฟไม่ทราบตกต่ำแล้วหรือไร ถึงขั้นที่สิ้นไร้ไม่ตอกกระทั่งคนที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองยังรับเข้าไปทำงานได้! เรื่องนี้ยังลุกลามไปถึงเรื่องที่ลัทธิบูชาไฟ…ใช่ไร้ศิษย์ใช้การได้แล้วหรือไม่อีกด้วย…!!

 

หากข่าวเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ไม่ว่าจะหอคุมกฏก็ดีลัทธิบูชาไฟก็ดี ล้วนต้องอับอายขายหน้าทั้งสิ้น!

 

“เหตุผลดังกล่าวย่อมมิอาจนำมาใช้ในกรณีนี้ได้…”

 

แน่นอนว่ายังมีเหล่าศิษย์ชั้นยอดไม่น้อยที่ยืนข้างต้วนหลิงเทียน

 

“พวกเจ้าก็รู้ว่าแม้วาจาของอาวุโสต่งหลินจะมีเหตุผล แต่กฏเป็นของตายผู้คนสิของเป็น! แม้ต้วนหลิงเทียนจะมีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลือง แต่พลังฝีมือยังเหนือกว่าอาวุโสเพลิงทองแดงด้วยซ้ำ! กระทั่งในบรรดาศิษย์ที่แท้จริงกว่า 9 ส่วนล้วนไม่อาจเทียบต้วนหลิงเทียนได้..!!”

 

“เช่นนั้นหากตัวตนที่มีพลังฝีมือขนาดนี้ยังไร้คุณสมบัติเข้าทำงานในหอคุมกฏ ข้าขอถามแล้วยังจะมีผู้ใดมีคุณสมบัติพอที่จะเข้าทำงานในหอคุมกฏ?”

 

เมื่อมีศิษย์ชั้นยอดกล่าวเหตุผลเรื่องนี้ออกมา  เหล่าศิษย์ชั้นยอดที่เห็นด้วยก็หันไปมองจ้องต่งหลินด้วยสายตาไม่พอใจทันที กระทั่งยังเผยความดูแคลนรังเกียจไม่น้อย เพราะคราวนี้นับว่าต่งหลินล้ำเส้นเกินไปแล้ว!

 

“ที่เจ้าพูดมามันก็ใช่…ทว่าเรื่องที่พรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนเป็นแค่รากวิญญาณสีเหลืองก็เป็นความจริง…พวกเราเป็นคนของลัทธิบูชาไฟย่อมรู้ตื้นลึกหนาบางและพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนกระจ่างดี ทว่าหากเรื่องราวนี้แพร่ออกไปภายนอกเล่า…ข้าเชื่อว่าผู้คน 9 ใน 10 ล้วนต้องมองอีกอย่าง!”

 

ศิษย์ชั้นยอดคนหนึ่งกล่าวขึ้น

 

“ถูกแล้ว เรื่องนี้หากแพร่ออกไปจริงๆ ต่อให้พวกเราจะป่าวประกาศไปว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนนั้นร้ายกาจจริงๆ…แต่มิแคล้วทุกคนต้องมองว่าพวกเราช่วยกันแก้ตัว! ยังทำให้ทุกคนมองว่าลัทธิบูชาไฟเราตกต่ำถึงขั้นต้องสร้างข่าวลือเหลวไหล!!”

 

“เป็นเช่นนั้นจริงๆ ดังนั้นต่อให้คราวนี้อาวุโสต่งหลินจงใจขัดขาต้วนหลิงเทียนมิให้เข้าทำงานที่หอคุมกฏด้วยข้ออ้างดังกล่าว แม้ต้วนหลิงเทียนจะไปยื่นฟ้องอาวุโสต่งหลินเรื่องใช้อำนาจโดยมิชอบ ทว่าทางหอคุมกฏที่ยึดถือเรื่องชื่อเสียงเป็นสำคัญ ย่อมไม่รับเรื่องเป็นแน่…”

 

“คราวนี้นับว่าอาวุโสต่งหลินจี้ได้ถูกจุดแล้วจริงๆ…แม้พวกเราจะรู้กันดีแก่ใจว่าทั้งหมดล้วนเป็นข้ออ้างเพื่อขัดขาต้วนหลิงเทียน แต่ก็มิอาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้…ผู้ใดใช้ให้ต้วนหลิงเทียนมีพรสวรรค์รากวิญญาณแค่เพียงรากวิญญาณสีเหลืองจริงๆเล่า…”

 

“นั่นสิ หากพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนไม่ใช่รากวิญญาณสีเหลือง ไหนเลยจะมีเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้…รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนนับว่าเป็นปัญหาที่ไม่อาจแก้จริงๆ…”

 

วังชินหั่วเริ่มอื้ออึงไปด้วยเสียงสนทนาถกความเห็นของเหล่าศิษย์อีกครั้ง

 

และในขณะที่กล่าวหลายคนก็อดไม่ได้ที่จะมองมายังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาสงสาร ก่อนที่จะส่ายหัวไปมาเบาๆ

 

“อย่างไรก็ตามแม้ต้วนหลิงเทียนจะมีพรสวรรค์รากวิญญาณเพียงแค่รากวิญญาณสีเหลือง แต่พลังฝีมือล้วนเป็นของจริง…กระทั่งต้วนหลิงเทียนผู้นี้ยังกล่าวได้ว่าสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของลัทธิบูชาไฟเรา วีรกรรมของมันถือว่าน่าตื่นตะลึงเป็นประวัติการณ์!!”

 

เหล่าศิษย์ชั้นยอดบางคนก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา

 

“เกรงว่าจะไม่ใช่แค่ประวัติศาสตร์ของลัทธิบูชาไฟเราหรอก…ต่อให้กวาดตามองทั่วทั้งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า น่ากลัวว่าตั้งแต่อดีตจวบจนวันนี้ คนอย่างต้วนหลิงเทียนก็ยังไม่เคยมีมาก่อน!!”

 

“ต้วนหลิงเทียนที่มีพรสววรรค์รากวิญญาณสีเหลือง ทว่าอาศัยพลังฝึกปรือเพียงเซียนปฐพีขั้นสูงสุด กลับแข็งแกร่งพอจะฆ่ายอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยน! กระทั่งมากพอจะสยบชนชั้นยอดฝีมือของขอบเขตเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยน! พลังฝีมือเช่นนี้สมควรมิเคยปรากฏมาก่อนในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!!”

 

“ครั้งนี้กล่าวได้ว่าฟ้าริษยาอัจฉริยะแล้วจริงๆ! สวรรค์ให้ต้วนหลิงเทียนมีไหวพริบปฏิภาณเลิศล้ำจนทำความเข้าใจเวทย์พลังได้อย่างน่ากลัว ขณะเดียวกันกลับส่งรากวิญญาณสีเหลืองมาให้…”

 

“รากวิญญาณสีเหลืองหากเป็นด้านนอกก็นับว่าพอใช้ได้ กระทั่งลัทธิบูชาไฟเรายังมีศิษย์ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองไม่น้อย! ข้าว่าไม่ควรยกเอามาเป็นเหตุผลจริงๆ!!”

 

……

 

แม้ต้วนหลิงเทียนจะมีรากวิญญาณสีเหลือง แต่ฟังจากเหล่าศิษย์ชั้นยอดที่กล่าวออกแล้ว เห็นชัดว่าหลายคนยังประทับใจในตัวเขาไม่น้อย ทว่าก็ไม่มีใครเรียกหาเขาอย่างเคารพ…

 

เพราะในสายตาของเหล่าศิษย์ชั้นยอดเหล่านี้ จะอย่างไรความสำเร็จของเขาก็มีขีดจำกัด

 

กระทั่งด่านพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียน พวกมันก็คิดว่าไม่พ้นคงต้องรั้งอยู่ในขอบเขตเซียนปฐพีไปจนวันตาย…

 

“ต้วนหลิงเทียน…”

 

ขณะเดียวกันนั้น ต่งหลินที่ฟังเสียงซุบซิบพอแล้วก็มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง วาจายังค่อนแคะเสียดสีนัก “ตอนนี้เจ้ากำลังคิดว่าข้าใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวอยู่อีกหรือไม่?”

 

ทีท่าของต่งหลินนั้นช่างถือดีและวางตัวสูงส่งนัก

 

ทำราวกับต้วนหลิงเทียนเป็นแค่มดปลวกที่มันจะเหยียบย่ำให้บี้แบนเมื่อไหร่ก็ได้

 

“เจ้ากำลังใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือไม่…ใจเจ้าสมควรรู้ดีกว่าใครไม่ใช่รึไง?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวเย้ยออกไปอย่างรังเกียจ

 

“ทำไม? ถึงตอนนี้เจ้ายังไม่ยินยอมพร้อมใจงั้นรึ?”

 

ใบหน้าต่งหลินเผยความขบขันไม่น้อย กล่าวคำเย้ยเยาะออกมาด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน “สิ่งที่ข้ากล่าวมีอันใดตรงไหนที่ยังมิชัดเจนบ้างเล่า? สุดท้ายเจ้ามันก็แค่ศิษย์ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลือง! หากศิษย์ดาษๆเช่นเจ้าเข้ามาทำงานในหอคุมกฏได้ ไม่เพียงแต่หอคุมกฏเราต้องอับอายขายหน้า กระทั่งลัทธิบูชาไฟยังต้องอับอายขายหน้าแล้ว!!”

 

“หรือเจ้าอยากยัดเยียดความอัปยศให้ลัทธิบูชาไฟต้องขายขี้หน้าประชาชีเพราะความเห็นแก่ตัวของเจ้า?”

 

วาจาประโยคสุดท้ายของต่งหลิน ยังผลักไสให้ต้วนหลิงเทียนไร้ทางไป เพราะถ้าหากเขายืนกรานไปต่อย่อมหมายความว่าเขาเต็มใจให้ลัทธิบูชาไฟเสื่อมเสียเพราะความเห็นแก่ตัว!

 

“เจ้าพล่ามจบรึยัง?”

 

หากแต่ไม่ว่าต่งหลินจะกล่าววาจาอะไรออกมา สีหน้าของต้วนหลิงเทียนยังคงความสงบไม่แปรเปลี่ยน คล้ายวาจาต่งหลินไม่อาจสร้างแรงกระเพื่อมใดๆให้อารมณ์เขาได้เลย

 

“อะไร? ข้าพล่ามจบแล้วจะทำไม? หรือเจ้ายังคิดจะแถว่าพลังฝีมือของเจ้าสูงส่งเหนือศิษย์ที่แท้จริงส่วนใหญ่อยู่อีก?”

 

เห็นว่าต้วนหลิงเทียนยังคงหน้านิ่งไม่แยแส ต่งหลินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขัดใจ เลือกกล่าวเย้ยออกมาอีกรอบ

 

“อย่าได้ลืมว่าคนนอกมิได้ล่วงรู้เรื่องราวดีเหมือนคนในลัทธิบูชาไฟเรา…คนนอกย่อมไม่มีวันเชื่อว่าอาศัยพรสวรรค์รากวิญญาณต่ำต้อยเยี่ยงรากวิญญาณสีเหลืองเช่นเจ้า จะมีพลังสามารถถึงขั้นติด 1 ใน 10 ทำเนียบยอดฝีมือศิษย์ที่แท้จริงของลัทธิบูชาไฟได้!!”

 

วาจาของต่งหลินนั้นฟังดูแล้วไร้ที่ตินัก

 

แน่นอนว่าคำ ‘ไร้ที่ติ’ ในที่นี้ต้องหมายความว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียน มันเป็นแค่รากวิญญาณสีเหลืองจริงๆซะก่อน!!