บทที่ 741 เป็นนางไปได้อย่างไร

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 741 เป็นนางไปได้อย่างไร

“ฮ่าฮ่าฮ่า คิดจะใช้ลูกไม้นี้กับข้าอย่างนั้นหรือ?”

หลินเป่ยเฉินมือหนึ่งถือกระบี่ อีกมือหนึ่งเท้าเอว กล่าวว่า “พวกเจ้าช่างอ่อนหัดยิ่งนัก อุ๊วะฮ่าฮ่าฮ่า”

ภาพมายาที่นางพญางูพิษสร้างขึ้นมาคือการสะกดจิตชนิดหนึ่ง

นี่จึงเป็นการต่อสู้ระหว่างพลังจิตของทั้งสองฝ่าย

เดิมทีนั้น หลินเป่ยเฉินมีพลังจิตเป็นรองนางพญางูพิษอยู่หลายส่วน

แต่นางพญางูพิษสะกดจิตเด็กหนุ่มด้วยความประมาทมากเกินไป

ปัจจุบันนี้ เขาไม่ใช่หนุ่มโอตาคุผู้เรียนรู้ทางทฤษฎีแต่ไม่เคยปฏิบัติอีกแล้ว อีกอย่าง ในโทรศัพท์มือถือของเขามีแอปสำหรับการทำสมาธิให้ใช้งาน รวมไปถึงเขายังผ่านการฝึกฝนจากเยว่เว่ยหยางทุกๆ คืนอีกหลายกระบวนท่า

แล้วการยั่วยวนจากนางพญางูพิษยังจะสามารถทำอะไรเขาได้อีกหรือ?

สำหรับหลินเป่ยเฉินตอนที่อยู่ในหมอกขาวเมื่อสักครู่ มันให้ความรู้สึกไม่ต่างจากการเปิดดูหนังผู้ใหญ่ 18+ แล้วได้รู้ว่าหนังเรื่องนี้ค่อนข้างธรรมดา ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นสักนิด

ภาพมายาของนางพญางูพิษจึงทำอะไรเขาไม่ได้

“มีฝีมือเพียงเท่านี้คิดแต่งตั้งตนเองเป็นราชันย์กับนางพญา แล้วเด็กหนุ่มที่เก่งกาจอย่างข้า ไม่ถือว่าเป็นโคตรเซียนเลยหรือไร?”

หลินเป่ยเฉินกระชับกระบี่ในมือและหัวเราะเยาะ “วันนี้ล่ะป้อมอสรพิษของพวกเจ้าจะกลายเป็นเพียงอดีตเท่านั้น… ฆ่าพวกมันให้หมด แม้แต่เป็ดไก่สักตัวก็อย่าให้มีเหลือรอด”

สองประโยคหลังเขาหันมาออกคำสั่งกับกองทัพทหารคนงานขุดเหมือง

เฉียนเหมยกับอู๋หงรับหน้าที่เป็นผู้นำการโจมตี

“ขัดขวางพวกมัน”

เมื่อนางพญางูพิษเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี นางก็ออกคำสั่งให้คนของป้อมอสรพิษเข้ามาคุ้มกัน

บรรดาผู้คุ้มกันตึกที่เหลืออยู่พุ่งทะยานเข้ามาปกป้องผู้เป็นประมุขทั้งสองท่าน

การต่อสู้เริ่มขึ้นอีกครั้ง

ทว่า ป้อมอสรพิษไม่ได้น่ากลัวเหมือนเดิมอีกแล้ว

ไม่ว่าพวกเขาจะมีประมุขป้อมน่ากลัวเพียงใด แต่ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะกอบกู้สถานการณ์กลับคืนมาได้อีก

หลินเป่ยเฉินถือกระบี่เดินมาข้างหน้า

“หยุดยั้งเขา…”

นางพญางูพิษกรีดร้องด้วยความแตกตื่น

ผู้คุ้มกันตึกที่มีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์รีบถลันกายเข้ามา แม้ตนเองจะบาดเจ็บก็ตาม

แต่ครั้งนี้ หลินเป่ยเฉินไม่ปราณีผู้ใดอีกแล้ว

กระบวนท่ากระบี่ที่หนึ่ง

กระบวนท่ากระบี่ที่สอง

กระบวนท่ากระบี่ที่สาม

กระบี่สายฟ้าในมือระเบิดแสงสว่างวูบวาบ

ตัวคนเคลื่อนไหวผ่านประกายไฟที่สาดกระจาย

หลินเป่ยเฉินเคลื่อนกายไปข้างหน้าด้วยความสง่างาม

ร่างกายของเขาพุ่งเป็นลำแสงผ่านกลุ่มผู้คุ้มกันตึกทั้งเจ็ดคน เมื่อเด็กหนุ่มหยุดชะงักยืนอยู่กับที่อีกครั้ง หลินเป่ยเฉินก็ค่อยๆ ลดกระบี่ลงมาด้วยท่าทางที่หล่อเหลาเป็นอย่างยิ่ง

ผู้คุ้มกันตึกทั้งเจ็ดที่สวมใส่ชุดเกราะสว่างไสวยืนตัวแข็งทื่อ ร่างกายของพวกเขายืนโงนเงน ต้องพยายามฝืนเต็มที่เพื่อไม่ให้ตนเองล้มลงไปบนพื้นดิน

“ใช้การไม่ได้”

หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

หลังจากนั้น กลุ่มผู้คุ้มกันทั้งเจ็ดก็ค่อยๆ ล้มลงไปนอนแน่นิ่งบนพื้นดิน ไม่ต่างไปจากต้นหญ้าที่ถูกคมเคียวเกี่ยวฟันในพริบตา

ทุกคนไม่รู้เลยว่าตนเองถูกฟันได้อย่างไร

พวกเขาเสียชีวิตโดยที่ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

แข็งแกร่งมากกว่าเดิมอีกหรือนี่!

เมื่อเห็นฝีมือของเด็กหนุ่ม ราชันย์งูพิษก็รู้สึกเย็นวาบไปถึงขั้วหัวใจ

เมื่อเทียบกับตอนที่ปะทะฝีมือกันเมื่อสักครู่ ตอนนั้นหลินเป่ยเฉินตั้งใจใช้กระบวนท่าที่แปลกประหลาดและจับจังหวะไม่ได้ แต่บัดนี้ ความน่ากลัวในวิชากระบี่ของเด็กหนุ่มเพิ่มมากกว่าเดิมถึงสองเท่า หากหลินเป่ยเฉินใช้รูปแบบการโจมตีเดียวกันนี้สู้กับเขา ราชันย์งูพิษก็ไม่แน่ใจเลยว่าตนเองจะสามารถรับมือได้หรือไม่!

“ศิษย์น้อง รีบอัญเชิญท่านผู้นั้นออกมาดีกว่า” ราชันย์งูพิษกัดฟันพูด “ขืนชักช้ากว่านี้พวกเราไม่รอดแน่”

นางพญางูพิษมีสีหน้าลังเลเล็กน้อย “แต่นางไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับที่นี่ หากนางเกิดรู้ว่าพวกเรากระทำเรื่อง…”

ราชันย์งูพิษคำรามว่า “เจ้าเลือกเอาแล้วกันว่าอยากตายตอนนี้ หรืออยากจะกลับไปรับโทษทีหลัง”

“ประเสริฐ”

นางพญางูพิษกัดฟันกรอดเช่นกัน รู้ดีว่าตนเองไม่มีทางเลือกอีกแล้ว “งั้นท่านพี่ช่วยยื้อเวลาให้ข้าด้วย…”

หญิงสาวถอยไปยืนอยู่ด้านหลังอย่างรวดเร็ว

ราชันย์งูพิษมีความเดือดดาลในแววตา แต่เขาก็ยังกัดฟันหยิบกระบี่คู่กาย โคจรพลังปราณธาตุสายฟ้าและถลันกายเข้ามารับมือหลินเป่ยเฉิน

“กระบวนท่ากระบี่ที่เจ็ด”

“กระบวนท่ากระบี่ที่หก”

ยังคงเป็นรูปแบบการโจมตีที่จับจังหวะยากดังเดิม กระแสลมปั่นป่วนรุนแรง คมกระบี่สาดประกายวูบวาบ

แล้วฝ่ามือก็ถูกกระแทกเข้ามา

ราชันย์งูพิษลอยกระเด็นกลับออกไปอีกครั้ง

การเคลื่อนไหวของกระบี่ในมือหลินเป่ยเฉินอยู่นอกเหนือการคาดเดา อีกทั้งเด็กหนุ่มยังมีร่างกายแข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อ

“กระบวนท่ากระบี่ที่แปด”

ครั้งนี้ หลินเป่ยเฉินไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามได้หนีรอดอีกต่อไป

กระบี่สายฟ้าสาดประกายระยิบระยับ

คุกคามเข้าไปอย่างเร่งร้อน

ร่างของราชันย์งูพิษยังไม่ทันร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน แขนข้างหนึ่งของเขาก็ถูกตัดขาดกระเด็น

โลหิตสาดกระจาย

ร่างของราชันย์งูพิษกระแทกพื้นอย่างแรง

“พี่อู๋หง หลังจากนี้คงต้องรบกวนท่านแล้ว”

หลินเป่ยเฉินหมุนตัวเตะราชันย์งูพิษกระเด็นกลับขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง

วูบ!

อู๋หงสะกิดปลายเท้าดีดตัวขึ้นไปในอากาศ ก่อนจะใช้กำปั้นกระแทกเข้าใส่ช่องท้องของราชันย์งูพิษสุดแรงเกิด

พลังหมัดของนักล่าอสูรสาวทำให้ประมุขป้อมอสรพิษตัวงอชักกระตุกไม่ต่างจากกุ้งน้อยโดนน้ำเดือดราดใส่

แต่อู๋หงผู้มีจิตใจอัดแน่นด้วยไฟแค้นยังคงโคจรพลังลมปราณเต็มอัตรา ไม่ปล่อยให้ร่างของราชันย์งูพิษได้ร่วงหล่นลงถึงพื้นดิน นางก็ต่อยกำปั้นออกไปอีกรัวๆ ไม่ต่างจากกำลังชกกระสอบทรายลอยได้อย่างไรอย่างนั้น…

ฟู่!

เลือดสีแดงสดพุ่งออกมาจากปากและจมูกของประมุขป้อมอสรพิษ

ตัวคนหักงอผิดรูปผิดร่างอย่างน่ากลัว

ผลั่ก!

อู๋หงหมุนตัวใช้เท้าเตะเข้าใส่แผ่นหลังของราชันย์งูพิษ

กร๊อบ!

ได้ยินเสียงกระดูกสันหลังแตกหัก

ก่อนที่ราชันย์งูพิษจะตกลงมากระแทกพื้นดินอย่างแรง

“ตายซะ”

อู๋หงทิ้งตัวลงมาใช้กำปั้นกระแทกเข้าใส่ร่างของราชันย์งูพิษที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นดินเป็นครั้งสุดท้าย

“โดนเข้าไปขนาดนี้ ถ้ายังไม่ตายก็คงไม่ใช่คนแล้วมั้งเนี่ย”

หลินเป่ยเฉินผู้เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ มั่นใจว่าราชันย์งูพิษได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขนาดนี้ ก็คงไม่สามารถรอดชีวิตได้อีกแล้ว

เหลือประมุขป้อมอีกเพียงคนเดียวเท่านั้น

หลินเป่ยเฉินยกกางเกงขึ้น… ไม่ใช่สิ เขายกกระบี่ขึ้นชี้หน้านางพญางูพิษ

บัดนี้ หญิงสาวถอยไปยืนหลบมุมบริกรรมคาถาอะไรบางอย่าง มือซ้ายของนางสร้างค่ายอาคมแปลกประหลาด มือขวาถือธูปดอกหนึ่ง ธูปถูกจุดแล้ว ควันธูปลอยขึ้นไปในอากาศ ดูงดงามไม่ต่างจากเส้นไหมธรรมชาติกำลังลอยตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า

เมื่อสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตจากร่างของหลินเป่ยเฉิน สีหน้าของนางพญางูพิษก็เคร่งเครียดขึ้นมา

ทันใดนั้น ธูปในมือขวาของนางก็ถูกเผาไหม้จนหมดลงอย่างน่ามหัศจรรย์ หลงเหลือเพียงขี้เถ้ากองหนึ่งเท่านั้น

“พระองค์ท่านมาแล้ว…”

นางพญางูพิษร่ำร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น “ได้โปรดช่วยเหลือศิษย์ด้วย…”

เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย

ในยามนี้ หลินเป่ยเฉินมีจิตสังหารแรงกล้า เขาไม่เก็บเรี่ยวแรงในระดับยอดปรมาจารย์ตอนปลายของตนเองอีกแล้ว หลินเป่ยเฉินเก็บกระบี่ ย่างสามขุมเดินเข้าไปใช้สองมือจับลำคอของนางพญางูพิษก่อนจะบิดหมุนอย่างแรง

กร๊อบ!

ได้ยินเสียงกระดูกลำคอหักออกจากกัน

ศีรษะของนางพญาผู้เลอโฉมสามารถหมุนได้รอบ 360 องศา

ดวงตาที่เบิกค้างของหญิงสาวเต็มไปด้วยความพิศวง

หลินเป่ยเฉินไม่ลังเลแม้แต่น้อย นำกระบี่สายฟ้าออกมาอีกครั้ง เพื่อแทงหัวใจนางพญางูพิษ

จงตายซะ

คมกระบี่แทงสวบเข้าไปในร่างอรชน

แล้วหนึ่งในสองประมุขป้อมอสรพิษก็ร่างแหลกกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือด แม้แต่ดวงวิญญาณก็สูญสลายหายไปไม่มีเหลือ

ทันใดนั้นเอง…

วูบ

ลำแสงสีเงินสายหนึ่งพวยพุ่งขึ้นมาจากรอยแยกบนพื้นดินพร้อมกับรังสีสังหารแน่นหนา

รอยแยกบนพื้นดินขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ

ในอากาศเต็มไปด้วยม่านหมอกขาวและฝุ่นผง

คลื่นพลังที่ระเบิดขึ้นมาจากใต้ดินครั้งนี้ กระแทกเข้าใส่ร่างกายอันสูงใหญ่ของอู๋หง นางไม่ทันตั้งตัว ร่างกายจึงหมุนคว้างในอากาศ โลหิตไหลทะลักออกมาเปียกชุ่มโชก

“แย่แล้วสิ”

สีหน้าของหลินเป่ยเฉินเปลี่ยนแปลงไปทันที

เด็กหนุ่มรวบรวมพลังในร่างกายทั้งหมดกระโดดขึ้นไปช้อนรับร่างของอู๋หงได้ทันเวลา ก่อนที่นางจะต้องเสียชีวิตด้วยลำแสงสีเงินอีกสายที่สาดส่องตามติด

เท้าซ้ายของหลินเป่ยเฉินเพิ่งจะแตะลงบนพื้นดินเท่านั้น

วูบ!

ลำแสงสีเงินก็พวยพุ่งขึ้นมาจากใต้ดิน

หลินเป่ยเฉินไม่ทันตั้งรับ ร่างกายถูกลำแสงอัดกระแทกลอยกระเด็นกลิ้งไปไกลหลายสิบวา

พื้นดินยิ่งเกิดรอยแตกร้าวมากขึ้น

แสงสีเงินสาดส่องสว่างไสว

ร่างของใครคนหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากใต้พื้นดิน

ในอ้อมแขนนางกำลังประคองร่างไร้วิญญาณของราชันย์งูพิษ

“ทุกคนถอย”

หลินเป่ยเฉินร้องตะโกน

เฉียนเหมยกับกองทัพนายทหารคนงานขุดเหมืองรีบล่าถอยไปอย่างเชื่อฟัง

หลินเป่ยเฉินประคองอู๋หงผู้หมดสติเตรียมตัวหลบหนีเช่นกัน

ม่านหมอกขาวและฝุ่นผงที่ปกคลุมในอากาศเริ่มจางหายลงแล้ว

เด็กหนุ่มจึงสามารถมองเห็นผู้ที่กำลังประคองร่างของราชันย์งูพิษได้ชัดเจนมากขึ้น

ร่างนั้นไม่สูง

มีความสง่างาม

ร่างเล็ก แต่กลับมีหน้าอกหน้าใจใหญ่โตเกินอายุ

หัวใจของหลินเป่ยเฉินกระตุกวูบ

เป็นนางไปได้อย่างไร?!