นางพูดพลางยกมือขึ้น ภาพมายาที่เย็นยะเยือกและเต็มไปด้วยหิมะที่อยู่เบื้องหน้าพลันเลือนหายไป จากนั้นพวกเขาก็กลับมาที่ถ้ำปีศาจสัตว์ภูตอันมืดมิด
บนโต๊ะสูงที่อยู่ไกลออกไปมีไข่มังกรที่ซูจิ่นซีไม่สามารถโอบรอบได้
ซูจิ่นซีคิ้วกระตุกเล็กน้อย
“ให้พวกเราเช่นนั้นหรือ? ”
สัตว์ภูตนิ่งเงียบและไม่พูดสิ่งใด ซูจิ่นซีจึงเดินไปด้านข้างอย่างเชื่องช้า แม้ไม่เคยเห็นไข่มังกรกับตาตนเอง ทว่ารูปร่างหน้าตาก็เหมือนกับในหนังสือจริงๆ และเหมือนกับในละครทีวีที่เคยดูก่อนหน้า ดังนั้นนางจึงเก็บมันไว้ในอาคมกำไลปี่อั้น
ทันใดนั้น สายตาของสัตว์ภูตก็มองไปที่อาคมกำไลปี่อั้นบนข้อมือขวาของซูจิ่นซี
“เจ้าตัวแสบ มานี่ ข้าขอดูของสิ่งนั้นของเจ้าว่าเป็นอันใดกันแน่? ”
ซูจิ่นซีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ทว่ายังเดินไปหาสัตว์ภูต
สัตว์ภูตจับมือขวาของซูจิ่นซี พลางมองอาคมกำไลปี่อั้นอย่างละเอียด “สิ่งนี้ทำขึ้นจากวิชาการหล่อขึ้นรูปผสมผสานกับอมฤตทั้งห้า มันเป็นหยางบริสุทธิ์ หากข้ามองไม่ผิด วิญญาณของเจ้าไม่สมบูรณ์ มีเพียงวิญญาณส่วนเดียวในร่างกายของเจ้า อย่างไรก็ตาม การสวมใส่สิ่งที่บริสุทธิ์ ใช่ว่าจะดีสำหรับเจ้าเสมอไป”
ซูจิ่นซีไม่เคยได้ยินคำพูดนี้ ทั้งนางยังสวมมาเป็นเวลานานถึงเพียงนี้แล้ว ร่างกายก็ไม่มีสิ่งผิดปกติอันใด
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่ได้อาคมกำไลปี่อั้นมา เถ้าแก่ที่โรงประมูลบอกว่าอาคมกำไลปี่อั้นนี้จดจำเจ้าของ เมื่อสวมที่ข้อมือแล้วจะไม่สามารถถอดออกได้ เว้นแต่เจ้าของจะเสียชีวิต
หากให้นางถอดมันตอนนี้ คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!
ใส่ก็ใส่แล้ว ยังจะเป็นอย่างไรได้อีก?
ซูจิ่นซีไม่ได้พูดอันใด นางเพียงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ขอบคุณท่านผู้เฒ่าสำหรับคำตักเตือน! ”
เมื่อเห็นว่าซูจิ่นซีไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก สัตว์ภูตจึงกระชากเสียงเย็นชา “ข้าเพียงต้องการเตือน หากเจ้าไม่เชื่อก็ไม่เป็นอันใด! ”
ซูจิ่นซีคิดว่านางไม่จำเป็นต้องอธิบายอันใดมาก จึงทำเพียงยกยิ้มและไม่พูดสิ่งใด
สัตว์ภูตพลิกฝ่ามือ ทันใดนั้นก็ปรากฏปิ่นปักผมขึ้นมา นางจึงมอบให้ซูจิ่นซี
“หลังเจ้ากลับไปแล้ว จงมอบสิ่งนี้ให้คนผู้นั้น บอกว่าเขาเป็นหนี้บุญคุณข้า เห็นแก่สถานะของข้า จงให้ตบะบำเพ็ญเพียรแก่เจ้า บางทีเจ้าอาจยืดอายุขัยของตนได้อีกสักสองสามปี”
ซูจิ่นซีมองปิ่นปักผม ทว่าไม่ได้รับมาในทันที
นางไม่ได้ทำอันใดจึงไม่รับของตอบแทน ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีเหตุผลอันใด ที่อยู่ดีๆ ผู้อื่นจะมอบตบะบำเพ็ญเพียรให้แก่นาง ซูจิ่นซีไม่สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้
“ขอบคุณท่านผู้เฒ่าสำหรับความหวังดี ข้ารับด้วยน้ำใจ ทว่า… ไม่อาจรับไว้ได้จริงๆ ! ”
สัตว์ภูตกระชากเสียงเย็นชา “หึ! เจ้าตัวแสบ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ามีชีวิตรอดได้อีกไม่กี่วัน ก่อนจะถึงเวลานั้น เจ้าต้องหาทางผนึกรวมวิญญาณทั้งสามในร่างให้ได้ แม้เจ้าจะไม่นึกถึงตนเอง ก็ควรนึกถึงเขาบ้างกระมัง? ”
นางพูดพลางเหลือบมองเยี่ยโยวเหยาที่อยู่ด้านหลังซูจิ่นซี
หัวใจของซูจิ่นซีพลันหม่นหมอง
ใช่ นางเหลือเวลาอีกไม่กี่วันจริงๆ หากไม่พบอมฤตทั้งห้าและวิชาการหล่อขึ้นรูปก่อนวันเริ่มต้นฤดูหนาว นางก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอันใดขึ้น
นางไม่กลัวความตาย ทว่านางกลัวว่าหลังจากตนเองตายแล้ว นางจะกลับไปสู่มิติเวลาสามพันปีข้างหน้า นางร่วมเป็นร่วมตายมากับเยี่ยโยวเหยา แต่กลับต้องแยกจากกันและไม่สามารถพบกันได้ตลอดชีวิต
ไม่กลัวที่ต้องตายจากกัน ทว่ากลัวการพลัดพรากจากกันทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่
เมื่อนึกมาถึงจุดนี้ ซูจิ่นซีก็หยิบปิ่นปักผมมาจากมือของสัตว์ภูตแล้วพูดว่า “ขอบคุณท่านผู้เฒ่า! ทว่าข้าไม่อาจรับมาได้โดยไร้สิ่งตอบแทน ท่านผู้เฒ่าช่วยข้า ข้าไม่ควรรับน้ำใจมาเช่นนี้ ท่านผู้เฒ่าต้องการสิ่งใด สามารถพูดออกมาได้ เพียงแค่ข้า ซูจิ่นซีสามารถทำได้ ข้าจะทำให้ท่านอย่างแน่นอน! ”
สัตว์ภูตเหลือบมองซูจิ่นซีอย่างชื่นชม “เป็นจริงดั่งคาด เจ้าเป็นสตรีที่ฉลาดปราดเปรื่อง ข้าไม่ต้องการสิ่งใด หากเจ้าพาข้าไปพบคนผู้นั้นได้ ข้าก็พอใจแล้ว ชีวิตนี้ไร้ซึ่งความทุกข์ความกังวลอันใดอีก”
เรื่องนี้ไม่ยากสำหรับซูจิ่นซี อย่างไรก็ตาม หากนางและเยี่ยโยวเหยาจะออกจากดินแดนลึกลับเสวียนคง ย่อมต้องผ่านตำหนักท่านเทพ ดังนั้นการพาสัตว์ภูติไปด้วยคงไม่มีอุปสรรคอันใด
ทว่าสิ่งที่ซูจิ่นซีสงสัยมากกว่าคือ “ท่านและท่านเทพต่างก็อยู่ในดินแดนลึกลับเสวียนคง เหตุใดข้าต้องพาท่านไปด้วย? เหตุใดท่านไม่ไปด้วยตนเอง? ”
สีหน้าของสัตว์ภูตเต็มไปด้วยความหดหู่ “เขาปิดผนึกประตูของตำหนักท่านเทพไว้ ข้าไม่อาจเข้าไปได้! ”
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ท่านคงไม่คิดจะลอบโจมตีหรือขโมยสิ่งของกระมัง? หากเป็นเช่นนั้น ข้าคงช่วยท่านไม่ได้จริงๆ ”
สัตว์ภูตเอ่ยด้วยความไม่พอใจ “ข้าชอบพอเขามาหลายปีแล้ว หากไม่ใช่เพราะเขา ข้าคงไม่ทนทุกข์ทรมานกับเขาอยู่ที่นี่ ข้าจะทำร้ายเขาได้หรือ? ”
เอ่อ…
ซูจิ่นซีไร้ซึ่งคำพูด
ที่แท้ความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์ภูตกับท่านเทพก็เป็นเช่นนี้นี่เอง?
ในหัวของซูจิ่นซีคิดถึงความเป็นไปได้หลายอย่าง “หมากรุกสิบกระดานในมิติมายาเมื่อครู่นี้… ”
“ใช่ หมากรุกทั้งสิบกระดาน เขาเป็นผู้วางหมากกล! ”
“แค่ก แค่ก… ”
ซูจิ่นซีปิดปากไอเบาๆ
ที่แท้ความรักและความเกลียดชังก็ลึกซึ้ง!
สัตว์ภูตเห็นซูจิ่นซีแอบยิ้ม “เจ้าตัวแสบ จะช่วยข้าหรือไม่? บอกมา! ”
ซูจิ่นซีเลิกคิ้ว “แหะ แหะ พวกเราต่อสู้กันแล้ว หมากก็เล่นด้วยกันแล้ว ทว่าเวลานี้กลับสนทนากันอย่างกลมเกลียว พบได้ยากยิ่งยัก แม้ข้าไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ทว่าเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ สำหรับข้าแล้วใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังรับประโยชน์จากท่านตั้งมากมาย… แน่นอนว่าข้าอยากช่วย! อย่างไรก็ตาม ต้องรบกวนท่านผู้เฒ่าซ่อนตัวในอาคมกำไลปี่อั้นของข้าเสียก่อน! ”
“ตกลง! ”
ซูจิ่นซีดึงสัตว์ภูตเก็บไว้ในอาคมกำไลปี่อั้น ถ้ำปีศาจสัตว์ภูตพลันหายไปทันที ทั้งสองกลับมาสู่ภาพทิวทัศน์ขุนเขาและสายน้ำตามเดิม ก่อนจะเดินตามแผนที่ที่เด็กน้อยให้มาเพื่อหาทางกลับไปยังตำแหน่งเดิม
เดิมทีคิดว่าเมื่อกลับมาแล้วจะพบเด็กน้อยสองคน กลับไม่คิดว่าเด็กน้อยจะไม่อยู่แล้ว
ทั้งสองค้นหาอยู่นาน จึงพบเด็กน้อยคนหนึ่ง
ทว่าเขาดูมีท่าทางตื่นตระหนกและตะโกนว่า “ท่านทั้งสองช่วยพวกเราด้วย! ท่านเทพโกรธจัด ทรงทำร้ายและผนึกศิษย์พี่และข้าไว้ด้านนอกตำหนักท่านเทพ ตอนนี้ท่านเทพกำลังโกรธและต้องการทำลายดินแดนลึกลับเสวียนคงทั้งหมด หากเป็นเช่นนี้ เหล่าผู้คนในหุบเขาหลูเหว่ยด้านนอกจะต้องตายเป็นแน่”
ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้ว เมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ พวกเขาหายตัวไปเกือบสิบวัน เด็กน้อยทั้งสองสามารถเอาตัวรอดได้ก็นับว่าเก่งมากแล้ว
ทว่าพวกเขาสามารถเอาชนะท่านเทพได้หรือ?
เขาคือพาหนะของท่านเทพจักรพรรดิฝูซี!
ขณะที่ซูจิ่นซีกำลังเป็นกังวล สัตว์ภูตก็ส่งเสียงบอกซูจิ่นซีผ่านอาคมกำไลปี่อั้น “ปล่อยให้บุรุษของเจ้าจัดการ! ”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว “แม้วรยุทธ์ของเขาจะแข็งแกร่งทรงพลัง ทว่าการบำเพ็ญเพียรของข้าในตอนนี้สูงกว่าเขาเล็กน้อย”
“พูดจาไร้สาระทำอันใด? ให้เขาไป! ”
เยี่ยโยวเหยาได้ยินเสียงของสัตว์ภูตเช่นกัน เขาแสดงท่าทางเพื่อทำให้ซูจิ่นซีรู้สึก ‘มั่นใจ’ ก่อนจะชักกระบี่เสวียนหยวนออกมาและตามเด็กน้อยไป
ซูจิ่นซีรีบเดินตามไปเช่นกัน
ด้านนอกตำหนักท่านเทพ ไฟกำลังลุกไหม้ บรรยากาศน่าหวาดกลัวกว่าด้านนอกวิหารวิญญาณของเยี่ยโยวเหยาสิบเท่า ท่ามกลางเปลวเพลิง มังกรไฟกำลังคลุ้มคลั่งด้วยความเดือดดาล ทุกครั้งที่พลิกตัว ผืนดินและภูเขาโดยรอบพลันสั่นสะเทือนแตกร้าว เท้าของซูจิ่นซีสั่นสะเทือนจนไม่อาจยืนนิ่งได้
นอกจากนั้น ร่างเล็กๆ ของเด็กน้อยยังเหาะไปมาระหว่างซากปรักหักพังและดินถล่ม เขาใช้ลูกประคำในมือรับมือกับมังกรไฟ
ลูกประคำโจมตีอย่างต่อเนื่อง มันพุ่งชนมังกรไฟ มังกรไฟคำรามและพลิกตัวอย่างคลุ้มคลั่งมากขึ้นเรื่อยๆ
ทันใดนั้น เด็กน้อยที่มากับซูจิ่นซีก็พูดกับเยี่ยโยวเหยาว่า “โยวอ๋อง โปรดช่วยศิษย์พี่ของข้าด้วยเถิด เขาทนไม่ไหวแล้ว”