ตอนที่ 923 ใช้เสร็จแล้วทิ้ง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

กู้ไป๋อีไม่ได้ปฏิเสธ เขาพยักหน้าตอบรับ “ขอรับ!”

มู่เฉียนซีรับกล่องอีกกล่องหนึ่งมา และกล่าวว่า “หญ้าความฝันเหมันต์ต้นนี้ข้าเก็บแล้วนะ”

“ส่วนชิ้นนี้ก็มอบให้เจ้า” มู่เฉียนซีโยนกล่องหยกเย็นศักดิ์สิทธิ์กล่องนั้นให้จิ่วเยี่ย

จิ่วเยี่ยเปิดกล่องออก และนั่นทำให้หัวหน้าโรงประมูลตื่นตระหนกขึ้นมาทันที

“นายท่าน ระวังขอรับ! หากเปิดโดยที่ไม่ใช้พลังวิญญาณป้องกัน อาจจะถูกความเย็นยะเยือกนี้ทำให้ได้รับบาดเจ็บเอาได้นะขอรับ”

ทว่า จิ่วเยี่ยที่เปิดกล่องและถือหยกเย็นศักดิ์สิทธิ์นี้ด้วยมือเปล่า เขากลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย

หัวหน้าโรงประมูลรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?

มู่เฉียนซีมองหัวหน้าโรงประมูลและกล่าวว่า “ราคาเม็ดยาวิญญาณกับยาแผนปัจจุบันที่ข้าเอาไปประมูล หักค่าประมูลเหล่านี้ไปแล้ว ข้าจะต้องจ่ายให้เจ้ากี่อีกหยกวิญญาณ?”

หัวหน้าโรงประมูลรีบตอบด้วยรอยยิ้ม “นายท่านทุกท่านมาร่วมงานประมูลของพวกเราได้ พวกเราก็ดีใจมากแล้ว ของประมูลสามชิ้นนี้ นับว่าเป็นของขวัญที่ข้ามอบให้นายท่านทุกท่านเถอะ”

มู่เฉียนซีเลิกคิ้วพลางกล่าว “การประมูลก็ย่อมมีกฎของการประมูล หัวหน้าโรงประมูลทำตามกฎของการประมูลเถอะ! ข้าไม่ได้ขาดแคลนหยกวิญญาณอยู่แล้ว”

หัวหน้าโรงประมูลจึงกล่าวว่า “ข้ารู้ว่านายท่านทุกท่านไม่ได้ขาดแคลนหยกวิญญาณแต่อย่างใด แต่ราคาของหยกเย็นศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ก็เกินกว่าราคาปกติมากนัก ข้าจะไม่ให้นายท่านทุกท่านเสียเปรียบอย่างแน่นอน ฉะนั้นข้าขอคิดแค่หนึ่งแสนหยกวิญญาณ เป็นเช่นไร?”

ราคาของหยกเย็นศักดิ์สิทธิ์ถูกลดลงมาจำนวนมาก ทำให้มู่เฉียนซีได้หยกวิญญาณคืนกลับมาไม่น้อยเลย

ความจริงแล้วมู่เฉียนซีต้องการหยกวิญญาณจำนวนมากเพื่อที่จะมอบให้เยี่ยเฉินนำไปพัฒนาเมือง ดังนั้นนางจึงมอบยาแผนปัจจุบันให้หัวหน้าโรงประมูลเพิ่ม

“ข้าก็จะไม่ให้เจ้าเสียเปรียบเช่นกัน ยาแผนปัจจุบันเหล่านี้ เจ้ารับเอาไว้เถอะ!”

“ขอรับ ขอบคุณนายท่านมาก!”

จื่อโยวกล่าว “หากไม่มีอะไรแล้ว พวกเจ้าก็กลับไปเถอะ!”

“ขอรับ!”

หัวหน้าโรงประมูลกับพิธีกรสาวสวยผู้นั้นจึงกล่าวลา หลังจากที่ออกไปแล้ว พิธีกรสาวสวยผู้นั้นจึงเอ่ยถามหัวหน้าโรงประมูลว่า “หัวหน้า พวกเขาเป็นใครกันแน่?”

หัวหน้าโรงประมูลกล่าว “เป็นคนที่พวกเราต้องก้มหัวให้”

“หรือว่าจะเป็นกองกำลังระดับสอง?”

“ไม่ใช่แค่ระดับสอง!”

หลังจากที่คนเหล่านั้นออกไปแล้ว จื่อโยวก็กล่าวถามขึ้นว่า “เยี่ย เจ้ามีความรู้สึกหรือไม่ว่าหยกชิ้นนี้มันได้ผล?”

จิ่วเยี่ยกล่าว “หยกชิ้นนี้สามารถยับยั้งคำสาปได้ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ยับยั้งพลังของข้าด้วยเช่นกัน”

มู่เฉียนซีมองเขาและกล่าวว่า “ได้มาเจอกับของสิ่งนี้ก็นับว่าเป็นความโชคดีของพวกเราแล้ว ต่อให้มันจะยับยั้งพลังไว้ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีพลังความแข็งแกร่งเลยนะ”

จื่อโยวยิ้มพลางกล่าว “ต่อให้เยี่ยไม่สามารถใช้พลังได้ ข้าก็จะปกป้องเยี่ยเป็นอย่างดี อย่ากลัวไปเลย!”

สีหน้าของจิ่วเยี่ยเคร่งขรึมลง และกล่าวว่า “ไสหัวไปให้พ้นข้า!”

พลังของจิ่วเยี่ยกดดันไปที่จื่อโยวโดยตรง ต่อให้พลังของจะเขาถูกยับยั้ง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องให้ผู้อื่นมาปกป้อง

จื่อโยวมองดูหยกเย็นศักดิ์สิทธิ์นั้นอย่างพิจารณา และกล่าวว่า “เยี่ย หยกเย็นชิ้นนี้หากเอาไว้ในมิติมันก็จะใช้ไม่ได้ผล จำเป็นต้องนำมันติดตัวไว้ หรือควรจะหาเชือกมาสักเส้นและผูกไว้ที่คอ ดีหรือไม่?”

เมื่อเห็นสีหน้าของจิ่วเยี่ยที่ยิ่งดำคล้ำลงเรื่อย ๆ ด้วยความไม่พอใจเช่นนี้ จื่อโยวจึงหันไปกล่าวกับมู่เฉียนซีแทนว่า “คนงาม แล้วเจ้าล่ะ คิดเช่นไร?”

มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นเล็กน้อย เมื่อนึกภาพว่ามีศิลาหยกขาวแขวนอยู่ที่คอของชายที่แสนอันตรายผู้นี้ มันคงจะรู้สึกแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก!

“เจ้าว่า ใช้เชือกสีดำ สีขาว หรือสีแดงดีล่ะ…”

จื่อโยวไม่ทันกล่าวจบ จิ่วเยี่ยก็เอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้!”

จื่อโยวทำปากจู๋ด้วยความน้อยใจ “ดูเหมือนว่าเยี่ยจะไม่ชอบสักเท่าไหร่ เช่นนั้นเอามาทำเป็นกำไล ต่างหู…”

แม้แต่มู่เฉียนซีก็ทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว นางกล่าว “จื่อโยว หากเจ้ายังไม่อยากตายก็หุบปากซะ”

“พวกเจ้าสองคนรังแกข้า ฮือฮือฮือ! แล้วเช่นนั้นจะทำยังไงถึงจะเหมาะสมล่ะ?” จื่อโยวน้อยอกน้อยใจยิ่งนัก

มู่เฉียนซีมองจิ่วเยี่ยอย่างพิจารณา นางรู้สึกว่าเครื่องประดับทั้งหมดหากอยู่บนตัวของเขาแล้วมันจะดูเป็นส่วนเกินไป

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “จิ่วเยี่ย เจ้าชอบสิ่งใด?”

“ซีคิดว่าสิ่งใดเหมาะสม ข้าก็ชอบมันทั้งนั้น” มุมปากของจิ่วเยี่ยยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

ในตอนนี้ จื่อโยวทำได้เพียงแค่เดินวนอยู่ที่มุมห้องเท่านั้น นี่เป็นการปฏิบัติอย่างสองมาตรฐานชัด ๆ สองมาตรฐาน!

จิ่วเยี่ยไม่เคยแขวนจี้หยกไว้ที่เอวเลย ด้วยพลังความแข็งแกร่งของเขาแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ปกป้องเหล่านั้นเช่นกัน สุดท้ายหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “เช่นนั้นก็เอาเป็นแหวนก็แล้วกัน”

ครั้งแรกที่ได้เจอกัน จิ่วเยี่ยได้มอบแหวนมังกรเทพวารีให้นางเพื่อเป็นของแทนคำขอโทษ เช่นนั้นก็เอาหยกเย็นศักดิ์สิทธิ์นี้ไปทำเป็นแหวนมอบให้เขาก็ไม่เลวเลย

จิ่วเยี่ยพยักหน้าพลางกล่าว “ตกลง!”

จื่อโยวคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “จะหลอมแหวนให้เยี่ยนั้น จะหลอมออกมาอัปลักษณ์ไม่ได้เด็ดขาดเชียวนะ ระดับก็จะต่ำเกินไปไม่ได้เด็ดขาด ข้าขอคิดดูก่อนนะว่าในแดนนรกมีท่านใดบ้างที่…”

“หุบปาก!” เสียงอันเย็นยะเยือกดังขึ้น

จื่อโยวทำหน้าไร้เดียงสาเป็นอย่างยิ่ง!

นี่เขาพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอ?

จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าไม่ต้องการคนอื่น ซีเป็นคนทำให้ข้าก็พอแล้ว”

มู่เฉียนซีชี้ตัวเองและกล่าวว่า “เจ้าจะให้ข้าหลอมอย่างนั้นเหรอ นี่เจ้าไม่รู้เหรอว่าแม้แต่อาวุธวิญญาณระดับปฐพีข้าก็ยังหลอมออกมาไม่ได้”

“ขอแค่ซีเป็นคนหลอมก็พอแล้ว ส่วนระดับใดนั้นไม่สำคัญ” จิ่วเยี่ยกล่าว

“นี่เป็นถึงหยกเย็นศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ ไฟธรรมดาไม่สามารถหลอมมันออกมาได้”

“ข้าช่วยซีได้!”

สองคนร่วมมือกันหลอมแหวนแทนใจ ความคิดนี้ช่างงดงามเกินไปแล้ว จื่อโยวแสยะปากพลางคิดในใจว่า ‘นับวันเยี่ยยิ่งรักคนงามมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว เรียนรู้จนสามารถบรรลุแล้ว’

สมกับที่เป็นองค์ชายของเขาจริง ๆ ความสามารถในการเรียนรู้ช่างทรงพลังยิ่งนัก

จิ่วเยี่ยมุ่งมั่นเช่นนี้ มู่เฉียนซีก็ไร้หนทางแล้ว นางกล่าว “หากเจ้าสามารถช่วยหลอมได้ เช่นนั้นข้าก็จะหลอมแหวนให้เจ้า”

“ดี!”

หลังจากที่ตกลงกันเสร็จ พวกเขาก็เตรียมที่จะออกจากโรงประมูล จื่อโยวอยากจะตามพวกเขาไป ทว่ากลับถูกจิ่วเยี่ยรังเกียจเสียแล้ว

“เจ้าไสหัวไปได้แล้ว!”

“ฮือฮือฮือ! เยี่ย เจ้าไร้น้ำใจเกินไปแล้ว ใช้ข้าเสร็จแล้วก็ทิ้ง ข้าไม่ไป กว่าข้าจะออกมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ข้าไม่อยากจะตกไปอยู่ในกรงเล็บของเจ้านั่น เจ้าให้ข้าลาพักร้อนสักหน่อยเถอะนะ!”

จื่อโยวร้องไห้พลางจะเข้าไปกอดจิ่วเยี่ย พร้อมกับทำท่าทางที่น่าสงสารเป็นอย่างมาก!

มู่เฉียนซีทนดูต่อไปไม่ได้แล้วจึงเข้าไปขวางด้านหน้าจิ่วเยี่ยไว้ และกล่าวว่า “จื่อโยว เจ้าสารภาพมาเดี๋ยวนี้นะ เจ้าแกล้งทำเป็นเจ้าชู้ประตูดินก็เพื่อปกปิดความจริงที่ว่าเจ้าชอบจิ่วเยี่ยใช่หรือไม่!”

ครานี้ จื่อโยวยิ่งเจ็บปวดใจมากยิ่งขึ้น!

เขาชอบผู้หญิงนะ! ในหัวของคนงามคิดสิ่งใดอยู่กันแน่!

ครานี้ เยี่ยไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่นอน!

“ไสหัวไปให้พ้น!”

ตูม!

ทันทีที่กล่าวจบ เสียงตูมก็ดังสนั่นขึ้น จื่อโยวถูกพลังอันแข็งแกร่งโจมตีจนร่างกระเด็นลอยไปกลางอากาศและกลายเป็นดวงดาวที่ตกจากฟากฟ้า

เหยียนเซี่ยฉีกับเจ้าเมืองเหยียนและพวกต่างก็ตกใจนิ่งอึ้งไป ถูกโจมตีกระเด็นลอยไปเช่นนี้จะมีชีวิตรอดหรือไม่!

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าปีศาจนั่นดวงแข็งจะตายไป พวกเรากลับไปพักผ่อนเถอะ วันพรุ่งต้องเดินทางกลับแล้ว”

เดิมทีนางอยากจะเห็นจื่อโยวถูกจิ่วเยี่ยแทงทะลุหัวใจ แต่กลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น นี่แค่ถูกโจมตีให้กระเด็นไปเท่านั้น ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อันใด

เจ้าเมืองเหยียนกล่าว “ดี!”

ทว่า เมื่อพวกเขากลับไปถึงโรงเตี๊ยม มู่เฉียนซีก็พบว่าค่ำคืนของเมืองชางหมางแห่งนี้กลับไม่ได้เงียบสงบเลย

ตูม!

มีเสียงระเบิดดังขึ้นจากหลายแห่ง ในอากาศมีกลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้นมาก