“โฮกกก!”

ภูตอัคคีเสือดำคำราม พยายามที่จะหนีออกมาจากปากของงูดำยักษ์

“มนุษย์เจ้าลูกมด แม้ว่าจะเป็นเจ้านายที่ให้เจ้ามาที่นี่ แต่ด้วยความสามารถในตอนนี้ของเจ้า กลับยังไม่มีความสามารถพอที่จะกำราบเสือพิฆาตจิ่วหยินนี้ได้”

น้ำเสียงของงูดำยักษ์แสนจะเย็นชา มันได้ปลดปล่อยพันธนาการที่ผูกมัดภูตอัคคีเสือดำ ปล่อยให้ภูตอัคคีเสือหนีออกมาจากปากโดยไม่ใส่ใจ

ในขณะเดียวกัน หลัวซิวก็สัมผัสได้ว่ารัศมีพลังที่กักขังตนก็ได้หายไปเช่นเดียวกัน งูดำยักษ์มองดูอย่างเมินเฉย เหมือนกับมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าเขาไม่สามารถกำราบภูตอัคคีเสือพิฆาตจิ่วหยินนี้ได้

“หากเจ้ากำราบภูตอัคคีเสือพิฆาตจิ่วหยินไม่ได้ ข้าก็จะไม่มอบมันให้เจ้าอย่างแน่นอน” งูดำยักษ์กล่าวอย่างเย็นชา

ในสายตาของมัน มนุษย์ตัวกระจิดผู้นี้มีผลการฝึกตนในแดนมกุฎยุทธ์เท่านั้น คิดจะสยบภูตอัคคีเสือพิฆาตจิ่วหยินที่ทัดเทียมกับเจ้ายุทธจักรด้วยผลการฝึกตนเพียงเท่านี้ มันช่างเป็นความฝันอันเลื่อนลอยยิ่งนัก

มันไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดเจ้านายถึงได้ให้เจ้าลูกมดผู้ต่ำต้อยเช่นนี้มาเอาไฟทิพย์ แม้ว่ามันจะไม่ขัดขืนความปรารถนาของเจ้านาย แต่ถ้าหากเจ้าลูกมดผู้นี้ไม่มีความสามารถที่จะสยบเสือพิฆาตจิ่วหยินนี้ได้ มันก็จะไม่ยอมละเลยแน่

“มันก็ไม่แน่หรอก” เมื่อสัมผัสได้ว่ากระแสพลังที่ควบคุมตนเองอยู่ได้หายไป หลัวซิวรู้สึกร่างกายปลอดโปร่งขึ้นมาทันที รอยยิ้มแห่งความมั่นใจปรากฏขึ้นมาที่มุมปาก

งูดำยักษ์ได้ยิ้มเยาะอย่างมนุษย์ออกมา มันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าลูกมดที่ต่ำต้อยคนนี้มีความสามารถอะไรถึงได้กล้าพูดจาโอหังเช่นนี้

“เห็นแก่หน้าของเจ้านาย หากเขาไม่สามารถสยบเสือพิฆาตจิ่วหยินได้ ข้าก็จะรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ในช่วงเวลาคับขันก็แล้วกัน” งูดำยักษ์คิดเช่นนี้อยู่ภายในใจ

ในตอนนี้เอง หลัวซิวพลันเคลื่อนไหวขึ้นมา พบเพียงว่าพลังจิตแท้ได้ระเบิดออกมาจากทั่วร่างกายของเขา บนร่างกายมีเปลวเพลิงสีดำได้ลุกโชนสูงขึ้นมาหลายจั้ง

มือข้างที่ได้รวบรวมเพลิงมรณะขึ้นมาได้ยื่นออกไป จับเข้าไปยังภูตอัคคีเสือพิฆาตจิ่วหยิน

“โฮกกก!”

ภูตอัคคีเสือพิฆาตจิ่วหยินคำรามออกมาด้วยความโมโห ถูกงูมรณาจิ่วหยินกักขังควบคุมมาเป็นเวลานานแสนนาน ทำให้มันมีนิสัยอารมณ์ที่รุนแรงไปเสียแล้ว ในตอนนี้ผู้ที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าอ่อนแอกว่ายังคิดที่จะจับตนเอง นี่ทำให้มันขุ่นเคืองจนถึงขีดสุด

มันคำรามออกมาด้วยความโมโห และกระโจนเข้าหาหลัวซิว

“ผนึก!”

หลัวซิวพ่นลมหายใจพลางตวาดออกมา มือที่มีเปลวเพลิงสีดำพลันแปรเปลี่ยนไป ใช้วิชาสังหารไท่เสวียนกลายรูปเป็นภูเขาลูกใหญ่ เหมือนดั่งภูเขาไท่ซานได้ทับอยู่บนศีรษะของภูตอัคคีเสือพิฆาตจิ่วหยิน พบเพียงว่าร่างของภูตอัคคีเสือพิฆาตจิ่วหยินสั่นสะท้าน การเคลื่อนไหวของมันลดช้าลงมามาก

“มนุษย์เจ้าลูกมด อาศัยฝีมือเพียงเท่านี้ไม่อาจสยบภูตอัคคีเสือพิฆาตจิ่วหยินได้หรอกนะ ทางที่ดีเจ้าวางมีเสียเถอะ” เสือยักษ์ดำได้เอ่ยออกมาอีกครั้ง แม้จะมีน้ำเสียงเย็นชา แต่เป็นเพราะหลัวซิวรู้จักมีความสัมพันธ์กับเจ้านาย ดังนั้นมันจึงไม่อยากให้เขาเสี่ยงอันตราย

“นี่มันพึ่งจะเริ่มต้นเอง” หลัวซิวยิ้มออกมาใจเย็น

“หึ หาเหาใส่หัว!” งูดำยักษ์กล่าวอย่างเย้ยหยัน จากนั้นก็ไม่ใส่ใจอีก

“กลืนกิน!”

ตราประทับในมือของหลัวซิวพลันเปลี่ยนไป เพลิงมรณะแปรเปลี่ยนเป็นวังวน พลังกลืนกินอันแข็งแกร่ง ลากดึงเสือพิฆาตจิ่วหยินขยับใกล้เข้ามาหาเขา

ความอำมหิตได้แวบเข้ามาในดวงตาของเสือพิฆาตจิ่วหยิน จากนั้นก็ได้ถือโอกาสกระโจนเข้าหาหลัวซิวอย่างกะทันหัน เปลวเพลิงสีดำได้โหมกระหน่ำออกมา แทบแยกแยะไม่ออกเมื่อผสานเข้ากับเพลิงมรณะของหลัวซิว

“ไฟทิพย์แปรผัน!”

มือของหลัวซิวซัดตราประทับออกมาอย่างรวดเร็ว เพลิงมรณะที่อยู่รอบกายพลันหายไป แทนที่ด้วยมกุฎอัคคีนภาเหลืองสีทอง

พบเพียงว่าเสือพิฆาตจิ่วหยินได้ถูกดึงออกมาทีละนิดละน้อย และถูกมกุฎอัคคีนภาเหลืองที่แปรรูปเป็นกรงกักขังเอาไว้

เสือพิฆาตจิ่วหยินพบว่าตนได้ถูกกักขัง ก็ได้กระแทกโจมตีกรงขังอย่างเต็มแรง ทุกครั้งที่มันกระแทก ร่างของหลัวซิวก็จะสั่นสะท้านตาม ราวกับได้ถูกฟ้าผ่า