บทที่ 1691 มีกฎห้ามดื่มเหล้าเหรอ / บทที่ 1692 ผู้อำนวยการโปรดตัดสินความยุติธรรม

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1691 มีกฎห้ามดื่มเหล้าเหรอ

เวลานั้นผู้อาวุโสกงส่ายหน้า คร้านจะสนใจผู้อาวุโสเหลยเฮ่อต่อ

“เยี่ยหวันหวั่น ขอแค่เธอบอกผู้อยู่เบื้องหลังมา ผู้อำนวยการชื่อเยี่ยนจะผ่อนผันโทษให้แน่นอน ไม่งั้นก็รอตายสถานเดียว!” ผู้อาวุโสเหลยเฮ่อมองเยี่ยหวันหวั่นพร้อมตะคอกเสียงเข้ม

เยี่ยหวันหวั่นตายไม่ตายไม่สำคัญ ถ้าสามารถใช้เยี่ยหวันหวั่นฉุดผู้อาวุโสกงลงน้ำได้…การตายของเมิ่งเทียน ก็ไม่พอให้เศร้าเสียใจ!

“ตายสถานเดียว?” เยี่ยหวันหวั่นมองผู้อาวุโสเหลยเฮ่ออย่างประหลาดและเอ่ยปากอย่างสงสัย “คำพูดของผู้อาวุโสเหลยเฮ่อทำให้หนูไม่เข้าใจนิดหน่อย ขอบังอาจถามว่าศิษย์ทำโทษทัณฑ์ที่ไม่อาจอภัยได้อะไรถึงต้องหักล้างด้วยชีวิต”

“โอ้ พูดแบบนี้ แสดงว่าเธอยืนกรานไม่ยอมรับความผิดสินะ” ประธานบังคับกฎพลันเอ่ยปากขึ้น

ได้ยินดังนั้น สายตาของเยี่ยหวันหวั่นตกลงบนตัวของประธานสมาคมบังคับกฎ “ขอถามให้แน่ชัด หนูทำอะไรเหรอคะ”

“เยี่ยหวันหวั่น เธอฆ่าเมิ่งเทียน หลักฐานแน่นหนาไม่สามารถแก้ตัวได้” ประธานบังคับกฎเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

“ฆ่าเมิ่งเทียน?” เยี่ยหวันหวั่นงุนงง “ผู้อาวุโสท่านนี้ แม้งานแลกเปลี่ยนวิทยายุทธ์จะสู้แค่พอเป็นพิธี แต่…การสูญเสียก็มักยากจะหลีกเลี่ยง จุดนี้เชื่อว่าทุกท่านในที่นี้คงไม่คัดค้านมั้งคะ”

“อย่ามาเฉไฉ เปล่าประโยชน์” ประธานบังคับกฎเอ่ย

“ไม่รู้ว่าหนูเฉไฉตรงไหน ถ้าแค่เอาชีวิตใครก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต งั้นลูกศิษย์คนโตของผู้อาวุโสเหลยเฮ่อ ปีนั้นฆ่าศิษย์รักของอาจารย์หนู ทำไมไม่เห็นเขาต้องชดใช้ด้วยล่ะคะ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย

“เป็นอย่างที่เธอพูดเมื่อกี้ การสูญเสียยากจะหลีกเลี่ยง ศิษย์คนโตของผู้อาวุโสเหลยเฮ่อปีนั้นจัดว่าพลั้งมือฆ่า” ประธานบังคับกฎค่อยๆ หมดความอดทนทีละน้อย

ได้ยินดังนั้นเยี่ยหวันหวั่นก็พยักหน้าน้อยๆ “ผู้อาวุโสท่านนี้ งั้นก็ถูกแล้ว หนูก็จัดว่าพลั้งมือฆ่า ดังนั้นหนูก็ไร้โทษ”

“เธอพูดว่าเธอพลั้งมือฆ่าเรอะ! น่าขำสิ้นดี ฉันเห็นเธอฆ่าเมิ่งเทียนกับตา ไม่มีทางทำเพราะพลั้งมือเด็ดขาด” กรรมการตัดสินพลันให้การซักค้าน

“กรรมการตัดสินคะ ความสามารถในการตัดสินนี้ของคุณยังเป็นกรรมการตัดสินได้ยังไง” เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าเปี่ยมความยิ้มแย้ม “ขอบังอาจถามกรรมการตัดสิน เมิ่งเทียนกับเมิ่งเข่อเป็นทหารรับจ้างระดับไหน”

“ระดับ S นั่นแล้วจะทำไม” กรรมการตัดสินเอ่ยตามความจริง

“งั้นหนูเป็นระดับไหนคะ” เยี่ยหวันหวั่นถามอีก

“ย่อมต้องเป็นระดับ D” กรรมการตัดสินเอ่ยปาก

“งั้นก็ถูกแล้ว หนูทหารรับจ้างระดับ D สู้กับทหารรับจ้างระดับ S สองคนพร้อมกัน จะต้องเครียดพอตัว อารมณ์อย่างนี้ยากหลีกเลี่ยง ภายใต้ความเครียด ความสามารถในการตัดสินใจของสมองย่อมไม่สู้ตอนปกติ อีกอย่างหนูเป็นแค่ทหารรับจ้างระดับ D ย่อมควบคุมตัวเองได้ไม่ดีเท่าทหารรับจ้างระดับ S ผิดพลาดบ้างมีปัญหาอะไรเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นยิ้มเอ่ย

“เหลวไหลทั้งเพ!” ผู้อาวุโสสมาคมบังคับกฎตวาดเสียงโกรธ “นั่นเพราะเธอดื่มเหล้า หลังเมาเหล้าก็ฆ่าเมิ่งเทียน ยังกล้าหาข้ออ้างอยู่อีก!”

“ดื่มเหล้า…” เยี่ยหวันหวั่นมุมปากยกขึ้นน้อยๆ จ้องผู้อาวุโสสมาคมบังคับกฎ “งั้นขอบังอาจถามผู้อาวุโสท่านนี้ โรงเรียนชื่อเยี่ยนมีกฎว่าศิษย์ที่เข้าร่วมงานแลกเปลี่ยนวิทยายุทธ์ห้ามดื่มเหล้าเหรอ!”

เมื่อเยี่ยหวันหวั่นพูดคำนี้ออกมา ทุกคนในที่นั้นก็มองหน้าสบตากัน นี่…เหมือนว่าจะไม่มีกฎลายลักษณ์อักษรข้อนี้จริงๆ…

“ไม่มี!” ผู้อาวุโสสมาคมบังคับกฎเอ่ยอย่างหงุดหงิด

“งั้นในเมื่อไม่มีกฎข้อนี้ หนูติดเหล้าค่อนข้างหนัก ทำไมจะดื่มเหล้าไม่ได้…ดื่มเหล้าก็ต้องเมาเหล้า หลังเมาความสามารถในการตัดสินใจลดลง สมองไม่แจ่มชัด นี่เป็นหลักสามัญ เพราะงั้นหลังเมาเหล้า ก็ต้องส่งผลกระทบต่างๆ กับงานแข่งอยู่แล้ว ในเมื่อทุกคนก็รู้ งั้นทำไมไม่ห้ามผู้ประลองดื่มเหล้า? นี่พูดได้แค่ว่าเป็นความผิดของพวกคุณ เกี่ยวอะไรกับหนูกัน” เยี่ยหวันหวั่นสาธยายยาวยืด

“เธอ…!” ประธานบังคับกฎพลันหมดคำพูด

“หนูแค่ปฏิบัติตามกฎของชื่อเยี่ยนอย่างเคร่งครัด ในเมื่อไม่มีกฎห้ามดื่มเหล้า งั้นปัจจัยไม่แน่นอนทั้งหมดหลังดื่มเหล้า หนูไม่ขอรับผิดชอบใดๆ ทั้งนั้นก็ ไม่น่ามีปัญหามั้งคะ” เยี่ยหวันหวั่นยิ้มเอ่ย

———————————————————————————————

บทที่ 1692 ผู้อำนวยการโปรดตัดสินความยุติธรรม

เกี่ยวกับกฎกติกางานแข่งแลกเปลี่ยนวิทยายุทธของโรงเรียนชื่อเยี่ยน เยี่ยหวันหวั่นท่องจำได้ขึ้นใจนานแล้ว

อย่างเมิ่งเทียน แม้จะชักกริชออกมา แต่กริชไม่ใช่ของจำพวกอาวุธลับหรือว่ายาพิษ อาวุธอย่างกริชนี้ได้รับอนุญาต ดังนั้นเมิ่งเทียนจึงไม่ได้ทำผิดกฎ ถึงแม้เมิ่งเทียนมีเจตนาอยากฆ่าเธอ แต่ก็ไม่สามารถตัดสินว่าเมิ่งเทียนมีความผิดจากการดูว่ามีเจตนาหรือไม่ได้

เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้โง่ การแข่งขันก่อนหน้านี้ คนทั่วทั้งงานเห็นเมิ่งเทียนเป็นฝ่ายชักกริชทำการโจมตีตัวเธอก่อน กริชของเมิ่งเทียนบังเอิญถูกแย่ง หลังถูกเธอฆ่ากลับ ทำไมเบื้องบนพวกนั้นกลับยังคิดว่าเธอมีความผิด

นี่หาใช่การเข้าข้างอีกฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นกฎของโรงเรียนชื่อเยี่ยนจริงๆ

ตราบใดที่เมิ่งเทียนไม่ใช้อาวุธลับก็ได้รับอนุญาตหมด นอกเสียจากเมิ่งเทียนถือกริชโจมตีตัวเองหลายครั้งและฆ่าตัวเอง แบบนั้นเมิ่งเทียนจึงจะจะกระทำความผิด

ในเมื่อปฏิบัติตามกฎของโรงเรียนชื่อเยี่ยนทุกอย่าง สำหรับเยี่ยหวันหวั่นนั่นก็จัดการแสนง่ายแล้ว

โรงเรียนชื่อเยี่ยนให้ความสำคัญกับกฎมาก ไม่ว่าเป็นกฎแบบไหน เยี่ยหวันหวั่นก็หาช่องโหว่ของกฎชื่อเยี่ยนให้เจอได้ก็พอ

โรงเรียนชื่อเยี่ยนไม่เคยตั้งกฎว่าศิษย์ที่เข้าแข่งขันห้ามดื่มเหล้า และปัจจัยที่ไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นทั้งหมดหลังดื่มเหล้า เยี่ยหวันหวั่นยอมมีสิทธิ์ไม่ไปรับผิดชอบ ยังไงเสียเธอก็เป็นแค่ทหารรับจ้างระดับ D ที่ปฏิบัติตามกฎเท่านั้น

ประธานบังคับกฎจ้องเยี่ยหวันหวั่น มุมปากกระตุกน้อยๆ ลูกศิษย์ของผู้อาวุโสกงคนนี้ฉลาดเฉลียวจริงๆ ถึงกับพูดจนเขาไปต่อไม่เป็น

“ไม่ว่ายังไง เธอฆ่าเมิ่งเทียนก็เป็นความจริง” ประธานบังคับกฎเอ่ย

ได้ยินดังนั้นเยี่ยหวันหวั่นก็หัวเราะน้อยๆ “งั้นขอบังอาจถามผู้อาวุโสท่านนี้ อาวุธสังหารที่หนูใช้ฆ่าเมิ่งเทียนเป็นของใครเหรอ กริชนั่นเดิมทีก็เป็นเมิ่งเทียนพกมาเอง ทักษะของเขาไม่ถ่องแท้เลยถูกหนูแย่งมา กระทั่งถูกหนูฆ่ากลับ…เรื่องนี้จะให้หนูคาดคิดถึงได้ยังไง เมิ่งเทียนดีเลวก็เป็นศิษย์รักของผู้อาวุโสเหลยเฮ่อ ใครจะเดาได้ว่าลูกศิษย์ของผู้อาวุโสเหลยเฮ่อจะอ่อนขนาดนี้ สองคนสู้หนูคนเดียวก็ยังเอาชนะไม่ได้ ตอนนี้ยังมาโทษหนู?”

ได้ยินคำพูดนี้ของเยี่ยหวันหวั่น ผู้อาวุโสเหลยเฮ่อบนที่นั่งกิตติมศักดิ์ก็มีสีหน้าทะมึนจนเหมือนจะหยดออกมาเป็นน้ำได้ ในดวงตาทอประกายเย็นเยียบไม่รู้จบ

ผู้อาวุโสก็หัวเราะเยาะต่อเนื่องอยู่ด้านข้าง ที่เยี่ยหวันหวั่นพูดตรงใจเขายิ่งนัก

“เหลยเฮ่อ ตัวนายสอนลูกศิษย์ไม่ดี นักเรียนทหารรับจ้างระดับ S สองคน สู้เยี่ยหวันหวั่นลูกศิษย์ฉันคนเดียว คนหนึ่งถูกฆ่ากลับ อีกคนบาดเจ็บหนัก ตอนนี้กลับกลายเป็นความผิดลูกศิษย์ฉันซะแล้ว” ผู้อาวุโสกงเหลือบมองเหลยเฮ่อพลางว่า

หน้าผากผู้อาวุโสเหลยเฮ่อผุดเส้นเลือดดำ ตั้งแต่ที่ลูกศิษย์ที่ชื่อเนี่ยอู๋โยวคนนั้นออกจากโรงเรียนชื่อเยี่ยน ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ก็เป็นเขาที่กดผู้อาวุโสกงจมมิดตลอด ตอนไหนกันที่ได้รับความอับอายอย่างนี้!

“ไม่ว่ายังไง เธอก็ฆ่านักเรียนระดับ S เมิ่งเทียนไปแล้ว…” ประธานบังคับกฎมองเยี่ยหวันหวั่น หัวคิ้วขมวดแน่น

ถึงแม้ทฤษฎีของเยี่ยหวันหวั่นจะสมเหตุผล แต่ก็ไม่อาจอภัยโทษฆ่าคนของเยี่ยหวันหวั่นเพราะแบบนี้ได้กระมัง

“ท่านผู้อำนวยการ หนูไม่ได้ทำขัดกับกฎใดๆ ของโรงเรียนชื่อเยี่ยน เพราะงั้นหนูก็รับโทษทัณฑ์นี้ไม่ได้ ผู้อำนวยการโปรดตัดสินความเป็นธรรมให้หนูด้วยค่ะ”

จู่ๆ เยี่ยหวันหวั่นก็พลันหันไปเอ่ยปากกับผู้อำนวยการชื่อเยี่ยนบนที่นั่งกิตติมศักดิ์

ได้ยินคำพูดนี้ของเยี่ยหวันหวั่น ผู้อำนวยการชื่อเยี่ยนก็ตกอยู่ในห้วงความคิด

ไม่มีกฎก็ไม่อาจเป็นรูปร่าง ผู้อำนวยการชื่อเยี่ยนให้ความสำคัญกับกฎเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งกฎทั้งหมดของโรงเรียนชื่อเยี่ยน หลายๆ ข้อผู้อำนวยการก็ตั้งขึ้นด้วยตัวเองและมีส่วนร่วมในการตั้งด้วย…