แสงดารานิรันดร์ของระบบสุริยะดูผิดปกติไปมาก พูดให้ชัดเจนคือแสงของมันสว่างจ้ากว่าตอนที่หวังเป่าเล่อจากมา โดยเฉพาะที่ด้านนอกนั้นมีรูรับแสงจางๆ อยู่ด้วย
วงกลมแสงนั้นต่างจากรัศมีดวงอาทิตย์ปกติซึ่งมีเพียงผู้ที่ฝึกจนถึงระดับดาวพระเคราะห์แล้วเท่านั้นที่จะมองเห็น ระดับต่ำกว่าดาวพระเคราะห์ไม่มีทางที่จะสังเกตเห็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ นี้ได้
ตอนนี้สายตาของหวังเป่าเล่อมองเห็นวงแสงนั้นได้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันเขาก็มองเห็นที่มาของวงแสงนั้นแล้ว…นั่นก็คือกระบี่สำริดโบราณเล่มนั้นนั่นเอง พูดให้เจาะจงยิ่งขึ้นคือที่ตำแหน่งปลายกระบี่มีร่องรอยพลังงานที่กระตุ้นดวงอาทิตย์ด้วยวิธีพิเศษบางอย่างอยู่ ด้านหนึ่งดูดซับพลังของดวงอาทิตย์อย่างช้าๆ อีกด้านหนึ่งเป็นอิทธิพลทางอ้อมทำให้ดวงอาทิตย์ของระบบสุริยะ…กำลังค่อยๆ ตายไป!!
มันสว่างจ้าขึ้นเรื่อยๆ ราวกับหวนคืนสู่แสงสว่าง ถึงแม้จะยังไม่ถึงขั้นตาย แต่อิงจากกระบวนการเช่นนี้ คาดว่าอีกหนึ่งพันปี ดารานิรันดร์ของระบบสุริยะจะต้องดับสนิทเป็นแน่
ภาพนี้ทำให้หวังเป่าเล่อหน้าเปลี่ยนสี ขณะเดียวกันเขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งที่เห็นนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เขาจากไป หรือว่า…เป็นเช่นนี้ตั้งแต่ก่อนเขาจากไปแล้ว แต่เพราะฐานการฝึกฝนของเขายังไม่แข็งแกร่งพอจึงไม่สังเกตเห็นมัน
แต่ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร จากร่องรอยพลังงานที่แผ่ออกมาจากปลายกระบี่นั้น หวังเป่าเล่อยังสัมผัสได้ถึงความผันผวนของดาวพระเคราะห์จึงทำให้เขามั่นใจได้อย่างหนึ่ง…วังเต๋าไพศาลที่ปลายกระบี่จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเป็นแน่
“รักษาด้วยดารานิรันดร์ระบบสุริยะของข้า…” หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง เขาไม่ได้บุ่มบ่ามเข้าไป ฐานการฝึกฝนของเขาพัฒนาขึ้น เขาจึงมีประสบการณ์และความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับแต่ละสิ่งในวังเต๋าไพศาลในตอนนั้น ขณะเดียวกันเขาต้องเข้าใจก่อนว่าในอนาคตอันใกล้สหพันธรัฐจะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่
หากไม่มีก็แสดงว่าดวงอาทิตย์เป็นเช่นนี้ตั้งแต่ก่อนเขาจากไปแล้ว แค่ตัวเขาไม่เคยเห็นมันเท่านั้น แต่หากมีอะไรเกิดขึ้นกับสหพันธรัฐก็เป็นไปได้มากว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
อย่างแรกและอย่างหลังทำให้เขามีทัศนคติที่แตกต่างกันสองแบบต่อวังเต๋าไพศาล ดังนั้นหลังจากตัดสินใจได้แล้ว หวังเป่าเล่อก็แผ่จิตใต้สำนึกออกไปห่อหุ้มโลกทันที
ทว่าในพริบตาต่อมาหวังเป่าเล่อก็หน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง จิตใต้สำนึกของเขาถูกปกปิดไว้อย่างดีจึงไม่มีใครสามารถตรวจจับการดำรงอยู่ของเขาได้ แต่เมื่อเขากวาดจิตใต้สำนึกออกไป ทุกสิ่งบนโลกก็ปรากฏแก่สายตาอย่างชัดเจน
เขาไม่พบร่องรอยพลังงานของต้วนมู่ฉี และไม่พบร่องรอยพลังงานของผู้อาวุโสสูงสุดสำนักศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่ร่องรอยพลังงานของหลินโยวกับคนที่เขาคุ้ยเคยก็ยังไม่พบ
นั่นทำให้หวังเป่าเล่อตกตะลึง ก่อนจะมองไปยังที่ตั้งของนครศักดิ์สิทธิ์ ที่ตรงนั้น…สำนักวิชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ได้หายไปแล้ว ทะเลสาบที่เคยผ่านสงครามมากลายเป็นหลุมลึก และมีรอยประทับมือขนาดใหญ่อยู่บนนั้น
ราวกับว่ามีมือยักษ์ตกลงมาจากท้องฟ้าและกวาดล้างเกาะทุกเกาะของสำนักวิชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์
สิ่งที่ทำให้หวังเป่าเล่อตัวสั่นเทิ้มยิ่งกว่าเดิม…คือในนครศักดิ์สิทธิ์หรือแม้แต่ทุกพื้นที่ในโลก เขาไม่พบร่องรอยพลังงานของพ่อกับแม่ของตนแม้แต่น้อย!!
เห็นเพียงร่องรอยพลังเทพที่หลงเหลืออยู่ในหลายพื้นที่บนโลก และยังเห็น…ใบหน้าที่แทบจะไม่มีรอยยิ้มของผู้คนเต็มไปด้วยความเหนื่อยอ่อน
ทั้งหมดนี้ทำให้หวังเป่าเล่อวิตกกังวลอย่างรุนแรง หลังจากผ่านการสังหารภายในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์และระงับไอสังหารลงได้อย่างยากลำบาก ตอนนี้มันได้กลับมาอีกครั้ง เขาแผ่จิตใต้สำนึกออกไปอย่างไม่ลังเล แผ่ออกจากโลกจนทั่วทั้งระบบสุริยะ
ดาวต่างๆ เช่น ดาวพุธ ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวพลูโต ฯลฯ ล้วนวาววับในจิตสำนึกของเขาในทันที
แห้งแล้ง…
ในตอนที่หวังเป่าเล่อกำลังจะควบคุมไอสังหารและความวิตกกังวลไม่อยู่จนตัวสั่นเทิ้มนั้น จิตใต้สำนึกของเขาแผ่ไปปกคลุมดาวอังคาร ที่นั่นเขาสัมผัสได้ถึงร่องรอยพลังงานอันคุ้นเคยจำนวนมากจนร่างสั่นสะท้าน เขาไม่ได้สนใจร่องรอยพลังงานที่เหลือและเพ่งจิตใต้สำนึกไปในร่องรอยพลังงานพวกนั้นเพื่อตามหาครอบครัวทั้งสองคนที่อยู่ในนครดาวอังคารใหม่ในตอนนั้น
ทันทีที่เขาเห็นสองคนนั้น ไอสังหารที่ตัวหวังเป่าเล่อก็ดับวูบทันที นัยน์ตาเผยความอ่อนโยน นั่นคือพ่อกับแม่ของเขา
ในบ้านหลังเล็กหลังนั้น เขาเห็นพ่อของตน ผมของเขาเป็นสีเทาเกือบทั้งหมดแล้ว เขานั่งอยู่ที่นั่นแหงนดูท้องฟ้าในระยะไกล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่คนข้างกายที่พิงอยู่บนไหล่ของเขาคือแม่ของหวังเป่าเล่อ
นางดูชราลงอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้ามีริ้วรอย ตอนนี้นางกำลังก้มหน้าไอไม่หยุดและมองดูภาพที่ถืออยู่ในมือ บนรูปใบนั้นมีเด็กอ้วนตัวน้อยชูสองนิ้วแสดงถึงชัยชนะอยู่คนหนึ่ง
เด็กอ้วนตัวน้อยคนนั้นตัวกลมดิก ใบหน้าแย้มยิ้มมีชัยจนดวงตาเหลือขีดเดียว
ภาพที่เห็นแฝงไปด้วยความคิดถึงจนหวังเป่าเล่อที่กำลังเงียบงันรู้สึกผิด เขาสังเกตเห็นอาการไอของแม่เป็นครั้งคราวและยังสังเกตเห็นความว่างเปล่าในดวงตาของพ่อ
“ท่านพ่อ…ท่านแม่…” หวังเป่าเล่อพึมพำ ร่างที่อยู่กลางจักรวาลหายวับไปทันที ครู่ต่อมา…ในบ้านในนครดาวอังคารใหม่ หวังเป่าเล่อปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังพ่อแม่ และทันทีที่ปรากฏตัวขึ้นเขาก็คุกเข่าลง
และทันทีที่เสียงของเขาดังขึ้น พ่อกับแม่ที่อยู่ตรงหน้าก็ตัวสั่นสะท้าน ก่อนจะหันกลับมาช้าๆ พวกเขาเห็นลูกชายที่ตนคะนึงหาแล้ว เพียงแต่ทุกอย่างกะทันหันเกินไปจนพวกเขาดูเหมือนไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ขณะที่ร่างกายสั่นสะท้าน ภาพในมือแม่ของหวังเป่าเล่อก็ร่วงลงพื้น
“เป่าเล่อ?”
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว” หวังเป่าเล่อพูดเสียงแผ่วเบา
แม้ว่ารูปลักษณ์ของเขาจะเปลี่ยนไป แต่สำหรับพ่อแม่ของเขาเพียงแวบแรกก็จำได้แล้ว แม่ของเขาเข้ามากอดเขาไว้และน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัวและพูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานาน
หวังเป่าเล่อยกมือลูบหลังแม่เบาๆ และฟังเสียงร้องไห้ของแม่ เขายิ่งรู้สึกผิดในใจมากขึ้น ขณะเดียวกันความโกรธในใจก็พุ่งถึงขีดสุดอย่างควบคุมไม่ได้
แต่อยู่ต่อหน้าพ่อแม่ เขาเก็บซ่อนความโกรธไว้และมองไปยังพ่อที่ตื้นตันจนสะอื้นอยู่ด้านข้าง หวังเป่าเล่อพยักหน้าเบาๆ การปลอบโยนอย่างอ่อนโยนของเขาทำให้แม่ค่อยๆ ผล็อยหลับไปในอ้อมแขน
หลังจากวางแม่ลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลและห่มผ้าให้นาง หวังเป่าเล่อก็เงยหน้ามองพ่อและลุกขึ้นไปกอดเขาที่ทำตัวไม่ถูก
“ท่านพ่อ บอกข้ามา ใครทำร้ายแม่ข้า”
คำพูดเหล่านี้แม้ว่าเขาจะควบคุมมันแล้ว แต่ในหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ ทำให้ดาวอังคารทั้งดวงเกิดเสียงคำรามจนทุกคนที่อาศัยอยู่บนดาวอังคารสั่นสะท้าน
เหตุผลที่เขาโกรธมากก็เพราะว่า…ทันทีที่เขาเห็นแม่ หวังเป่าเล่อก็สังเกตเห็นว่าร่างกายของแม่อ่อนแอมาก เห็นได้ชัดว่าถูกทำร้ายรากฐานชีวิต และกำลังอยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิต อีกทั้งบนร่างกายยังหลงเหลือความผันผวนของกระบวนเวทที่ผู้อื่นใช้ช่วยชีวิตจนมีชีวิตต่อไปได้
“เป่าเล่อ…” พ่อของหวังเป่าเล่อยังคงสับสนอย่างเห็นได้ชัด หลังจากหวังเป่าเล่อปลอบอยู่นานถึงได้สติกับมา เมื่อเห็นลูกชายของตน น้ำตาของเขาก็ควบคุมไม่ได้อีกต่อไป เขาดึงมือหวังเป่าเล่อไปจับพลางเล่าทุกสิ่งที่เขารับรู้หลังจากหวังเป่าเล่อจากไปให้ฟัง
ในปีที่สามหลังจากที่หวังเป่าเล่อจากไป โครงสร้างของโลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!
กลุ่มนภาห้าสมัยลุกฮือโดยมีตระกูลจั่วและตระกูลหลี่เป็นผู้นำเปลี่ยนระบอบการปกครองของระบบสุริยะ เฟิ่งชิวหรันถูกควบคุมตัว หลี่ซิงเหวินบาดเจ็บสาหัส ต้วนมู่ฉี…เสียชีวิตจากการต่อสู้ สี่สำนักวิชาเต๋าที่ยิ่งใหญ่ถูกทำลาย ทุกคนที่อยู่ฝ่ายเดียวกับต้วนมู่ฉีและหลี่ซิงเหวินสูญเสียอำนาจ สมาชิกสภาส่วนใหญ่เสียชีวิตในการต่อสู้ ส่วนคนที่เหลือต่างบาดเจ็บสาหัส
สุดท้ายสองสามีภรรยาเจ้านครดาวอังคารสามารถปกป้องดาวอังคารไว้ได้ด้วยอาวุธที่สร้างขึ้นใหม่ ทำให้ทุกคนที่ได้รับบาดเจ็บจากการเปลี่ยนการปกครองย้ายมาที่ดาวอังคาร ขณะที่ยืนหยัดอยู่ที่นี่ได้อย่างยากลำบาก แต่ก็ต้องยอมก้มหัวให้กลุ่มนภาห้าสมัยและลงนามยอมรับการปกครองของพวกเขา
ส่วนพ่อกับแม่ของเขาก็ได้รับผลกระทบจากการที่สำนักวิชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลาย ระหว่างการอพยพ ด้วยความเกลียดชังหวังเป่าเล่อ ตระกูลจัวจึงขัดขวางพวกเขา ถึงแม้สุดท้ายพวกหลี่ซิงเหวินจะส่งพ่อกับแม่ของหวังเป่าเล่อมาถึงที่นี่ได้อย่างปลอดภัย แต่แม่ของเขาก็ได้รับบาดเจ็บและยังไม่หายดีมาจนถึงตอนนี้
สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นเพราะ…บนกระบี่สำริดโบราณมีผู้ฝึกตนดาวพระเคราะห์คนหนึ่งตื่นขึ้น!
…………………………