เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1118

“สมน้ำหน้า นายดูเหงื่อบนหน้าเขาสิเหมือนฝนตกเลย ทำไมนายยังไม่ไสหัวออกไปอีก คนที่มีไอคิวแบบนายมาที่แบบนี้ได้ด้วยเหรอ”

เสียงหัวเราะดังเข้าหูไม่หยุด ทุกคนเดินไปต่อข้างหน้า

ดูจากการพูดของพวกเขา ถ้าไม่ใช่เพราะที่นี่ใช้พลังปราณไม่ได้ พวกเขาต้องลงมือกับลู่ฝานแน่ๆ เรื่องซ้ำเติมคนที่กำลังลำบาก พวกเขาชอบทำอยู่แล้ว

จู่ๆ ผู้ชายคนหนึ่งส่งกระแสจิตให้เทียนชิงหยาง “จะให้จัดการเขา……”

เทียนชิงหยางยกมือขึ้น ขยับปากเล็กน้อยแล้วตอบกลับ “สหายซุนจื้อ ไม่รีบ ให้เขาสนุกกับพลานุภาพสร้างความกดดันของเทพบู๊ไปก่อน ลงมือที่นี่เสี่ยงเกินไป ไม่คุ้มค่า ทำไมไม่รอให้เราได้โชคชะตาและโอกาสจากเขาวิถีบู๊มาก่อน จากนั้นค่อยกลับมาเล่นงานลู่ฝานก็ได้ เขาหนีไม่พ้นหรอก!”

ซุนจื้อพยักหน้า ยกยิ้มร้ายกาจที่มุมปาก มองไปทางลู่ฝาน

เทียนชิงหยางละสายตาออกมา เดินต่อไปข้างหน้า ฝีเท้าเร็วขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเร็วยิ่งเหมือนลอยได้

ตอนนี้ในใจของเขา ลู่ฝานกลายเป็นคนตายไปนานแล้ว

ลู่ฝานเมินคนที่ด่าพวกนั้นไปโดยอัตโนมัติ คำพูดแย่กว่านี้เขาก็เคยได้ยินมาแล้ว อีกทั้งยังฟังจนเอียนตั้งนานแล้ว นี่จะนับประสาอะไรล่ะ!

สิ่งสำคัญที่ต้องทำตอนนี้ คือต้องเข้าใจให้ได้ว่าทำไมพลังกดดันที่โจมตีใส่ลู่ฝาน ถึงแข็งแกร่งขนาดนี้ ประสบการณ์ของเขายังไม่พอจริงๆ ดังนั้นจึงทำได้เพียงตะโกนเรียกไอ้เก้าอย่างสุดชีวิตในใจ

แต่วันนี้แปลกมากเลย เรียกอยู่สิบกว่าครั้ง ไอ้เก้าก็ไม่ตอบ

ลู่ฝานก่นด่าในใจว่า “ไอ้เก้า หายหัวตอนช่วงสำคัญ ไปตายที่ไหนแล้ว”

ยังไม่มีคำตอบเหมือนเดิม จู่ๆ ลู่ฝานฉุกคิดขึ้นในใจ “อย่าบอกนะว่าไอ้เก้าก็โดนควบคุมเหมือนกัน”

ลู่ฝานเกิดความตกตะลึงในใจ รีบสะบัดความคิดนี้ทิ้งไปก่อน

เพราะถ้าเป็นเช่นนี้ ครั้งนี้เขาคงลำบากแล้วจริงๆ

ยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้น ลู่ฝานเหมือนรูปปั้นหินองค์หนึ่ง

นักบู๊สองสามคนด่าอย่างมีความสุข พอด่าเหนื่อยก็โยนหินใส่ลู่ฝาน จากนั้นจึงเดินไปด้วยความพอใจ

หินกระแทกโดนตัวลู่ฝาน ไม่เจ็บไม่คัน ไม่มีพลังปราณ แค่พลังฝ่ามือของพวกเขา ถึงเอาหินก้อนใหญ่มาโยนใส่เขา ตัวลู่ฝานก็ไม่สะเทือนหรอก

ในกลุ่มคน หยวนเลี่ยมองมาทางลู่ฝานด้วยสายตากังวลตลอดเวลา

แต่เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร สับสนวุ่นวายเป็นอย่างมาก

ตอนนี้เขาหวังว่าลู่ฝานจะตัดสินใจออกจากเขาวิถีบู๊ไปเลย เพื่อจะได้ไม่ตายบนเขา แต่เห็นคนอื่นทำให้ลู่ฝานอับอายขนาดนี้ เขาก็รู้สึกโมโหมาก

ลู่ฝานขยับลูกตาไปมา เห็นหยวนเลี่ยอยู่ในกลุ่มคนเช่นกัน

เขาเอาแต่มองหยวนเลี่ยอยู่อย่างนั้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยความแน่วแน่

หยวนเลี่ยมองสายตาลู่ฝานออก เขาถอนหายใจแล้วหันหลังเดินไป ลู่ฝานจึงเลิกมอง

ทุกคนเดินไปแล้ว ที่ตีนเขาเหลือลู่ฝานเพียงคนเดียว

ลู่ฝานไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และไม่รู้ว่าตัวเองจะทนได้อีกนานแค่ไหน เขารู้สึกว่าพลังกดดันที่หนักหน่วง ทำให้ขาของเขาเริ่มไม่มีแรง เริ่มชาแล้ว

จู่ๆ เขาคิดขึ้นได้ ตอนได้กระบี่หนักไร้คมในตอนแรก ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน

เขาหัวเราะในใจเบาๆ จู่ๆ ลู่ฝานมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมขึ้นมา

ตอนนั้นยากขนาดนั้นเขายังอดทนผ่านมาได้ ตอนนี้จะทนไม่ได้อย่างนั้นเหรอ

ลู่ฝานยืนอยู่ตรงนี้อย่างแน่วแน่ เว้นเสียแต่เขาจะเป็นลมตายไป ไม่งั้นไม่มีใครไล่เขาออกจากภูเขาได้

พลานุภาพสร้างความกดดันของเทพบู๊แล้วยังไง เขาวิถีบู๊แล้วยังไง

ฉันคือลู่ฝาน ใครจะขวางฉันได้!

ฉันจะสู้กับพลานุภาพกดดันนี้ ดูสิว่าใครจะอยู่ได้นานกว่ากัน!