ตอนที่ 2,030 : อัจฉริยะท้าทายสวรรค์ คนที่ 8!
แม้เฉินเผิงจะตะคอกค้านต้วนหลิงเทียนไปด้วยทีท่าหัวเสีย
อย่างไรก็ตามลึกลงไปในแววตามันฉายความตื่นตระหนกหวาดกลัวไม่น้อย
เรียกว่าลูกตาทรยศมันอย่างจัง!
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
ทันใดนั้นพลันมีเสียงหนึ่งอุทานลั่นวังชินหั่ว เป็นศิษย์ชั้นยอดผู้หนึ่งที่คล้ายตระหนักอะไรได้โพล่งคำขึ้นมาลั่นวัง
ครู่ต่อมาสายตาของเหล่าศิษย์ชั้นยอดทั้งอาวุโสเพลิงทองแดงก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองมันด้วยความสนใจ
ถูกทุกคนมองมาเช่นนี้ ศิษย์ชั้นยอดคนนั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง หากแต่มันก็ยังกล่าวสิ่งที่มันเข้าใจออกไปทันที
“พวกเจ้าจดจำเรื่องนั้นได้หรือไม่…ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงสังหารหยวนหง แต่ยังสังหารหยวนค่วงน้องชายของมันด้วย…ทว่าสุดท้ายแล้วอาวุโสคุมกฏทั้ง 2 กลับตัดสินให้เป็นการป้องกันตัว และหอคุมกฏก็ไม่คัดค้านเรื่องยกเว้นโทษตายให้มัน!”
“ตอนนั้นพวกเราพากันคิดว่าต้วนหลิงเทียนสมควรมีภูมิหลังยิ่งใหญ่อันใดทำให้หอคุมกฏเข้าข้างมัน…มาตอนนี้ดูเหมือนว่า…หอคุมกฏไม่ได้เห็นแก่หน้าภูมิหลังอันใดของต้วนหลิงเทียนทั้งสิ้น! ทว่าสมควรทราบแล้วว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนเป็นสีน้ำเงิน!!”
ศิษย์ชั้นยอดคนนั้นกล่าวบอกสิ่งที่มันตระหนักได้ออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ!
ทันใดนั้นทั้งวังชินหั่วก็เงียบไปทันที
“มีเรื่องพรรค์นี้อยู่ด้วย!?”
ลูกตาต่งหลินหดหยีลงโดยพลัน หน้ามันยิ่งมายิ่งอัปลักษณ์ปั้นยาก
มันพึ่งกลับมาถึงลัทธิบูชาไฟไม่กี่วันก่อน จึงไม่ทันรับทราบเรื่องราวที่ต้วนหลิงเทียนรอดพ้นโทษตายอะไรจากหอคุมกฏ!
หาไม่แล้วมันคงไม่ผลีผลามรีบมาหาเรื่องต้วนหลิงเทียนที่วังชินหั่วแบบนี้!
คนที่ถูกละเว้นโทษประหารจากหอคุมกฏยังไม่มีลับลมคมในได้หรือ!?
ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสคุมกฏคนหนึ่ง มันย่อมล่วงรู้เรื่องนี้ดี!
ถึงแม้ในสายตาคนนอกเฉินเผิงจะเป็นสหายของมัน
แต่ในสายตาของมันเฉินเผิงก็ไม่ต่างอะไรจากผู้ติดตามของมันตั้งแต่ที่มันยังเป็นศิษย์ที่แท้จริง! ทว่าต่อมาเมื่ออายุมันมากขึ้นมันก็หลุดจากตำแหน่งและกลายเป็นชนชั้นอาวุโสเพลิงทองแดงแบบนี้!
ตั้งแต่ตอนนั้นเฉินเผิงก็ไม่ได้ติดตามมันอีกต่อไป
หากทราบแต่แรกว่าต้วนหลิงเทียนเป็นคนที่หอคุมกฏเคยละเว้นโทษตายให้มาก่อน มันย่อมไม่คิดมาสร้างปัญหาอะไรให้ต้วนหลิงเทียนอย่างวู่วามตามคำยุยงของเฉินเผิง! แต่จะตรวจสอบเรื่องราวของต้วนหลิงเทียนอย่างละเอียด!!
มันคงไม่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย ถูกต้วนหลิงเทียนไล่จี้เล่นงานเรื่องใช้อำนาจโดยมิชอบแบบนี้!
เพราะเรื่องนี้หากมันจัดการไม่ดีล่ะก็ ต่อให้มันจะเป็นลูกชายของรองจ้าวหอคุมกฏ แต่มันก็ยากจะรอดพ้นโทษทัณฑ์สถานหนักไปได้!
“ฟังจากที่เจ้าว่ามา…ข้าก็จำได้แล้ว ดูเหมือนจะมีเรื่องราวทำนองนี้เกิดขึ้นจริงๆ!”
“ดูท่าความจริงสมควรเป็นเช่นนั้นไม่ผิดแน่ หอคุมกฏสมควรรู้ว่าต้วนหลิงเทียนมีรากวิญญาณสีน้ำเงิน สุดท้ายจึงละเว้นโทษตาย ยอมรับเรื่องราววันนั้นว่าเป็นการป้องกันตัวและการทำเกินกว่าเหตุเท่านั้น!”
“ดูเหมือนข่าวลือจะไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมดสินะ…ต้วนหลิงเทียนหาได้มีรากวิญญาณสีเหลืองไม่! แต่มันมีรากวิญญาณสีน้ำเงิน!!”
……
ขณะเดียวกันคนในวังชินหั่วทั้งหลายก็เริ่มตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ พวกมันคลี่คลายข้อสงสัยได้แล้ว!
หอคุมกฏสมควรรู้แต่แรกแล้วว่าต้วนหลิงเทียนมีรากวิญญาณสีน้ำเงิน!
ทว่าอาวุโสหอคุมกฏอย่างต่งหลินที่พึ่งกลับมายังไม่รู้!
“คราวนี้นับว่าอาวุโสต่งหลินหาเรื่องใส่ตัวครั้งใหญ่แล้วจริงๆ…สมควรเป็นอย่างที่ต้วนหลิงเทียนคาดเดา อาวุโสต่งหลินหากไม่พึ่งออกจากการปิดด่านบ่มเพาะ ก็ต้องพึ่งกลับมาจากข้างนอก”
“เรื่องนี้ยังไม่ชัดเจนหรือไร หาไม่แล้วอาวุโสต่งหลินจะมาขัดขาต้วนหลิงเทียนโดยการตัดสิทธิ์ด้วยข้อหารากวิญญาณสีเหลืองได้อย่างไร!”
“อาวุโสต่งหลินกับต้วนหลิงเทียนก็ไร้เรื่องราวบาดหมางอันใดมาก่อน นับว่าเรื่องวันนี้ล้วนแล้วแต่มีตัวโง่งมอย่างเฉินเผิงเป็นต้นเหตุทั้งสิ้น ทำให้อาวุโสต่งหลินพลอยซวยไปด้วย!”
….
เสียงกระซิบกระซาบคุยกันของเหล่าศิษย์ชั้นยอดดังขึ้นอีกครั้ง สุดท้ายทั้งหมดก็สรุปได้ว่าเรื่องราววันนี้ใครเป็นต้นเหตุ ทำให้สายตาของทุกคนหันไปจับจ้องเฉินเผิงทันที
หน้าเฉินเผิงเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำทันทีเมื่อได้ยิน ทั้งสัมผัสได้ถึงสายตาหลายคู่ที่มองจ้องมาอย่างดูแคลน พาลให้มันหน้าเสียไปไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวาจานั่น…
ต่งหลินซวยเพราะตัวโง่งมเช่นมัน!
มันก็เหมือนต่งหลิน ก่อนหน้านี้มันไม่ได้รู้เลยว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนจะเป็นรากวิญญาณสีน้ำเงินไปได้!
และเมื่อสังเกตเห็นสายตาเย็นเยียบของต่งหลินที่มองมา เฉินเผิงรู้สึกใจหายวาบทันที ยังหวั่นกลัวไม่น้อย!
แน่นอนว่ามันรู้ดีแก่ใจว่าหลังจากวันนี้เป็นต้นไปความสัมพันธ์ระหว่างมันกับต่งหลินจบสิ้นแล้ว กระทั่งต่งหลินยังไม่พ้นต้องคิดว่ามันหลอกลวงและฉุดลากให้จมปลักโคลนนี้ไปกับมันด้วยแน่!
จังหวะนี้เฉินเผิงรู้สึกเสียใจนัก!
ผีสางอันใดดลใจให้มันมาหาเรื่องต้วนหลิงเทียนที่วังชินหั่วกัน!
ตอนนี้บรรยากาศในวังชินหั่วกลายเป็นระอุร้อนขึ้นไม่น้อย
เพราะตอนนี้เหล่าศิษย์ทั้งอาวุโสเพลิงทองแดงทั้งหลายตระหนักกันได้ชัดแล้ว…
พรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียน…สมควรเป็นสีน้ำเงินจริงๆ!
เรื่องนี้อธิบายให้พวกมันกระจ่างได้ทันที ว่าไฉนกาลก่อนหอคุมกฏถึงเข้าข้างต้วนหลิงเทียนเป็นพิเศษ ถึงขั้นยกเว้นโทษประหารให้ต้วนหลิงเทียน…
เป็นเพราะต้วนหลิงเทียนมีรากวิญญาณสีน้ำเงิน หยวนค่วง ศิษย์แท่นบูชานกไฟคนนั้นเทียบกันแล้วมีคุณค่าน้อยกว่าต้วนหลิงเทียนมาก!
“สวรรค์ช่วย! ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าที่แท้ต้วนหลิงเทียนจะมีรากวิญญาณสีน้ำเงิน…ตอนนี้พอได้รู้ข้าอดละอายไม่ได้นัก คำชั่วชีวิตไม่มีวันทะลวงถึงขอบเขตเซียนนภานั่น ฟังแล้วข้าอดขำตัวเองเสียไม่ได้! ช่างเหลวไหลทั้งเลอะเลือนยิ่ง!!”
“นับว่าคราวนี้พวกเราทั้งเหลวไหล ทั้งเลอะเลือนแล้วจริงๆ! อัจฉริยะที่มีรากวิญญาณสีน้ำเงินเช่นนี้ ตราบใดที่ไม่ตกตายไปเสียก่อน หรือหย่อนคล้อยการฝึกปรือ…สมควรทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ได้เต็มร้อยส่วน!”
“ข้าไม่อยากจะคิดเลย…หากด่านพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ พลังฝีมือของมันจะร้ายกาจถึงเพียงใด!”
“ช่างน่าสะพรึงกลัวนัก! ตอนนี้มันพึ่งจะบรรลุถึงเซียนปฐพีขั้นสูงสุดเองมิใช่หรือ! ทว่ากลับมีพลังฝีมือถึงขั้นนี้แล้ว…”
“สมควรสูงกว่านั้น! ตอนแรกข้าก็เอะใจอยู่บ้างแล้ว…ยามยังไม่ได้ใช้เวทย์พลังสนับสนุนเพิ่มพูนพลัง กลิ่นอายพลังของต้วนหลิงเทียนที่ข้าสัมผัสได้ สมควรอยู่ในขอบเขตเซียนนภาขั้นต้นแล้ว!”
“อะไรนะ!? ที่แท้ต้วนหลิงเทียนบรรลุถึงเซียนนภาขั้นต้นแล้วหรือ! เรื่องราวเกิดขึ้นเร็วยิ่งข้าไม่ทันได้สัมผัสพลังของมันให้ละเอียด!!”
“พวกเจ้ายังกล้าเรียกศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนว่ามันห้วนๆเรอะ…ระวังปากเจ้าหน่อยเถอะ!”
เสียงสนทนาดังอื้ออึงไปทั่ววังชินหั่ว ตอนนี้ดูเหมือนจะมีเหล่าศิษย์ชั้นยอดบางคนที่ตระหนักถึงกลิ่นอายพลังที่ต้วนหลิงเทียนปะทุออกมาชั่วพริบตาก่อนที่จะใช้ปฐมเวทย์กลืนกิน และตระหนักได้ว่าต้วนหลิงเทียนสมควรอยู่ในขอบเขตเซียนนภาขั้นต้นแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกกับพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนอยู่ดี “ถึงแม้พลังฝึกปรือของศิษย์พี่ต้วนจะพึ่งทะลวงถึงขอบเขตเซวียนนภาขั้นต้น…ทว่าตอนนี้ให้บอกว่าพลังฝีมือศิษย์พี่ต้วนทัดเทียมกับสุดยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนข้าก็เชื่อ!!”
“ข้ายังคิดว่า…อาศัยกระบี่ที่ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกเมื่อครู่ เผลอๆท่านจะติดอันดับในรายนามยอดเซียนได้ด้วยซ้ำ!!”
“สวรรค์! ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อ ลัทธิบูชาไฟของเรากลับปรากฏอัจฉริยะท้าทายสวรรค์ ที่ติดอยู่ในรายนามยอดเซียนได้อีกคนแล้ว!!”
….
ในลัทธิบูชาไฟนั้น หากศิษย์ที่แท้จริงคนใดมีพลังฝีมือสูงส่งถึงขั้นสามารถติดอยู่ใน รายนามยอดเซียนได้ล่ะก็…
ทั้งหมดจะถูกยอมรับว่าเป็นอัจฉริยะท้าทายสวรรค์!
อย่างเช่น 7 อันดับแรกในทำเนียบยอดฝีมือศิษย์ที่แท้จริง ก็ล้วนเป็นยอดฝีมือที่ติดอันดับในรายนามยอดเซียนทั้งสิ้น เช่นนั้นคนในลัทธิบูชาไฟจึงเรียกขานพวกมันว่าอัจฉริยะท้าทายสวรรค์!
และในเมื่อมีอัจฉริยะท้าทายสวรรค์ทั้งสิ้น 7 คน พวกมันจึงพากันเรียกขานว่า 7 อัจฉริยะท้าทายสวรรค์!!
พลังฝีมือและอายุของเหล่าอัจฉริยะท้าทายสวรรค์ทั้ง 7 นั้น เรียกว่าไม่ว่าใครคนไหน ก็ถือเป็นตัวตนอันน่าเกรงขามของดินแดนเทพยุทธ์เซวียนเต๋าทั้งสิ้น!
เพราะ 7 อัจฉริยะท้าทายสวรรค์นั้นกล่าวไปก็เสมือน รุ่นเยาว์ที่โดดเด่นที่สุดของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!
“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปลัทธิบูชาไฟของพวกเราจักมีอัจฉริยะท้าทายสวรรค์เพิ่มขึ้นมาอีกคน! และอีกไม่นาน นามของ อัจฉริยะท้าทายสวรรค์คนที่ 8 ต้วนหลิงเทียนคนนี้ ต้องกระเดื่องเลื่องลือไปทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!!”
ศิษย์ชั้นยอดอุทานกันออกมาด้วยความตื่นเต้น
อัจฉริยะท้าทายสววรรค์!
8 อัจฉริยะท้าทายสวรรค์
ต้วนหลิงเทียนยักคิ้วขึ้นด้วยความสนใจหลังได้ยินเสียงตื่นเต้นของเหล่าศิษย์ในวังชินหั่ว แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงสงบนิ่งดังเดิม ไม่ได้นำพาชื่อเสียงแม้แต่น้อย
‘พี่สาวฝาแฝดของเค่อเอ๋อก่านหรูเยี่ยนคนนั้น ที่แท้ก็เป็นถึง 1 ใน 7 อัจฉริยะท้าทายสวรรค์ของลัทธิบูชาไฟเลยงั้นเหรอ?’
แต่ตอนต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินเรื่องนี้ ยังอดไม่ได้ที่จะทอดถอนในใจ
เพราะต้วนหลิงเทียนยังจำได้ดี
ตอนที่เขาได้พบกับก่านหรูเยี่ยนครั้งแรก พลังฝีมือของนางก็ทำให้เขาตะลึงลานแล้วจริงๆ
กระทั่งมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ ตี้จิ่ว ของเผ่าพันธุ์มังกร ยังไม่อาจรับมือนางได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว!
ต้องทราบด้วยว่าตอนนั้นพลังฝึกปรือของตี้จิ่วก็บรรลุถึงเซียนปฐพีขั้นสูงสุดแล้ว
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาไม่ได้แปลกใจอะไรมากมายอีก เพราะพลังฝีมือของเขาไล่ตามก่านหรูเยี่ยนคนนั้นทันแล้ว…
หลังจากฟังวาจาเหล่าศิษย์ชั้นยอดไปอีกสักพักเมื่อไม่มีเรื่องใหม่ใดแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ดึงสติกลับมา หันไปจับจ้องมองต่งหลินอีกครั้ง กล่าวว่า “อาวุโสต่งหลิน ในเมื่อเรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว…ไม่ใช่ว่าท่านสมควรให้คำตอบข้าได้แล้วหรือ?”
ต่งหลินมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน ค่อยกล่าวประกาศออกมาเสียงดังอย่างไม่ลังเล
“นับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป…หอคุมกฏจะไม่จำกัดสิทธิ์ ศิษย์ที่แท้จริงต้วนหลิงเทียนเรื่องเข้าทำงานที่หอคุมกฏอีกต่อไป”
แทบจะพร้อมกันกับที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามจบคำ ต่งหลินก็เร่งประกาศออกมาทันทีไม่มีท่า ‘ถือดี’ เหลืออยู่
วาจาของมันเสียงดังฟังชัดนัก
ทำให้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสงสัย ว่าใช่อะไรเข้าสิงมันหรือไม่…ไฉนคราวนี้ถึงพูดง่ายนัก?
“นอกจากนั้น…”
อย่างไรก็ตามต่งหลินยังพูดไม่จบ
และมันยังหันไปมองต้วนหลิงเทียนพร้อมโค้งหัวขอขมา ต่อหน้าต่อตาทุกผู้คนในวังชินหั่ว “ต้วนหลิงเทียนข้ามิทราบจริงๆว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าที่แท้เป็นรากวิญญาณสีน้ำเงิน นอกจากเจ้าจะไม่ถูกจำกัดสิทธิ์เรื่องเข้าทำงานของหอคุมกฏอีกต่อไป…”
“ข้าที่ได้รับทราบแล้วว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าเป็นรากวิญญาณสีน้ำเงิน ยังต้องขอขมาเจ้าจากใจจริง! ขอเจ้าอภัยให้ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของข้าด้วย!!”
หลังจากต่งหลินกล่าวจบคำ ทุกผู้คนในวังชินหั่วถึงกับนิ่งค้างตาแข็งปากอ้ากว้างทันที!
ความเคลื่อนไหวนี้ของต่งหลิน ทำให้พวกมันตะลึงลานแล้วจริงๆ ยังเสมือนถูกจู่โจมอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว!
‘เจ้าต่งหลินผู้นี้…นับว่าเป็นคนยืดได้หดได้อีกคน!’
ต้วนหลิงเทียนเห็นฉากดังกล่าวไม่เพียงไม่ยินดีเรื่องที่อีกฝ่ายกล่าวคำขอขมา ยังลอบคิดในใจอย่างจริงจัง สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาโดยพลัน
‘ให้ตาย…ที่ต่งหลินมันเลือกจะขอขมาข้าแบบนี้ ไม่ใช่มันเพาะสร้างเส้นทางรอดให้ตัวเองสายหนึ่งหรือไร…มันกล้ายอมรับความผิดและขอโทษต่อหน้าผู้คนแบบนี้ วันหลังต่อให้หอคุมกฏรู้เรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่คิดจะเอาผิดอะไรมันมากแล้ว’
ใจต้วนหลิงเทียนล้วนกระจ่างใสดั่งกระจก
หลังจากที่กล่าวคำขอขมาต่อต้วนหลิงเทียนแล้ว ต่งหลินก็เชิดหน้าและเดินออกจากวังชินหั่วไปอย่างภาคภูมิใจเหมือนกาลก่อน
และครั้งนี้ต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะหยุดต่งหลินเอาไว้อีก เพราะวัตถุประสงค์ของเขาลุล่วงแล้ว!
ตอนนี้เขาสามารถสมัครเข้าทำงานในหอคุมกฏได้เสียที!
และนั่นหมายความว่า…
เขาอาจจะได้เจอเค่อเอ๋อกับลูกสาวของเขาในไม่ช้า…
ด้านนอกวังชินหั่ว
ในขณะที่เดินออกมาพ้นเขตวังชินหั่วแล้ว ดวงตากระจ่างเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในตัวเองก่อนหน้าของต่งหลินก็แปรเปลี่ยนเป็นแดงฉาน แสงเย็นชายะเยือกคมกล้าสาดพุ่งออกวูบวาบ
ในใจของมันตอนนี้…ท่วมท้นไปด้วยความเกลียดชังอันไร้สิ้นสุด!
‘ต้วนหลิงเทียนเจ้าจงภาวนาไว้ว่าอย่าได้เผลอเปิดช่องให้ข้ามีโอกาสอันใดเถอะ…หาไม่แล้วข้าจะไม่มีวันละเว้นเจ้าแน่!!’