บทที่ 1126 วิธีมั่งคั่งของหลินจิ้ง

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1126 วิธีมั่งคั่งของหลินจิ้ง

วาบ!

ขณะที่มู่เฉินคำรามก็พุ่งออกไปพร้อมกับหอกสีแดงในมือที่สั่นเทารุนแรง เขาเทคลื่นหลิงจำนวนมหาศาลลงไป หอกเปลี่ยนเป็นลำแสงที่มีความยาวร้อยจั้งซัดไปที่หน้าอกของผู้บัญชาการตำหนักสายลม

บวกกับประสิทธิภาพของหอกและชุดเกราะสงครามมังกรแดง การโจมตีของมู่เฉินก็กร้าวแกร่งมากขึ้น กระบวนท่านี้สามารถฉีกร่างจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดออกจากกันได้อย่างง่ายดาย

ลำแสงขยายใหญ่ขึ้นในม่านตาดำมืดของผู้บัญชาการตำหนักสายลม ก่อนที่แสงแวววาวสีดำจะระเบิดออกจากร่าง ช่างดูคล้ายกับควันพวยพุ่ง น่ากลัวอย่างผิดปกติ

ผู้บัญชาการตำหนักสายลมยื่นมือดำเมื่อมที่ปกคลุมไปด้วยรัศมีปีศาจคว้าออกไปจับหอก ทำให้มิติตรงหน้าแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

ฮึ่ม!

มิติแปรปรวนพร้อมกับเสียงครางกระหึ่ม ทว่าหอกแสงที่สามารถแทงร่างจอมยุท์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดได้อย่างง่ายดาย กลับถูกตรึงเอาไว้ด้วยมือสีดำจนไม่ขยับเขยื้อน

สายตาของมู่เฉินดิ่งลงเมื่อเห็นว่าหอกแสงถูกขัดขวางไว้ได้ นั่นเป็นเพราะเขารับรู้ได้ถึงพลังน่ากลัวที่อยู่ในมือนั่น

มือนั่นราวกับหลุมดำ ไม่ว่าคลื่นหลิงจะรุนแรงเพียงใดก็ไม่อาจขยับเขยื้อน จนพลังเบื้องหลังต้องสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง

ผู้บัญชาการตำหนักสายลมจ้องมู่เฉินด้วยสายตาชั่วร้าย เผยรอยยิ้มหยันก่อนที่จะกำมือแน่น

ปัง!

ลำแสงถูกทำลายทันควัน

ผู้บัญชาการตำหนักสายลมยกกำปั้นขึ้นจากนั้นก็เหวี่ยงออกไปทางมู่เฉินพร้อมกับรัศมีสีดำวนอยู่รอบหมัด ทำให้มิติเบื้องหน้าระเบิดออก

ตู้ม!

เกลียวแสงสีดำปรากฏที่เบื้องหน้ามู่เฉินด้วยความเร็วเหนือแสง กระแทกเข้าที่หน้าอกมู่เฉินจังใหญ่

มู่เฉินได้รับผลกระทบหนักหน่วง ร่างปลิวออกมา เสาที่อยู่ในวิถีทางก็แตกเป็นเถ้าถ่าน

ร่างของมู่เฉินกระเด็นไปนับพันจั้นก่อนที่จะทรงตัวได้ คลื่นหลิงในร่างกายพวยพุ่งสับสนปนเป เขาก้มลงมองก็เห็นบนชุดเกราะสงครามมังกรแดงส่วนหนึ่งยุบลงไป

ภาพนี้ทำให้มู่เฉินหัวใจหวั่นไหว ผู้บัญชาการตำหนักสายลมทรงพลังมาก หากเขาไม่มีชุดเกราะนี้ คงได้รับบาดเจ็บหนักจากหมัดนี้หมัดเดียว

แต่ถึงกระนั้นอวัยวะภายในก็บอบช้ำ ความหวานตีขึ้นในลำคอ

ฮา

มู่เฉินสูดหายใจเข้าลึกเพื่อระงับกระแสเลือด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดลงหลายส่วน แต่จากหมัดเมื่อสักครู่เขาก็สัมผัสได้อย่างคลุมเครือถึงพลังของอีกฝ่าย ผู้บัญชาการตำหนักสายลมดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในระดับตี้จื้อจุน แต่ก็ยังเหนือกว่าระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็ม ตามการประมาณของเขาขุมพลังน่าจะอยู่ระหว่างสองระดับนี้

ดูเหมือนว่าช่วงเวลานับหมื่นปีทำให้ผู้บัญชาการตำหนักสายลมอ่อนแอลงมาก

นี่ทำให้มู่เฉินรู้สึกโล่งใจ โชคดีที่เขาไม่ใช่จอมยุทธ์ตี้จื้อจุน มิฉะนั้นพวกเขาคงไม่สามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน แม้จะมีตุ๊กตาน้ำแข็งร่วมสู้ด้วยก็ตาม

วาบ!

ขณะที่มู่เฉินผ่อนคลายในใจ ทันใดนั้นเขาก็ต้องหดดวงตาเมื่อเห็นมิติแตกเป็นเสี่ยงๆ ที่เบื้องหน้าก่อนที่เกลียวแสงสีดำจะพุ่งออกมาจากรอยแตกมิติ ผู้บัญชาการตำหนักสายลมปรากฏตัวที่หน้าเขา มือสีดำเมื่อมดูคล้ายกับกรงเล็บเทพความตายซัดลงบนศีรษะเขา

“ระวัง!”

เสียงตะโกนของหลินจิ้งดังก้อง ก่อนที่ไอเย็นเยียบจะพัดเข้ามา กระบี่น้ำแข็งสีฟ้าปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของมู่เฉิน พุ่งเข้าปะทะกับฝ่ามือของผู้บัญชาการตำหนักสายลม

ปัง!

เมื่อกระบี่น้ำแข็งสัมผัสกับฝ่ามือก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ฝ่ามือถูกหยุดได้อึดใจเดียว จากนั้นก็ซัดลงมาต่อ

วาบ!

ทว่าขณะที่กำลังจะกดลงไปที่ศีรษะของมู่เฉินก็ทะลุผ่านไป ร่างเขากลายเป็นภาพซ้อน หลบการโจมตีได้อย่างรวดเร็วภายใต้การขัดขวางในอึดใจนั้น

“ตู้ม!”

เกลียวแสงสีทองพร่างพราวระเบิดออกจากร่างมู่เฉิน ร่างเงาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังพร้อมกับดวงตะวันสีทองลุกโชติช่วงจากร่างเทพสุริยะ

ครืน!

ฝ่ามือของร่างเทพสุริยะมีของเหลวสีทองที่บรรจุด้วยพลังมหาศาลไหลอยู่ เงาฝ่ามือขนาดใหญ่โจมตีร่างผู้บัญชาการตำหนักสายลม

ฝ่ามือนั้นมีพลังต่อสู้เหลือล้นทั้งจากมู่เฉินและร่างเทพสุริยะ

แสงสีทองระเบิดบนร่างผู้บัญชาการตำหนักสายลม ทำให้ร่างถลากลับไป เกลียวแสงสีดำแล่นแปลบปลาบบนร่างเป็นลอน แต่เห็นได้ชัดว่าแม้จะเผชิญหน้ากับการโจมตีรุนแรงเช่นนี้ ก็ไม่อาจทำให้ผู้บัญชาการตำหนักสายลมได้รับบาดเจ็บหนักได้

ฉ่า! ฉ่า!

เมื่อมู่เฉินเปิดการโจมตี เพลิงผลึกใสก็ปรากฏขึ้นล้อมรอบร่างผู้บัญชาการตำหนักสายลม อุณหภูมิที่น่าสะพรึงกลัวทำให้รัศมีปีศาจรอบตัวระเหยไป เหมือนมีเสียงคำรามต่ำพร่าดังออกมาเลือนราง

เมื่อเห็นฉากนี้ จิ่วโยวที่มีเพลิงผลึกใสลุกทั่วร่างก็ดีใจ ดูเหมือนว่าเพลิงอมตะของนางจะปราบปรามผู้บัญชาการตำหนักสายลมได้เล็กน้อย

ปุ!

แต่ความปีติยินดีก็คงอยู่วูบเดียว ก่อนที่เกลียวแสงสีดำทะมึนจะพุ่งออกมาจากร่างผู้บัญชาการตำหนักสายลมซึ่งดูราวกับน้ำหมึก เส้นทางผ่านแม้แต่มิติยังกลายเป็นสีดำมืดมิด ดับเพลิงที่ปกคลุมบนร่างกายทันที

เมื่อมู่เฉินและจิ่วโยวเห็นภาพนี้ก็ขมวดคิ้ว ผู้บัญชาการตำหนักสายลมต่อกรยากน่าดู

วาบ!

เกลียวแสงสีดำเชี่ยวกรากพุ่งขึ้นก่อนจะเฉือนลงมา ราวกับดาบขนาดใหญ่ซัดไปทางจิ่วโยว

“เสี่ยวปิงขวางไว้!”

หลินจิ้งตะโกนสั่ง ตุ๊กตาน้ำแข็งก็ปรากฏตัวเหนือร่างจิ่วโยว เบื้องหน้าอากาศเย็นควบแน่นเป็นเกราะน้ำแข็งหนา

หลินจิ้งกำมือแน่นเครื่องรางหยกหลายชิ้นปรากฏบนฝ่ามือ ก่อนที่จะเหวี่ยงออก เครื่องรางหยกเหล่านั้นติดบนร่างตุ๊กตาน้ำแข็ง รวมตัวกันเป็นชั้นหยกห่อหุ้มร่างตุ๊กตาน้ำแข็งไว้

ปัง!

ใบมีดสีดำปะทะเข้ากับตุ๊กตาน้ำแข็ง ชั้นหยกแวววาวแตกออกทีละชั้น แต่การแตกตัวของทุกชั้นใบมีดสีดำก็จะอ่อนลงส่วนหนึ่ง เมื่อโจมตีมาถึงร่างตุ๊กตาน้ำแข็ง ก็เพียงแค่ทิ้งรอยลึกไว้บนชุดเกราะเท่านั้น

เมื่อมู่เฉินกับจิ่วโยวเห็นภาพนี้ก็สูดอากาศลึกสุดปอด พวกเขาตกใจกับข้อเท็จจริงที่ตุ๊กตาน้ำแข็งสามารถต้านทานกระบวนท่าได้และไม่ถูกทำลาย ชัดว่า…ทั้งหมดเกิดจากเครื่องรางหยก

“นั่นคือ…เครื่องรางหยกอารักษ์?”

เปลือกตามู่เฉินกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ ขณะมองไปที่เครื่องรางเหล่านั้น

เขาสามารถรับรู้ได้ว่าเครื่องรางหยกทรงพลังเพียงใด เพียงหนึ่งชิ้นก็สามารถต้านทานการโจมตีของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มได้ เครื่องรางเหล่านั้นถือว่าเป็นวัตถุที่สิ้นเปลือง แต่วิธีผลิตก็ยุ่งยาก ดังนั้นราคาจึงไม่ธรรมดา ถ้าคนธรรมดาสามารถครอบครองสักชิ้นหนึ่งในนั้น พวกเขาจะเก็บไว้เป็นไพ่ตายอย่างดี แต่สำหรับหลินจิ้งนางใช้ทีเป็นโหล…

การกระทำที่ฟุ่มเฟือยเหล่านั้นทำให้มู่เฉินรู้สึกปวดใจแทน

หลินจิ้งกลับสงบกับเรื่องแบบนี้ พูดแบบสบายๆ ว่า “การออกมาท่องยุทธภพครั้งนี้ข้าเตรียมการมาพร้อม… ต่อไปพวกเจ้าโจมตีเต็มกำลังเลย ข้าจะใช้ตุ๊กตาน้ำแข็งปกป้องให้ ข้าไม่เชื่อว่าพวกเราจะไม่สามารถจัดการมันได้!”

เมื่อมู่เฉินกับจิ้วโยวได้ยินคำพูดของหลินจิ้ง ทั้งคู่ก็พูดไม่ออกเป็นเวลานานก่อนจะยอมรับความจริงแบบหมดจดพูดพร้อมกันว่า “ยัยหีบทองเคลื่อนที่!”

เมื่อมีหีบทองเข้าร่วมศึกสถานการณ์ก็เริ่มเปลี่ยนไป มู่เฉินกับจิ่วโยวเทหมดหน้าตักโดยไม่สนใจใดๆ ปล่อยการโจมตีไปยังผู้บัญชาการตำหนักสายลมทุกทิศทาง ทำให้เกิดเสียงคำรามขึ้นจากเขา

เผชิญหน้ากับการโจมตีของผู้บัญชาการตำหนักสายลม ตุ๊กตาน้ำแข็งก็ต้านทานได้ทุกครั้ง แต่ราคาที่จ่ายเท่ากับการบริโภคเครื่องรางที่ทรงพลังกองหนึ่ง

ผู้บัญชาการตำหนักสายลมไม่มีสติปัญญาหลงเหลือ จึงไม่รู้จักหลบหลีกตุ๊กตาน้ำแข็ง ดังนั้นเขาจึงไล่โจมตีแต่ตุ๊กตาน้ำแข็งโดยไม่สนว่าร่างอีกฝ่ายปกคลุมไปเครื่องรางที่เหมือนชั้นกระดองเต่า

ดังนั้นเผชิญกับหลินจิ้งที่โยนเครื่องรางหยกออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้แต่จอมยุทธ์ทรงพลังอย่างผู้บัญชาการตำหนักสายลมก็ไม่สามารถทนต่อความเหนื่อยล้าได้ เกลียวแสงสีดำรอบตัวเริ่มร่วงโรยไปซึ่งเกิดจากฝีมือของมู่เฉินและจิ่วโยว

ถ้าสถานการณ์นี้ยังดำเนินต่อไป สุดท้ายผู้บัญชาการตำหนักสายลมคงจะเสียพลังจนต้องสลายหายไปจริงๆ

มู่เฉินกับจิ่วโยวแลกเปลี่ยนสายตากันพลางถอนหายใจโล่งอก ตอนแรกคิดว่าจะเป็นการต่อสู้เข้มข้น แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเรื่องขบขันไปได้

ครืน!

เมื่อเวลาผ่านไปภายใต้การผลัดกันโจมตีของมู่เฉินกับจิ่วโยว ผู้บัญชาการตำหนักสายลมก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ ทันใดนั้นเขาก็ชะงักก่อนที่จะถอยฉาก ยอมแพ้กับการโจมตีตุ๊กตาน้ำแข็ง

เมื่อมู่เฉินเห็นผู้บัญชาการตำหนักสายลมถอยห่างก็อึ้งไป ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนแปลงรุนแรง เนื่องจากเขาเห็นผู้บัญชาการตำหนักสายลมถอยไปที่ตั้งของพัดขนนกสีเขียว!

ความไม่สบายใจปกคลุมหัวใจของเขา

ขณะที่มู่เฉินรู้สึกไม่ดี ผู้บัญชาการตำหนักสายลมก็โจนตัวขึ้นบนเสาหิน เขายื่นมือออกไปคว้าพัดขนนกสีเขียวไว้ในมือ

ตู้ม!

ทันใดนั้นพายุที่น่าสะพรึงก็ระเบิดออกจากพัดขนนก ราวกับว่าต้องการฉีกมิติออกจากกัน

นี่คืออาวุธมหสวรรค์ของแท้!

สีหน้ามู่เฉิน จิ่วโยวและหลินจิ้งเปลี่ยนไปมาก ไม่มีใครคิดว่าผู้บัญชาการตำหนักสายลมจะพุ่งไปหยิบอาวุธมหสวรรค์มาใช้

ด้วยพลังของเขาบวกกับอาวุธมหสวรรค์อีก แน่นอนว่าความแข็งแกร่งจะเทียบเคียงระดับตี้จื้อจุนอย่างแท้จริง!

ในเวลานั้นคงไร้ประโยชน์ไม่ว่าหลินจิ้งจะมีเครื่องรางป้องกันกี่ชิ้นก็ตาม

มู่เฉินขมวดคิ้วถอนหายใจ

“นี่เป็นปัญหาซะแล้ว”