ตอนที่ 1968 ผมน่ะถ่อมตัว

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1968 ผมน่ะถ่อมตัว

มีศิษย์สายตรงหลายตระกูลและหลายระดับในสำนักดาบเมฆเหิน แต่ละคนอยู่ภายใต้การดูแลของผู้อาวุโสคนหนึ่ง

ชายวัยกลางคนเสื้อคลุมสีเทาผู้นี้เป็นศิษย์สายตรงภายใต้การดูแลของผู้อาวุโสหานแห่งยอดเขาเมฆขาว ชื่อของเขาคือจูเหยียนจื่อ

รู้ดีถึงความเสี่ยงจากการทำตัวเป็นเจ้ามือรับพนันโดยฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ จูเหยียนจื่อมีมาตรการป้องกันตัวมากมาย ทั้งปรับเปลี่ยนรูปร่างหน้าตา น้ำเสียง ถึงกับเปลี่ยนแปลงบุคลิกด้วย ในสถานการณ์ปกติ ไม่ควรจะมีใครดูออกว่าเขาเป็นใคร แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับเรียกชื่อเขาออกมาได้อย่างเต็มปาก จะไม่ให้ตกตะลึงได้อย่างไร?

“ผมไม่ได้แค่รู้ว่าคุณเป็นใครนะ ยังรู้ด้วยว่าคุณมีเงินอยู่กับตัว 973 เหรียญสำนักดาบ ต่อให้คุณต้องจ่ายไป 600 เหรียญ ก็ยังเหลืออีกบานเบอะ มาโกหกผมแบบนั้นน่ะไม่สวยเลย ไม่รู้หรือว่าความจริงใจเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดในการทำมาค้าขาย?” จางเซวียนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยๆ

จูเหยียนจื่อรู้สึกเหมือนถูกผลักตกลงไปในบ่อน้ำแข็ง เขาถอยกรูดไปโดยไม่รู้ตัว

มีคนจํานวนหนึ่งที่ทำตัวเป็นเจ้ามือรับพนันแบบหลบๆซ่อนๆในหอนิรันดร์ ดังนั้น หากจะมีใครสักคนสืบเสาะเรื่องนี้ การขุดรากถอนโคนตัวเขาก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่เงินส่วนตัวที่เขามีเป็นความลับที่มีแต่เขาเท่านั้นที่รู้ แม้แต่เพื่อนสนิทที่สุดยังไม่รู้เลย! แล้วหมอนี่รู้ได้อย่างไร?

“คุณเป็นใคร? มาล้วงลึกเรื่องราวของผมทำไม?” จูเหยียนจื่อกำหมัดแน่นอย่างระแวง

ถ้าอีกฝ่ายไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เขาก็แค่ออกจากหอนิรันดร์ไปและจบทุกอย่างไว้เพียงเท่านี้ หมอนั่นไม่มีทางหาตัวเขาพบอยู่แล้ว แต่เมื่อถูกเปิดโปงตัวตนที่แท้จริง การหลบหนีก็ไร้ประโยชน์

“ผมคือ ‘ผมน่ะถ่อมตัว’ ส่วนที่ผมล้วงลึกเรื่องราวของคุณ…ขอบอกเลยว่าคุณคิดมากไปแล้วล่ะ ขอแค่คุณจ่ายส่วนของผมมา ผมก็ไม่สนสักนิดว่าแท้ที่จริงแล้วคุณเป็นใคร!” จางเซวียนตอบ

“ผมน่ะถ่อมตัว?” ได้ยินชื่อนั้น จูเหยียนจื่อถึงกับมึนหัว

แม้นักรบทั่วไปจะใช้สมญานามได้ตามใจในหอนิรันดร์ แต่ส่วนมากพวกเขาก็จะเลือกวลีที่มีความหมายล้ำลึกหรือสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับชื่อของตัวเอง แต่สมญาของหมอนี่ช่าง…

ถ่อมตัวบ้านคุณน่ะสิ*!*

เพิ่งมาถึงได้แป๊บเดียว ผ่านไปไม่ถึง 10 นาที ก็ดูดเงิน 700 เหรียญสำนักดาบไปจากผมแล้ว คุณเข้าใจอะไรผิดเกี่ยวกับคำว่า ‘ถ่อมตัว’ หรือเปล่า?

อย่าเอาคำนี้มาบิดเบือนได้ไหม?

จูเหยียนจื่อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาแสนจะไม่เต็มใจ แต่รู้ดีว่าไม่มีทางเลือก จึงเงยหน้ามองขึ้นอีกฝ่ายและพูดว่า “ก็ได้ ผมยอมแพ้ แต่เมื่อผมจ่ายเงินส่วนของคุณแล้ว ผมจะเชื่อใจคุณได้ไหมว่าคุณจะเก็บความลับเรื่องตัวตนของผมได้?”

จูเหยียนจื่อรู้ดีว่าต่อให้เขาสังหารอีกฝ่ายก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น หมอนั่นก็แค่สูญเสียตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลไปอันหนึ่ง แต่ยังสามารถเปิดเผยเรื่องราวของเขาได้ทุกเมื่อ

เขากำลังเพลี่ยงพล้ำอย่างหนัก ทั้งหมดที่ทำได้คือพยายามเจรจาสันติภาพและหวังว่าอีกฝ่ายจะปรานี

“แน่นอน” จางเซวียนพยักหน้า

เขาไม่แยแสสักนิดว่าหมอนี่เป็นเจ้ามือรับพนันหรือเป็นอะไร เพราะตัวเขาก็ไม่ใช่เจ้าสำนักหรือผู้อาวุโสสักหน่อย ทั้งหมดที่เขาอยากทำก็คือถ่อมเนื้อถ่อมตัวไว้และหาเงินเท่านั้น

“ผมจะเชื่อใจคุณนะ…” จูเหยียนจื่อหลุดปากอย่างลังเลขณะแตะเบาๆที่บัตรนิรันดร์

พริบตาต่อมา จางเซวียนก็เห็นเงิน 600 เหรียญสำนักดาบเพิ่มขึ้นในบัตรนิรันดร์ของเขา เขาพยักหน้าอย่างพอใจ “ถ้าคุณยังอยากพนันกับผมอยู่ล่ะก็ เรียกหาผมได้ทุกเมื่อนะ หรือหาเพื่อนมาพนันแทนก็ได้ ผมไม่มีปัญหา!”

“อะ-เอ่อ ไม่เป็นไร การพนันน่ะไม่ดีนักหรอก ผมว่าจะเบนเข็มไปหาอย่างอื่นทำ…” จูเหยียนจื่อมีสีหน้าเคร่งเครียด เขาหันหลังกลับแล้วรีบจากไป

จูเหยียนจื่อไม่อยากอยู่ต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียว เขาเกรงว่าหากตัวเองเกิดโมโหเดือดจนลืมตัวขึ้นมา อาจโง่เง่าจนตกปากรับข้อเสนอของหมอนั่นและพนันต่อ เขาไม่อาจเสียเงินที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดได้อีกแล้ว!

สาวน้อยเสื้อคลุมสีเทาคนเมื่อครู่สังเกตเห็นจูเหยียนจื่อจากไป จึงรีบตามไปติดๆ เธอมีสีหน้าอิจฉาขณะตั้งคำถาม “เป็นอย่างไรบ้าง? สูบเงินไอ้งั่งนั่นได้เท่าไหร่?”

“ไอ้งั่ง?” คำนั้นทำให้จูเหยียนจื่อหวนนึกถึงสิ่งที่ตัวเองเคยพูด เขาแทบปล่อยโฮ “ผมต่างหากที่เป็นฝ่ายเสีย!”

เมื่อ 10 นาทีก่อน เขายังคิดว่าได้พบถุงเงินถุงทองที่สามารถถลุงได้ตามใจ แต่ไม่ทันไร ตัวเขาเองกลับถูกถลุงจนเกลี้ยง

“คุณแพ้หรือ?” สาวน้อยเสื้อคลุมสีเทาถึงกับจังงัง

จูเหยียนจื่ออึ้งไปพักหนึ่งก่อนจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้สาวน้อยเสื้อคลุมสีเทาฟังด้วยความหงุดหงิด เมื่อจบเรื่อง อีกฝ่ายก็แทบลมจับ

“เมื่อครู่นี้คุณบอกว่าหมอนั่นไม่เพียงแต่คาดเดาผลการต่อสู้ได้อย่างแม่นยำ ยังรู้ภูมิหลังของคุณด้วย?”

“ก็ใช่น่ะสิ ดูเหมือนหมอนั่นมีบางอย่างซุกซ่อนอยู่ เขาน่าจะมาที่นี่เพื่อทำลายกิจการของเราแน่! ฮึ่มมม! เขาคิดจริงๆหรือว่าจะลอยนวลไปพร้อมกับเงินนี้ได้? สบประมาทพวกเราเกินไปแล้วล่ะ! เหยียนจื่อ, คุณอยากได้เงินคืนไหม?” สาวน้อยเสื้อคลุมสีเทาตั้งคำถามด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย

“อยากสิ แต่…ผมจะเอาเงินคืนจากเขาได้อย่างไร?” จูเหยียนจื่อถอนหายใจอย่างจนปัญญา

“ง่ายนิดเดียว! เราก็แค่พนันกับเขาต่อ” สาวน้อยเสื้อคลุมสีเทาตอบยิ้มๆ

“พนันต่อ?” จูเหยียนจื่อถึงกับพูดไม่ออก “แต่เขาคาดเดาผลการต่อสู้ได้ถูกต้องแม้กระทั่งการแทงเสมอนะ คุณคิดว่าเราจะเอาชนะคนแบบนั้นได้หรือ?”

“สมงสมองไปหมดแล้วหรือไง? เหตุผลที่เขารู้สถานการณ์ของสังเวียนประลองเป็นอย่างดีจะต้องเป็นเพราะเขามีข้อมูลวงใน…มีความเป็นไปได้ว่าเขาร่วมมือกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อเล่นตุกติกกับคุณ!” สาวน้อยเสื้อคลุมสีเทาตอบ

“เอ่อ…” จูเหยียนจื่อครุ่นคิดหนัก

ก็จริง คนที่จะชนะพนันซ้ำแล้วซ้ำอีกได้ก็ต้องใช้การคดโกงเท่านั้น

เขามัวหมกมุ่นอยู่กับการต้องสูญเสียเงินก้อนใหญ่จนลืมนึกถึงความจริงข้อนี้ แต่เมื่อสาวน้อยชี้ให้เห็น ก็น่าสงสัยจริงว่าหมอนั่นคาดเดาผลการต่อสู้ได้ถูกต้องแม้แต่การแทงเสมอได้อย่างไร

จูเหยียนจื่อพลันรู้ตัวทันทีว่าตัวเองถูกโกง!

หมอนั่นจะต้องมีนอกมีในกับคู่ต่อสู้บนสังเวียนประลองเพื่อเล่นตุกติกกับเขา ไม่อย่างนั้น เรื่องบังเอิญแบบนี้คงไม่มีทางเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า!

“แล้วคุณคิดว่าเราควรทำอย่างไรล่ะ?”

ความคิดนี้ขจัดความกลัวในหัวใจของจูเหยียนจื่อให้หมดสิ้นไป โทสะเข้ามาแทนที่

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีใครพยายามคดโกงเขาแบบนี้ ดูเหมือนเขาทำตัวสงบเสงี่ยมมานานเกินไปเสียแล้ว!

“เขาอาจควบคุมผลการดวลบนสังเวียนประลองได้ แต่ควบคุมคุณกับฉันไม่ได้นี่ เราท้าทายเขาเข้าสู่การดวล แล้วตั้งเงื่อนไขให้เขาคืนเงินมาทั้งหมดรวมทั้งปิดปากเงียบ เท่านั้นก็สิ้นเรื่อง! คุณอาจเสียเงินไปเยอะ แต่ขอแค่เอาชนะครั้งนี้ได้ครั้งเดียว ก็จะได้ทุกอย่างกลับคืนมา” สาวน้อยเสื้อคลุมสีเทาตอบ

“แล้วเขาจะยอมหรือ? อีกอย่าง ผมก็ไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเขาทรงพลังแค่ไหน เราจะเอาชนะเขาได้จริงๆหรือเปล่า?” จูเหยียนจื่อค่อนข้างลังเล

แน่นอนว่าหากเขาเอาชนะได้ก็ย่อมดีที่สุด แต่ถ้าแพ้อีกล่ะก็…เขาจะไม่เหลืออะไรเลย!

“วางใจเถอะน่ะ เขาต้องรับคำท้าแน่ ฉันไม่รู้ตัวตนของเขา แต่ในเมื่อเขากล้ารวมหัวกับพวกที่ขึ้นดวลก่อนหน้านี้ ฉันก็มีวิธีการของฉันเองที่จะเปิดโปงเขาให้ได้! เราสามารถใช้ตัวตนที่แท้จริงของเขาเพื่อข่มขู่ให้เขาตอบรับคำท้าดวล ส่วนเราจะเอาชนะเขาได้หรือไม่นั้นยังไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่ หากเอาชนะได้ก็ย่อมดีที่สุด แต่ต่อให้ถอยไปก้าวหนึ่ง ถึงเราแพ้ ทุกอย่างก็ยังเข้าข้างเราอยู่ดี”

“ศิลปะเพลงดาบของพวกเราอาจไม่ได้เยี่ยมยอดที่สุดในบรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายใน แต่ก็ไม่เลวนัก หากเราทุ่มสุดตัวตั้งแต่เริ่ม ก็น่าจะบีบให้หมอนั่นใช้เทคนิคขั้นสูงสุดของตัวเขาได้ ต่อให้เราเอาชนะเขาไม่ได้ก็เถอะ ขอแค่เขาเปิดเผยไม้ตายออกมา การจะหาตัวว่าเขาคือใครก็ย่อมง่าย ไม่ใช่หรือ? จากนั้น เราก็มีอีกร้อยแปดวิธีที่จะทำให้เขาคายเงินของคุณออกมา!”

“เอ่อ…” จูเหยียนจื่อตาโตด้วยความตื่นเต้น

จริงด้วย!

ขอแค่ทำให้อีกฝ่ายยอมดวลกับพวกเขา ด้วยประสิทธิภาพการต่อสู้ที่ทั้งคู่มี ไม่มีศิษย์สายตรงฝ่ายในคนไหนจะเอาชนะพวกเขาได้ ทันทีที่อีกฝ่ายเปิดเผยไม้ตาย การจะหาตัวว่าหมอนั่นเป็นใครก็ไม่ใช่เรื่องยาก

พวกเขาเล่นการพนันก็จริง แต่หมอนั่นก็มีส่วนร่วมด้วย แถมยังพยายามโกงผลการประลอง ซึ่งเป็น อาชญากรรมร้ายแรงกว่า ในกรณีเลวร้ายที่สุด สำนักดาบเมฆเหินอาจสั่งระงับการฝึกฝนวรยุทธของหมอนั่นและขับเขาออกจากสำนักทันทีเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนอื่นๆ

เพราะถึงอย่างไร การกระทำแบบนั้นก็ส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือของสำนัก!

ต่อให้เขาใช้เล่ห์กลบีบให้อีกฝ่ายคืนเงินทุกเหรียญสำนักดาบมา หมอนั่นก็คงไม่กล้าปริปาก

“ตามนั้น!”

จูเหยียนจื่อคิดทบทวนอย่างรวดเร็วจนแน่ใจว่าไม่มีปัญหา จากนั้น ตัวเขากับสาวน้อยเสื้อคลุมสีเทาก็เดินกลับไปหาจางเซวียยอีกครั้ง “สหาย ผมขอเสนอให้คุณพนันกับผมอีกครั้ง”

“พนันอีกครั้ง?” จางเซวียนตาโต

เขาออกจะแปลกใจที่เห็นหมอนี่กลับมายื่นข้อเสนอพนันอีกทั้งที่เสียเงินไปแล้วมากโข

สมกับที่เป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในของสำนักดาบเมฆเหิน ช่างตั้งตัวได้เร็วเหลือเกิน!

“ง่ายนิดเดียว เราทั้งคู่จะดวลกับคุณ ขอแค่คุณเอาชนะพวกเราได้ เราจะยอมแพ้ แต่ถ้าเราชนะ ผมขอให้คุณคืนทุกอย่างที่ผมเสียไปกลับมาให้ผม และให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่บอกใครเรื่องตัวตนที่แท้จริงของผมด้วย แต่เพราะคุณอยู่ในฐานะผู้เสียเปรียบในการท้าพนันครั้งนี้ เราจึงจะปล่อยให้คุณตั้งเดิมพันได้ตามใจ” จูเหยียนจื่อพูด

เพื่อปลอดภัยไว้ก่อน จูเหยียนจื่อตัดสินใจว่าทั้งตัวเขาและสาวน้อยเสื้อคลุมสีเทาจะเข้าร่วมการประลอง เขาต้องการความมั่นใจในการท้าพนันครั้งนี้

มีศิษย์สายตรงฝ่ายในเพียงไม่กี่คนที่รับมือกับพวกเขาได้ในการดวลตัวต่อตัว แต่ไม่มีใครรับมือกับพวกเขาทั้งคู่ได้อย่างแน่นอน!

พูดอีกอย่างก็คือ ขอแค่อีกฝ่ายตกปากรับคำท้า ก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะแพ้!

“คุณอยากดวลกับผมหรือ? หากผมเอาชนะคุณทั้งคู่ได้ คุณจะยอมรับเดิมพันเท่าไหร่ก็ตาม…ตามแต่ที่ผมจะตั้งใช่ไหม?” จางเซวียนตาโตด้วยความตื่นเต้น

เขาอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ

เรื่องนี้ทำให้นึกถึงคำพังเพยที่ว่ากันว่า ‘ยื่นหมอนให้ขณะที่ใกล้จะสัปหงก’ เขากำลังคิดอยู่ว่าจะหาเงินเพิ่มได้อย่างไร พระเจ้าก็มอบโอกาสใส่มือเขา

ดูเหมือนโลกนี้จะมีผู้เสียสละอยู่มากมายจริงๆ!

“ใช่แล้ว ถ้าคุณไม่ตกลงล่ะก็ ตามที่เราพนันกันเมื่อครู่ ผมรู้ว่า…” เกรงว่าจางเซวียนจะหักหลัง จูเหยียนจื่อกำลังจะขู่สำทับ ก็พอดีกับที่เห็นชายหนุ่มพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น

“ผมรับคำท้า! ขอตั้งเดิมพันที่ 720 เหรียญ ถ้าคุณแพ้ คุณจะต้องจ่ายเงินจำนวนนี้ให้ผม!”

จูเหยียนจื่อกับสาวน้อยเสื้อคลุมสีเทาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตอบตกลงง่ายๆ ดูเหมือนทุกคำที่พวกเขา ตั้งใจเตรียมมาบีบบังคับหมอนี่กลายเป็นเรื่องไร้ประโยชน์