ตอนที่ 703 ต่อสู้กับดาราพยากรณ์ (1)

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตอนที่ 703 ต่อสู้กับดาราพยากรณ์ (1) โดย Ink Stone_Fantasy

พริบตาที่ผู้อาวุโสขุยมู่เสียชีวิตนั้น มังกรดำที่ถูกอสรพิษจำนวนมากโจมตี ก็ส่งเสียงร้องโหยหวน และร่วงลงมาเป็นเป็นกริชที่มีสภาพไม่สมบูรณ์อีกครั้ง

พอหลิ่วหมิงดูถึงตอนนี้ ใจเขาก็จมดิ่งลงไป

ผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ผู้หนึ่ง ถูกหญิงผู้หนึ่งสังหารโดยไม่มีพลังต้านเลยแม้แต่น้อย พอเขานึกถึงฉากที่ผู้อาวุโสขุยมู่หลบหนีไปทันทีที่ได้เห็นใบหน้าของนาง และเรื่องที่นางรู้ว่าเขาใช้เคล็ดวิชาภาพสัญลักษณ์ปิดบังระดับการฝึกฝนแล้ว ผู้อาวุโสจินหมานผู้นี้จะต้องเป็นผู้แข็งแกร่งระดับดาราพยากรณ์อย่างไม่ต้องสงสัย!

“แม้ข้าจะเป็นผู้อาวุโสของชนเผ่าจินหมาน แต่ก็มีสายเลือดเผ่าปีศาจอยู่ครึ่งหนึ่ง มีโลหิตปีศาจสวรรค์นี้แล้ว สายเลือดปีศาจของข้าจะต้องพัฒนาไปอย่างมาก จะได้ถือโอกาสนี้บรระลุระดับดาราพยากรณ์ขั้นกลางพอดี! ฮึ! หากไม่ใช่ว่าการแปลงร่างของหุ่นตัวนี้มีเวลาจำกัด ต่อให้ผู้ฝึกฝนทั่วทั้งแดนลึกลับลงมือพร้อมกัน ข้าก็สามารถทำลายได้เพียงแค่พลิกฝ่ามือ” หญิงผมอสรพิษมองดูร่างของผู้อาวุโสขุยมู่ที่หายไปแล้วพูดพึมพำออกมา

แม้ว่าน้ำเสียงจะไม่ดังมากนัก แต่ในสถานที่เงียบสงัดและไร้ชั้นจำกัดปิดกั้นเสียงเช่นนี้ หลิ่วหมิงยังคงได้ยินอย่างชัดเจน และก็ทำให้เขารู้สึกเย็นสะท้านขึ้นมา

นางไม่กังวลกับคำพูดเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย นั่นก็หมายความนางจะต้องไม่ให้ใครเล็ดลอดออกไปได้

ในความเป็นจริงแล้ว ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสจินหมานผู้นี้ใช้วิธีการอะไร ถึงทราบว่าพวกปีศาจสายฟ้าทั้งสองกำลังวางแผนนี้อยู่ แม้ว่าอยากจะได้โลหิตปีศาจสวรรค์โดยเร็ว แต่กลับหวาดกลัวพลังของปีศาจสายฟ้ากับปีศาจเหล็ก และไม่อยากปะทะกับพวกเขาซึ่งๆ หน้า ดังนั้นจึงส่งหุ่นแปลงร่างที่ถูกนางใช้จิตควบคุมอย่างลับๆ แฝงตัวเข้ามาในแดนลึกลับ

แต่หลิ่วหมิงก็เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับหุ่นแปลงชั่วคราวจากคัมภีร์ในนิกายยอดบริสุทธิ์มาก่อน แม้ว่าจะใช้ได้ดีในช่วงเวลาสำคัญ แต่กลับมีข้อจำกัดมากมาย โดยทั่วไปจะแสดงพลังได้เพียงครึ่งหนึ่งของร่างจริง แม้กระทั่งอาจจะต่ำกว่าก็ได้ ทั้งยังมีข้อจำกัดเรื่องเวลาที่โหดร้ายเป็นอย่างยิ่ง

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างหลิ่วหมิงจะสามารถต้านทานได้

แต่ขณะนั้นเอง หญิงผมอสรพิษที่อยู่ไม่ไกลก็ดูเหมือนจะรับรู้อะไรได้ จึงหันหน้ามามองหลิ่วหมิงที่นอนอ่อนปวกเปียกในฉับพลัน พอร่างของนางพร่ามัว ก็มาปรากฏตัวอยู่บนอากาศเหนือร่างของหลิ่วหมิง

“จุ๊ๆ! ข้าเกือบลืมไปว่ายังมีเจ้าอยู่ จะว่าไปแล้วคุณสมบัติและความสามารถดีเช่นนี้ มันช่างน่าเสียดายจริงๆ หากเจ้าไม่ใช่มนุษย์ และรู้ความลับเรื่องโลหิตปีศาจสวรรค์ล่ะก็ ใช่ว่าจะไม่สามารถนำเจ้ากลับไปกับข้าได้ แต่สถานการณ์ในตอนนี้น่ะหรือ…” หญิงผมอสรพิษถอนหายใจเบาๆ แต่ในดวงตากลับฉายแววโหดเหี้ยมออกมา

นางเพิ่งพูดได้แค่ครึ่งเดียว ก็ค่อยๆ ยกมือขึ้นเบาๆ ในฉับพลัน ลูกเปลวไฟสีฟ้าปรากฏขึ้นในมือ

เปลวไฟสีฟ้าเปล่งประกาย เปลวไฟเย็นยะเยือกลุกไหม้อย่างรุนแรง และเผาไหม้จนอากาศบริเวณนั้นดูพร่ามัวเล็กน้อย

“ฟู่!”

ลูกเปลวไฟกลายเป็นแสงสีฟ้าพุ่งเข้าหาหลิ่วหมิง

แม้หลิ่วหมิงจะไม่พูดอะไรออกมา แต่ตั้งแต่ร่วงลงมาในเมื่อครู่ เขาก็แอบกระตุ้นพลังเวทที่เก็บอยู่ในร่างตั้งนานแล้ว และปล่อยเข้าไปในเกราะหนังสีเงินที่สร้างมาจากปีศาจสมุทรแปดขาอย่างเงียบๆ ภายใต้สถานการณ์ในตอนนี้ ก็ไม่ทันได้คิดอะไรมาก หลังจากครุ่นคิดอย่างรวดเร็วแล้ว หนวดสัมผัสสีเงินแปดเส้นก็ยื่นออกจากหลัง และแตะลงบนพื้น “ฟู่!” มันแบกหลิ่วหมิงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสพุ่งยิงออกไป หลังจากเคลื่อนไหวไม่กี่ที ก็พุ่งออกไปไกลเจ็ดแปดจั้ง

หญิงผมอสรพิษคิดไม่ถึงว่าหลิ่วหมิงในสภาพที่กระดูกแทบจะแหลกละเอียดไปทั่วร่าง จะแสดงฉากเช่นนี้ออกมาได้ หลังจากอึ้งไปเล็กน้อยแล้ว ก็หัวเราะเบาๆ และชี้มือข้างหนึ่งไปด้านหน้า

แสงสีฟ้าเปลี่ยนทิศในทันที ดูเหมือนความเร็วของมันก็เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ ก็ตามหลิ่วหมิงทัน และโจมตีลงบนตัวเสียงดัง “ตู๊ม!”

พอแสงสีฟ้าสัมผัสกับร่างของหลิ่วหมิง เปลวไฟสีฟ้าก็ลุกไหม้อย่างรุนแรง

หลิ่วหมิงรู้สึกความเจ็บปวดจากการถูกทิ่มแทง ไหมสีฟ้าแน่นขนัดมุดเข้าไปในแขนขาราวกับอสรพิษ และแผ่ขยายขึ้นร่างกายส่วนบนอยู่ไม่หยุด

ภายใต้การม้วนตัวของแสงสีฟ้า ปีศาจสมุทรแปดขาไม่อาจรักษาสภาพการเป็นเกราะอสูรไว้ได้ ทันใดนั้น มันก็ร่วงลงจากตัวหลิ่วหมิงเสียงดัง “แกร๊กกร๊าก!” และกลายสภาพเป็นหมึกตัวเล็กๆ ก่อนล้มลงพื้นไป และบนตัวก็ไหม้เกรียมไปทั้งแถบ

ตอนนี้หลิ่วหมิงไม่อาจทำการต้านทานใดๆ ได้อีก จึงยอมให้อสรพิษเหล่านี้กลืนกินร่างตามใจ และได้แต่พยายามลืมตากัดลิ้นเอาไว้ ไม่อย่างนั้นตนเองคงสลบไปแล้ว

 ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในสมองของเขาก็บังเกิดภาพวุ่นวายต่างๆ มีตั้งแต่ตอนเข้าร่วมนิกายปีศาจในตอนแรก ความพยายามในการเข้าสู่ระดับอาจารย์จิตวิญญาณ การจินตนาการถึงโลกภายนอกในตอนที่ออกจากแผ่นดินอวิ๋นชวน การแสดงพลังอันน่าตกใจในการโจมตีราชาปีศาจสมุทร…

นึกถึงการเดินทางอย่างระมัดระวังในแต่ละก้าวตั้งแต่ออกจากแผ่นดินอวิ๋นชวนมา นึกถึงเส้นทางการฝึกฝนที่ยอดเยี่ยมในระยะเวลาสั้นๆ นึกถึง…

น่าสงสารที่เขามีพลังเหนือกว่าผู้ฝึกฝนระดับเดียวกัน แต่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งระดับดาราพยากรณ์ สุดท้ายยังคงถูกโจมตีด้วยสภาพที่ดูไม่ได้เช่นนี้ ดูท่าวันนี้คงต้องเสียชีวิตอยู่ในสถานที่แห่งนี้จริงๆ แล้ว

ขณะที่หลิ่วหมิงหลับตาทั้งคู่ลงด้วยความสิ้นหวังนั้น ผลึกพลังเวทสีม่วงหนึ่งร้อยกว่าเม็ดที่อยู่ท่ามทะเลจิตวิญญาณก็สั่นสะท้านจนเกิดเสียงดังโครมคราม เกิดเสียงระเบิดดังในสมองอย่างต่อเนื่อง

 ไอปีศาจบริสุทธิ์พุ่งออกจากผลึกปีศาจ หลิ่วหมิงที่นอนอยู่บนพื้นรู้สึกว่าจิตรับรู้พร่ามัว จากนั้นก็สูญเสียการควบคุมร่างไป

ครู่ต่อมา หลิ่วหมิงที่ถูกเปลวไฟสีฟ้าห่อหุ้ม ก็พลันมีแสงสีดำเปล่งประกายในดวงตา และดีดตัวขึ้นมาพร้อมกับแหงนหน้าคำรามด้วยความโมโห

เสียงคำรามดังก้องขอบฟ้า ภายใต้สถานการณ์ที่หญิงผมอสรพิษไม่ทันได้ระวัง ทำให้นางรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

จากนั้นนางก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ดวงตาฉายแววที่ดูเหลือเชื่อออกมา

ขณะนี้หลิ่วหมิงมีไอปีศาจสีดำพวยพุ่งออกจากตัว กระดูกที่แตกหักภายในร่างก็สมานเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ไอดำพุ่งผ่านไป บาดแผลทั่วร่างก็สมานกันดังเดิม

หลังจากหลิ่วหมิงลืมตาทั้งคู่ขึ้นมา ดวงตาก็เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม

ครั้งนี้เขาสามารถแปลงร่างเป็นปีศาจได้เองโดยที่หลัวโหวไม่ได้ยื่นมือเข้าช่วย

ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของผู้อาวุโสจินหมาน ‘หลิ่วหมิง’ ไม่ได้ขยับตัวเลย เพียงแค่ขยับคอเบาๆ จนเกิดเสียงดัง “แคร็กๆ!” หลังจากไอปีศาจม้วนตัวผ่านไป ไหมสีฟ้าลักษณะคล้ายอสรพิษที่ปกคลุมเต็มตัว ก็ค่อยสลายตัวเป็นควันสีฟ้า

ไอปีศาจพวยพุ่งออกไปอยู่ไม่หยุด และค่อยๆ ก่อตัวเป็นคลื่นน้ำวนไอปีศาจขนาดใหญ่

หลิ่วหมิงค่อยๆ พุ่งขึ้นไปยังใจกลางคลื่นน้ำวนไอปีศาจ และจ้องมองผู้อาวุโสจินหมานที่อยู่ไม่ไกลด้วยแววตาเยือกเย็น

“ฮึ! ทำหน้าลิงหลอกเจ้า! ข้ามองไม่ออกจริงๆ ว่าเด็กมนุษย์อย่างเจ้าจะยังเป็นผู้ฝึกสายปีศาจด้วย มิน่าล่ะถึงได้ใส่หน้ากากอยู่ตลอดเวลา” หญิงผมอสรพิษเห็นเช่นนี้ก็รู้สึก ก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมาทีหนึ่ง

การจ้องมองอย่างไม่ใส่ใจของเจ้าเด็กนี้ในเมื่อครู่ ทำให้นางรู้สึกอกสั่นขวัญหายเล็กน้อย

ขณะเดียวกัน จิตรับรู้ของหลิ่วหมิงที่ติดอยู่ในร่างแปลงปีศาจก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก แต่ก็แอบกังวลไม่หยุด

ระดับและพลังของร่างแปลงปีศาจ ล้วนไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถควบคุมได้ ยังคงเป็นเหมือนเมื่อก่อนที่ไม่อาจควบคุมร่างกายในขณะนี้ได้ ได้แต่ให้ร่างแปลงปีศาจเผชิญหน้ากับร่างแปลงของผู้แข็งแกร่งระดับดาราพยากรณ์เองแล้ว

แต่ในใจหลิ่วหมิงก็ไม่แน่ใจมากนัก แม้ว่าหลังจากแปลงร่างเป็นปีศาจแล้ว พลังจะถูกยกระดับไปหลายขั้น แต่การฝึกฝนที่แตกต่างกันถึงสองระดับใหญ่ๆ นี้ ก็เหมือนกับคลองขวางทางที่ไม่อาจข้ามไปได้

หากเขาสามารถควบคุมร่างแปลงปีศาจนี้ได้ สิ่งแรกที่เขาเลือกทำก็คือไปเก็บแหวนเก็บของของขุยมู่ก่อน และนำยันต์เคลื่อนย้ายระยะไกลออกมาเพื่อหลบหนีไปไกลๆ

เชื่อว่าในจุดนี้ เขาที่แปลงร่างเป็นปีศาจจะยังสามารถทำได้

ขณะที่หลิ่วหมิงกำลังคิดไตร่ตรองด้วยความกังวลนั้น ลวดลายปีศาจสีม่วงสามเส้นก็เปล่งประกายบนหน้าผากของร่างแปลงปีศาจ จากนั้นร่างของเขาก็พร่ามัวหายไปจากที่เดิม

หญิงผมอสรพิษเผยสีหน้าเฉียบขาดออกมา เส้นผมอสรพิษขยายใหญ่อย่างบ้าคลั่ง และกลายเป็นอสรพิษหยกร้อยกว่าตัวที่ยาวหนึ่งจั้งกว่าๆ

“ฟ่อๆ!” เกิดเสียงคำรามไม่หยุด!

แสงสีดำเปล่งประกายบนอากาศบริเวณที่อสรพิษหยกปกคลุม จากนั้นก็มีเงาร่างปรากฏออกมา

พออสรพิษหยกจำนวนมากถูกผู้อาวุโสจินหมานกระตุ้น มันก็อ้าปากเผยให้เห็นคมเขี้ยวอันแหลมคม และพ่นของเหลวพิษใส่เงาร่างนี้

แต่ ‘หลิ่วหมิง’ เพียงแค่กางแขนทั้งสองออก ทันใดนั้นไอปีศาจรอบตัวก็พร่ามัวกลายเป็นเปลวไฟปีศาจสีดำแวววาว พริบตาเดียวก็แผดเผาอสรพิษที่แผ่ปกคลุมเต็มฟ้าจนกลายเป็นขี้เถ้า

จากนั้นหลิ่วหมิงที่แปลงร่างเป็นปีศาจ ก็กดแขนข้างหนึ่งไปยังอากาศตรงหน้า

“ฟู่!”

มือยักษ์สีดำขนาดเจ็ดแปดจั้งปรากฏออกมา พริบตาที่ไอปีศาจพวยพุ่ง มันก็ฟาดไปทางผู้อาวุโสจินหมานโดยตรง

พอเห็นฝ่ามือปีศาจค้ำฟ้าฟาดเข้ามา สีหน้าของหญิงผมอสรพิษก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก หลังจากหัวเราะอย่างเยือกเย็น นางก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นเบาๆ จากนั้นก็กลายเป็นเงากรงเล็บยักษ์สีเหลืองพุ่งออกไปรับมือ

ฉากอันน่าประหลาดใจได้บังเกิดขึ้นอีกครั้ง

พอเงากรงเล็บยักษ์ปะทะกับมือยักษ์สีดำ มันก็แตกสลายไปโดยที่ไม่มีแรงต้านทานเลยแม้แต่น้อย

“อะไรกัน ไอปีศาจแท้? เจ้าไม่ใช่ผู้ฝึกฝนสายปีศาจ แต่เป็นมนุษย์ปีศาจผู้หนึ่ง?” หญิงผมอสรพิษมีสีหน้าตกใจมาก ทันทีที่ร่างของนางเคลื่อนไหว นางก็หายตัวไป และไปปรากฏอยู่บนอากาศอีกแห่งบริเวณใกล้ๆ

แต่ในแผ่นดินจงเทียน มนุษย์ปีศาจได้เป็นตำนานไปนานแล้ว ไอปีศาจแท้ก็เหือดแห้งไปนานแล้ว ต่อให้จะพบเจอในซากปรักหักพังของเผ่าปีศาจจำนวนหนึ่งอยู่บ้าง แต่มันก็มีอยู่น้อยมาก

และผู้ที่สามารถกระตุ้นไอปีศาจแท้อันแข็งแกร่งนี้ได้ ก็มีแต่มนุษย์ปีศาจในตำนานเท่านั้น

‘หลิ่วหมิง’ ที่เผชิญหน้ากับเสียงตะคอกของผู้อาวุโสจินหมาน ยังคงไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย ลวดลายจิตวิญญาณบนใบหน้าเปล่งประกายอย่างบ้าคลั่ง พอกระทืบเท้าบนอากาศ ก็มาปรากฏตัวตรงหน้าหญิงผมอสรพิษพร้อมพายุบ้าระห่ำ แขนทั้งสองพร่ามัวปล่อยกำปั้นออกไปติดต่อกัน พริบตาเดียวก็กลายเป็นเงากำปั้นไปทั้งแถบ

หลังจากหญิงผมอสรพิษรู้สถานะมนุษย์ปีศาจของหลิ่วหมิงแล้ว นางก็ลังเลเล็กน้อย และไม่กล้ารับมือกับเงากำปั้นของเขาโดยตรง แต่กลับบิดเอวพุ่งออกไปด้านหลัง

แม้ว่ามือทั้งสองของ ‘หลิ่วหมิง’ จะโจมตีอย่างโหดเหี้ยมในรูปแบบของกำปั้นบ้าง กรงเล็บบ้าง แต่ก็ไม่อาจทำอะไรผู้อาวุโสจินหมานได้ชั่วขณะหนึ่ง

แต่หญิงผมอสรพิษก็ถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีราวกับสายฝนกระหน่ำ จนนางต้องร่นถอยเป็นระยะๆ ชั่วขณะนั้นนางก็ไม่รู้ว่าจะใช้เคล็ดวิชาอะไรมารับมือถึงจะดี

เพราะว่าหวงอิ๋งเป็นแค่หุ่นที่แปลงร่างมาเท่านั้น ไม่เพียงแต่จะแสดงความสามารถของร่างแท้จริงได้แค่ครึ่งหนึ่ง บนตัวยังไม่พกอาวุธเวทประจำตัวด้วย

ชั่วขณะนั้น หญิงผมอสรพิษดูหน้าเสียอย่างเห็นได้ชัด!

………………………………