หลิงตู้ฉิงมองไปที่รูปปั้นฟีนิกซ์ที่เหลืออีก 2 รูป ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่หน้าทางเข้าตำหนักฟีนิกซ์พลางถอนหายใจ
เวลาล่วงเลยผ่านมาแค่ 70,000 ปี แต่ไอ้พวกทายาทโง่เง่าพวกนี้กลับหลงลืมเหล่าบรรพบุรุษขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?
มันพอจะเข้าใจได้หากรูปปั้นรูปอื่น ๆ ที่กระจายอยู่ตามจุดต่าง ๆ ของเมืองจะไม่ได้รับการดูแล แต่ที่เหลืออยู่ 2 รูปตรงนี้มันคือรูปปั้นฟีนิกซ์ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าทางเข้าตำหนักฟีนิกซ์ ซึ่งมีคนเดินผ่านมันตลอดแต่กลับไม่มีใครดูแลมันเลยเนี่ยนะ?
ถึงแม้ว่ารูปปั้นฟีนิกซ์ 2 ตัวนี้จะไม่มีวัชพืชเกาะอยู่เหมือนรูปอื่น ๆ ก็จริงเพราะมันอยู่ตรงทางเข้าตำหนัก แต่ถ้าหากมองมันดี ๆ จะเห็นว่ามีฝุ่นเกาะอยู่บนพวกมันเต็มไปหมด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่มีใครทำความสะอาดมันมานานแล้วหลายปี
หลิงตู้ฉิงพาหลิงไช่หยุนเดินไปหารูปปั้นฟีนิกซ์ทั้งสอง และจากนั้นเริ่มพวกเขาก็เริ่มเช็ดถูมันโดยไม่สนใจสายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปมาเพราะการกระทำของทั้งสองคนดึงดูดความสนใจของเหล่าผู้คนเป็นอย่างมาก
“พวกเจ้ากำลังทำอะไร?” ใครบางคนเดินเข้ามาเอ่ยถาม
หลิงตู้ฉิงหันไปยิ้มให้กับชายหนุ่มที่ถามเขาและตอบกลับว่า “พวกเรากำลังทำความสะอาดรูปปั้นบรรพบุรุษของเรา!”
อายุของชายหนุ่มที่เข้ามาถามดูแล้วไม่มากเท่าไหร่ และระดับการบ่มเพาะของเขาก็ไม่เลวร้ายนัก เขาคือผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขอบเขตนภา
ชายหนุ่มมองไปที่หลิงตู้ฉิงและหลิงไช่หยุนด้วยสายสีหน้าครุ่นคิดสักพัก จากนั้นเขาก็ร่วมวงทำความสะอาดด้วยอีกแรง
บรรดาผู้คนที่เห็นภาพการทำสะอาดของคนทั้งสาม พวกเขาก็หยุดดูด้วยความสนใจอยู่สักพัก จากนั้นพวกเขาก็พากันส่ายหัวและเดินจากไปพร้อมกับคิดในใจ
มีประโยชน์อะไรที่จะทำความสะอาดรูปปั้นเหล่านี้กัน? ต่อให้ไม่ทำความสะอาดมันก็ตั้งอยู่ได้แบบนี้ไปอีกนานแสนนานเหมือนเดิมไม่ใช่รึไง?
“เจ้าชื่ออะไร?” หลิงตู้ฉิงถามชายหนุ่มที่เข้ามาช่วยเขาทำความสะอาด
“ข้าชื่อ เฟิงจิงเทียน” ชายหนุ่มตอบกลับ “ว่าแต่ท่านล่ะ? ท่านจะให้ข้าเรียกท่านว่าอะไร?”
หลิงไช่หยุนหัวเราะคิกคักและตอบกลับ “พ่อของข้าชื่อ หลิงตู้ฉิง ส่วนข้าชื่อ หลิงไช่หยุน!”
“แซ่หลิงงั้นเหรอ? หายากนะเนี่ย!” เฟิงจิงเทียนหัวเราะ
หลิงไช่หยุนพยักหน้า “ใช่หายากจริง ๆ”
หลิงไช่หยุนถูกใจเฟิงจิงเทียนเป็นอย่างมาก เพราะท่าทีเป็นกันเองของเขา
หลังจากทำความสะอาดเสร็จ เฟิงจิงเทียนก็มองไปที่รูปปั้นฟีนิกซ์ทั้งสอง และพูดว่า “ฮ่า แบบนี้ค่อยดูดีขึ้นหน่อย อันที่จริงมันมีรูปปั้นฟีนิกซ์แบบนี้อีกตั้งเยอะกระจายอยู่ในเมือง เห็นแบบนี้แล้วข้าคิดว่าพวกเราควรไปทำความสะอาดพวกมันให้หมดหลังจากนี้เลยจะดีไหม?”
หลิงไช่หยุนยิ้มและพูดว่า “เจ้าได้ทำความสะอาดพวกมันแน่นอนในภายหลัง แต่ตอนนี้พวกเรายังไม่เสร็จกับรูปปั้นทั้งสองนี้ดี!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ และพูดกับเฟิงจิงเทียนว่า “เจ้าหนุ่ม เข้ามาใกล้ ๆ รูปปั้นตรงนี้ ข้าจะสอนอะไรบางอย่างให้กับเจ้า! การเช็ด ๆ ถูก ๆ รูปปั้นเพื่อทำความสะอาดเพียงอย่างเดียวมันยังไม่เพียงพอ เจ้าจะต้องโคจรพลังของเจ้าลงไปในมันด้วย เจ้าเห็นสิ่งที่อยู่ในมือข้าตอนนี้ไหม? จำวิธีการที่ข้ากำลังจะทำให้ดี เนื่องจากตอนนี้มีรูปปั้นแค่ 2 ตัวเท่านั้น ดังนั้นมันหมายความว่าเจ้าจะมีโอกาสจดจำแค่ 2 รอบ หากภายใน 2 รอบนี้เจ้าจำวิธีการที่ข้าสอนเจ้าไม่ได้ เจ้าก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นคนทำความสะอาดรูปปั้นฟีนิกซ์ทั้งหมด”
“หา?” เฟิงจิงเทียนมองไปที่หลิงตู้ฉิงและหลิงไช่หยุนด้วยสีหน้าสับสน
นี่มันไม่ใช่แค่การทำความสะอาดงั้นเหรอ?
ถึงแม้ว่าเฟิงจิงเทียนจะสับสน แต่เขาก็ยังคงตั้งใจมองการกระทำทุกอย่างของหลิงตู้ฉิงอย่างไม่กระพริบตา
เมื่อหลิงตู้ฉิงเขียนอักขระด้วยผงทองคำสีชาดลงบนรูปปั้นฟีนิกซ์รูปแรกเสร็จ เขาก็หันกลับมาถามเฟิงจิงเทียน “เจ้าจำได้มากแค่ไหน?”
“ข้าจำได้ทั้งหมด” เฟิงจิงเทียนรีบตอบกลับทันที
“งั้นเหรอ? ถ้างั้นไหนเจ้าลองทำกับอีกรูปปั้นให้ข้าดู” หลิงตู้ฉิงสั่งขึ้น
เฟิงจิงเทียนหยิบเอาผงทองคำสีชาดจากหลิงตู้ฉิงมากำหนึ่ง จากนั้นเขาก็เริ่มใช้มันวาดเป็นอักขระลงไปตามจุดต่าง ๆ ของรูปปั้นตามที่หลิงตู้ฉิงเคยทำ
ในเวลาเพียงชั่วครู่เดียว เฟิงจิงเทียนก็เสร็จสิ้นการเขียนอักขระลงบนรูปปั้น จากนั้นเขาหันกลับมาถามหลิงตู้ฉิงว่า “ต้องทำยังไงต่อไป?”
“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าต้องทำอะไรต่อ?” หลิงไช่หยุนถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย
เฟิงจิงเทียนหัวเราะ “ข้ารู้สึกได้ถึงพลังธาตุอัคคีที่หนาแน่นจากผงที่ข้าเอามาจากพวกท่านและอักขระเหล่านั้นข้าก็รู้สึกว่ามันไม่ธรรมดา ข้าแน่ใจว่าพวกท่านคงไม่หยุดแค่นี้ทั้ง ๆ ที่รูปปั้นยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรใช่ไหม?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ถ้างั้นเจ้าไม่กลัวเหรอว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อมา?”
เฟิงจิงเทียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “ที่แห่งนี้คือภูเขาฟีนิกซ์! และรูปปั้นพวกนี้ก็คือตัวแทนของพวกเราเผ่าฟีนิกซ์ ดังนั้นไม่ว่าพวกท่านจะทำอะไร ข้าแน่ใจว่าพวกท่านไม่มีทางสร้างความเสียหายให้กับภูเขาฟีนิกซ์ได้”
“มันก็ไม่เสมอไปหรอกนะ!” หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดกับหลิงไช่หยุน “ลูกพ่อ ต่อจากนี้พ่อยกให้เป็นหน้าที่ของเจ้า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงไช่หยุนก็ทำเช่นเดิมคือการเอาเลือดของนางเองไปแตะที่กลางหน้าอกรูปปั้นส่งผลให้รูปปั้นฟีนิกซ์ลืมตาขึ้น และถามว่า “มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเหล่าลูกหลานของข้า ใครปลุกข้าขึ้นมา?”
เฟิงจิงเทียน เมื่อเห็นเช่นนี้เขาตกอยู่ในอาการตะลึงงันทันทีและร้องเสียงหลงว่า “ระ..ระ..รูปปั้นพวกนี้มีชีวิตด้วยงั้นเหรอ?”
หลิงไช่หยุนหันไปหาหลิงตู้ฉิง และถามว่า “ท่านพ่อ ข้าคิดว่าชายคนนี้มองดูแล้วถูกใจดีจริง ๆ จะเป็นอะไรไหมหากข้าให้เขาปลุกรูปปั้นสุดท้ายแทนข้า?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ถึงแม้ว่ามันจะยากขึ้นกว่าเดิมแต่มันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
“เฟิงจิงเทียนใช่ไหม? ข้าประทานสิทธิ์ให้เจ้าเป็นผู้ปลุกรูปปั้นฟีนิกซ์สุดท้ายนี้” หลิงไช่หยุนสั่งขึ้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฟิงจิงเทียนยิ่งตกตะลึงมากไปกว่าเดิม “ข้าสามารถปลุกรูปปั้นได้ด้วยงั้นเหรอ?”
“เจ้าสามารถทำได้!” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น “ในเมื่อเจ้าเองก็เป็นผู้ที่โคจรพลังของเจ้าลงไปในรูปปั้นสุดท้ายนี้ ดังนั้นก็ให้เป็นหน้าที่เจ้าในการปลุกมันก็แล้วกัน”
เฟิงจิงเทียนรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมากในระหว่างที่เขาเลียนแบบสิ่งที่หลิงไช่หยุนเพิ่งไปทำไปเมื่อครู่ เขากัดนิ้วตัวเองและจากนั้นค่อย ๆ ยื่นปลายนิ้วที่ชุ่มไปด้วยเลือดแตะไปที่กลางอกของรูปปั้นฟีนิกซ์และค่อย ๆ ชักนิ้วกลับมา
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือรูปปั้นกลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เลย
เฟิงจิงเทียนหันไปมองหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าโง่งม ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรผิดพลาดไปตรงไหน
“พลังสายเลือดของเจ้ายังไม่แกร่งพอ ส่งเลือดเข้าไปที่รูปปั้นเพิ่มอีก!” หลิงตู้ฉิงแนะนำ
หลิงไช่หยุนนั้นมีสายเลือดของฟินิกซ์เพลิงสวรรค์ ดังนั้นสายเลือดของนางจึงเหนือกว่าสายเลือดของเฟิงจิงเทียนราวฟ้ากับเหว
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง เฟิงจิงเทียนก็จิ้มนิ้วไปที่กลางอกของรูปปั้นฟีนิกซ์อีกครั้งแต่คราวนี้เขาจิ้มนิ้วค้างเอาไว้เลย ซึ่งเขารู้สึกได้ทันทีว่าเลือดในร่างกายของเขามันค่อย ๆ ถูกถ่ายเทเข้าไปยังรูปปั้นฟีนิกซ์
เนื่องจากว่าเขาเห็นหลิงไช่หยุนสามารถปลุกรูปปั้นฟีนิกซ์ได้ก่อนหน้านี้ เขาจึงยินยอมให้รูปปั้นสูบเลือดของเขาไปอย่างไม่ลังเลสงสัย
เมื่อเลือดของเฟิงจิงเทียนถูกสูบออกไปอย่างน้อย 2 ใน 5 ส่วน รูปปั้นฟีนิกซ์ก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
เมื่อรูปปั้นฟีนิกซ์เห็นสภาพของเฟิงจิงเทียน มันจึงส่งประกายเพลิงเล็ก ๆ ไปหาเฟิงจิงเทียน
เฟิงจิงเทียน เมื่อเห็นเช่นนี้เขาก็รู้สึกโง่งม ไม่รู้ว่าประกายเพลิงนี้หมายถึงอะไร
หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นว่า “มันคือของขวัญจากบรรพบุรุษของเจ้า จงรับไว้ซะ มันจะช่วยให้เพลิงชีวิตของเจ้าแข็งแกร่งขึ้น!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฟิงจิงเทียนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขารีบโค้งคำนับไปที่รูปปั้นฟีนิกซ์ จากนั้นก็เอาประกายเพลิงที่ลอยอยู่ตรงหน้าหลอมรวมเข้าไปในร่างกายของเขาส่งผลให้ระดับการบ่มเพาะของเขาทะลวงขึ้นไปยังระดับถัดไปในทันที แถมมันยังทำให้รากฐานการบ่มเพาะของเขามั่นคงขึ้นไปอีกหลายระดับ
หลิงตู้ฉิงไม่สนใจเฟิงจิงเทียนอีกต่อไป เขาหันไปพูดกับรูปปั้นฟีนิกซ์ว่า “พาคนของข้ามาที่นี่และยกเลิกการพรางตัวของพวกข้า จากนั้นให้ข้ายืมพลังของเจ้า ต่อจากนี้ข้าจะชำระล้างภูเขาฟีนิกซ์ของข้าขนานใหญ่!”
รูปปั้นฟีนิกซ์ผงกหัว “เข้าใจแล้ว!”
หลังจากนั้นเพียงชั่วอึดใจ จ้าวเหมิงลู่ หลิงฟ่างหัว และคนอื่น ๆ ก็ถูกเคลื่อนย้ายร่างมาอยู่ข้าง ๆ หลิงตู้ฉิงทั้งหมด
ในเวลาเดียวกัน พลังอำนาจที่ปกคลุมร่างกายของหลิงตู้ฉิงและคนของเขาทุกคนก็ถูกคลายออก ส่งผลให้รูปร่างหน้าตาของพวกเขากลับมาอยู่ในสภาพเดิม
ทางด้านของเฟิงจิงเทียนที่เพิ่งจะหลอมรวมประกายเพลิงที่ได้มาจากรูปปั้นฟีนิกซ์เสร็จ เมื่อเห็นภาพเช่นนี้เขาก็อยู่ในอาการตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
เมื่อเขาเห็นหลิงตู้ฉิงและคนอื่น ๆ เผยโฉมหน้าที่แท้จริงที่เขาคุ้นหน้า เฟิงจิงเทียนก็ตะโกนขึ้นทันทีด้วยสีหน้าตกตะลึง “ราชันสงคราม!? พวกท่านคือกลุ่มคนที่ถูกหาตัวอยู่!”