ตอนที่ 523 ราชาแห่งเผ่ามังกรทมิฬพระองค์ใหม่

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

“ซือหนานหรือ? นั่นเป็นไปไม่ได้หรอก คนผู้นั้นถูกพวกเทพระดมดาบฟันจนตายไปเป็นหมื่นปีแล้ว” เยี่ยจ้านส่ายศีรษะ โบกมือ “มารดาของเจ้าไม่มีทางได้รู้จักซือหนาน” 

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “…….” 

 

 

นางไม่รู้ว่าควรจะสนทนากับบิดาต่อไปอย่างไรแล้ว พอคิดดูให้ละเอียดบางครั้งนางก็เคยละเลยประเด็นสำคัญไปเช่นกัน ดูท่านิสัยนั้นคงจะมาจากเยี่ยจ้านเป็นแน่แล้ว 

 

 

เดิมทีนางคิดว่า ตนเองน่าจะคล้ายคลึงกับมารดามากสักหน่อย แต่ว่าตอนนี้ดูๆแล้ว คงจะเหมือนบิดาคนงามมากกว่า 

 

 

นางอ้าปากขึ้นมา แต่ว่าครึ่งค่อนวันก็ยังไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี 

 

 

ยังดีที่เยี่ยจ้านขบคิดขึ้นมาได้ “บุตรสาวสุดที่รัก เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าใหญ่กับซือเป่ยมีรูปโฉมคล้ายคลึงกัน?” 

 

 

ตู๋กูซิงหลัน พยักหน้า “แทบจะเหมือนกันเลย” 

 

 

คราวนี้ เยี่ยจ้านต้องกลับมาเท้าคางอีกครั้ง ด้วยสีหน้าจริงจัง “หากพูดถึงซือหนาน……ตอนนั้นเขาทรยศเผ่าสวรรค์ กลายเป็นหนึ่งในสิบพญายมของซื่อมั่ว เป็นอ๋องสังหารที่ผู้คนนับถือในความเก่งกาจด้านการสู้รบที่สุดในเผ่าหมิง…..” 

 

 

“ตอนสงครามระหว่างเผ่าเทพและหมิง เขาใช้ร่างกายปกป้องเผ่าหมิง ตายใต้คมดาบของพวกเทพ….ได้ยินว่าแม้แต่วิญญาณก็ยังชอกช้ำอย่างหนักไปด้วย….” 

 

 

“หากว่าเขากลับมาเกิดใหม่จริงๆ แต่บังเอิญกลายเป็นเจ้าใหญ่ของข้ากระนั้นหรือ?” 

 

 

เยี่ยจ้านคิดย้อนกลับไปถึงรูปลักษณ์ในวัยเด็กของเจ้าใหญ่ …..ตั้งแต่เล็กเขาก็มีไอสังหารดุดัน ตอนที่ตนต้องไปจากตระกูลตู๋กูนั้น ก็รู้สึกเหมือนมีภูติผีอะไรมากระซิบให้ตัดเขาของตนเองลงมา หลอมเป็นดาบยักษ์มอบให้กับเขา 

 

 

ตอนนี้พอคิดย้อนกลับไป ที่จริงเขาก็รู้สึกแต่แรกแล้วว่าเด็กคนนี้ช่างดูคุ้นเคยอย่างยิ่ง….. 

 

 

ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าความเป็นไปได้ที่เขาจะเป็นซือหนานกลับชาติมาเกิดน่าจะยิ่งมาก 

 

 

ซื่อมั่วเจ้าเฒ่าตัวร้ายผู้นั้นช่างวางแผนมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ถึงกับส่งลูกน้องคนสนิทที่สุดให้มาเกิดเป็นเจ้าใหญ่ของเขา? 

 

 

“เจ้าใหญ่จะใช่ซือหนานหรือไม่…..เกรงว่ามีแต่ต้องสอบถามอาจารย์ของเจ้าถึงจะรู้” สุดท้ายแล้วเขาก็ได้แต่ต้องผ่อนปรน 

 

 

ไม่ว่าจะใช่ซือหนานหรือไม่ เจ้าใหญ่ในตอนนี้ก็คือเจ้าใหญ่ คือบุตรมังกรของเขาเยี่ยจ้าน เป็นบุตรชายคนแรกของเขากับชิงชิง แน่นอนว่าต้องรักใคร่อยู่แล้ว 

 

 

ตู๋กูซิงหลันได้รับคำตอบเช่นนี้ ก็คล้ายกับที่คาดการณ์เอาไว้ นางยังคงกอดกระถางดอกไม้ที่มีศิลาโลหิตของอาจารย์เอาไว้ สอบถามเยี่ยจ้านต่อไปว่า “บิดามีหนทางอันใดสามารถช่วยให้คนจดจำเรื่องราวในชาติก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ? หากว่าพี่ใหญ่คือซือหนานจริงๆ…..” 

 

 

เช่นนั้นนางก็จะพาเขาขึ้นไปบนสวรรค์ด้วย 

 

 

“คนข้ามสะพานไหน่เหอ ดื่มน้ำแกงยายเมิ่งลงไปแล้ว เรื่องราวในชาติก่อนย่อมต้องลืมเลือนจนหมดสิ้น จะไปมีหนทางให้จำจนได้อย่างไร….” เยี่ยจ้านส่ายศีรษะ “นอกเสียจากว่าเขาจะจดจำได้อย่างฝังใจ หรือว่าได้เจอกับคนที่คุ้ยเคยอย่างยิ่ง หรือว่าเหตุการณ์ที่จดจำอย่างฝังใจเหล่านั้นได้เกิดขึ้นอีกครั้ง ก็อาจจะทำให้จดจำชาติก่อนได้” 

 

 

“ถ้าหากว่าน้ำแกงของยายเมิ่งหมดอายุละ?” ตู๋กูซิงหลันถามออกไป 

 

 

เยี่ยจ้านยกมือขึ้นมาลูบคลำศีรษะน้อยๆของนาง “บุตรสาวสุดที่รักของข้า ฤทธิ์ของยาในน้ำแกงยายเมิ่งรุนแรงมาก ไม่มีทางจะหมดอายุได้ง่ายๆหรอก ในสมองน้อยๆนี้วันวันคิดอะไรอยู่หรือ….” 

 

 

ในใจของตู๋กูซิงหลันกำลังหวาดกลัว กลัวว่าหากอาจารย์และจีเฉวียนมาเกิดใหม่…..เดินข้ามสะพายไหน่เหอ ดื่มน้ำแกงยายเมิ่งลงไป แล้วพวกเขาจะลืมนางหรือไม่? 

 

 

การถูกคนที่รักที่สุดลืมเลือน ช่างเป็นเรื่องที่ทุกข์ทรมานถึงเพียงใด 

 

 

นางหลุบตาลง เหลือบตาไปมองดูกระถางดอกไม้ในมือ “อาจารย์กับจีเฉวียนก็ไม่อยู่แล้ว แต่ข้าอยากจะฟื้นฟูเผ่าหมิงขึ้นมาใหม่….” 

 

 

มีแต่ฟื้นฟูเผ่าหมิงขึ้นมา นางถึงจะมีขุมกำลังเพียงพอ ที่จะต่อกรกับแดนสวรรค์ 

 

 

มิเช่นนั้นถึงนางจะฝึกฝนจนแข็งแกร่งเพียงใด ก็ไม่อาจเหยียบย่ำแดนสวรรค์ได้ด้วยกำลังเพียงคนเดียว 

 

 

ดังนั้นนางจึงต้องการจะมีขุมกำลังของตนเอง แผ่นดินโบราณนั้นส่วนใหญ่เป็นเพียงคนธรรมดา มีกำลังไม่เพียงพอ 

 

 

จะต้องฟื้นฟูเผ่าหมิงขึ้นมา และตามหาสิบยมราชในตอนนั้นกลับมาให้ครบ 

 

 

ตอนนี้ในบรรดาสิบยมราชนั้น มีเพียงแต่เสินฟาง ฉู่เจียง และคนที่อาจจะเป็นซือหนาน 

 

 

ยังขาดอีกเจ็ดคนทีเดียว 

 

 

เยี่ยจ้านถึงกับถูกนางทำเอาตกใจขึ้นมา หัวคิ้วของเขาชักกระตุก “บุตรสาวสุดที่รัก นี่เจ้าเอาจริงหรือ?” 

 

 

“ไม่อาจจะจริงไปกว่านี้ได้อีกแล้ว” 

 

 

นางกล่าวต่อไป “บิดาเองก็เคยสูญเสียสิ่งอันเป็นที่รัก แต่เพราะท่านมีเหตุจำเป็นมากมายจึงไม่อาจแก้แค้น แต่กับข้าแล้วไม่เหมือนกัน มีแค้นไม่ชำระก็ไม่ใช่นิสัยของข้าแล้ว ข้าต้องการให้แดนสวรรค์ชดใช้!” 

 

 

นางเอ่ยเสียงเบา น้ำเสียงก็นิ่งเรียบอย่างที่สุด ต่อให้เยี่ยจ้านมองไม่เห็นแต่ในใจของเขาก็สามารถวาดภาพบุตรสาวตัวน้อยยามกล่าวคำพูดเหล่านี้ออกมา  

 

 

เขาใช้ชีวิตอย่างปล่อยตามสบายมาโดยตลอด แต่นิสัยในด้านความอดทนต่อความยากลำบากของบุตรสาวนั้น นางได้สืบทอดมาจากมารดาของนางชิงชิงทั้งหมด ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา หากไม่ชนกำแพงก็ไม่ยอมถอย มีบุญคุณต้องทดแทน มีแค้นต้องชำระ 

 

 

นิสัยเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันแน่ 

 

 

ในใจของเขาครุ่นคิดไปมากมาย สุดท้ายก็ได้แต่ตบลงไปบนไหล่ของนางเบาๆ พลางเอ่ยกับนางว่า “ในเมื่อเป็นเรื่องที่เจ้าตัดสินใจดีแล้ว บิดาก็จะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าเป็นบุตรสาวสุดที่รักของบิดา ไม่ว่าเจ้ากระทำสิ่งใด บิดาล้วนสนับสนุนเจ้าทั้งสิ้น” ว่าแล้วเขาก็ถอดแหวนสีดำออกมาจากปลายนิ้ว 

 

 

ตัวแหวนที่เป็นกึ่งโลหะกึ่งหยก และเพราะสวมใส่ติดกายมาเนิ่นนาน จึงมีริ้วรอยไปบ้าง แต่ก็ยังส่องประกายสุกใส 

 

 

เขาสวมมันลงไปบนนิ้วเล็กๆของตู๋กูซิงหลันด้วยตนเอง เยี่ยจ้านเอ่ยสั้นๆแต่กินความหมายลึกซึ้งว่า “เจ้าเป็นบุตรสาวของบิดา ทั้งยังได้รับสืบทอดพลังมังกรทมิฬของบิดาไป นี้คือเครื่องหมายของราชามังกรเผ่ามังกรทมิฬ เมื่อรับมันไป เจ้าก็คือราชินีนาถองค์ใหม่ของเผ่ามังกรทมิฬแล้ว” 

 

 

เขากุมมือของนางเอาไว้ “ถึงแม้ว่าเผ่ามังกรทมิฬที่ก้นทะเลลึกจะถูกทำลายไป แต่ว่าเผ่ามังกรที่เหลือมิได้ล่มสลาย นับจากวันนี้เป็นต้นไป เผ่ามังกรทั้งสี่ทะเลแปดสาขาล้วนต้องฟังบัญชาของเจ้า แค่เจ้าออกคำสั่งลงไป สี่ท้องทะเลล้วนน้อมรับ” 

 

 

ตู๋กูซิงหลันมองดูแหวนสีดำวงเล็กๆบนนิ้วมือ ตอนที่นางมาที่นี่ ไม่ได้คิดจะเป็นราชามังกรทมิฬอะไรนั่นสักหน่อย 

 

 

บิดาคนงามช่างเป็นทาสของบุตรสาวจริงๆ แทบจะอยากมอบทุกสิ่งที่ดีงามในใต้หล้ามาไว้ในมือของนาง 

 

 

สำหรับพี่รองที่ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน กับพี่ใหญ่ที่อาจจะเป็นซือหนานกลับชาติมานั้น ไม่เคยเห็นเขาใส่ใจถึงเพียงนี้มาก่อน 

 

 

เห็นพักใหญ่นางก็ยังไม่พูดไม่จา เยี่ยจ้านก็คว้ามือของนางเอาไว้แน่น กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า  

 

 

“อย่าได้ปฏิเสธ นี่สมควรจะเป็นของเจ้าอยู่แล้ว” 

 

 

มือของตู๋กูซิงหลันถูกเขาบีบจนเจ็บ ที่จริงนางอยากจะบอกว่า….บิดา ท่านคิดมากไป ข้าไม่คิดจะปฏิเสธอยู่แล้ว 

 

 

มีเผ่ามังกรทั้งหมดหนุนหลัง เท่ากับว่าแผนการฟื้นฟูเผ่าหมิงของนางยิ่งเพิ่มความเป็นไปได้ ในเมื่อเป็นความหวังดีของบิดา ตู๋กูซิงหลันย่อมรับไว้อย่างไม่อิดออด 

 

 

“เมื่อกลับไปแล้ว ก็ใส่ใจดูแลเจ้าใหญ่แทนบิดาด้วย หากว่าทำได้ ก็หาพี่สะใภ้ให้เขาสักหน่อย บิดาติดค้างเจ้าลูกคนนี้มากอยู่” 

 

 

พอเห็นตู๋กูซิงหลันยอมรับสัญลักษณ์ของราชามังกรไปแล้ว เยี่ยจ้านก็ค่อยบ่นพึมพำต่อไป 

 

 

จริงด้วยสินะ ตนไม่ได้ส่งมอบพลังมังกรทมิฬให้กับเขา ทั้งยังปล่อยให้เขาไปมีหน้าตาเหมือนกับไอ้ลูกเต่าซือเป่ยนั่น ไม่ได้รับสืบทอดความงามอันล้ำโลกของตนและชิงชิงไป ถือว่าเจ้าลูกคนนี้ขาดทุนอย่างย่อยยับจริงๆ 

 

 

แถมตั้งแต่อายุยังน้อยเขายังต้องขาดพ่อและแม่ รับภาระดูแลน้องชายน้องสาว 

 

 

เยี่ยจ้านยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดต่อลูกคนโต 

 

 

หากว่าเขาไม่ต่อสู้ยืนหยัดด้วยตนเอง ก็คงกลายเป็นไอ้เด็กอ่อนแอไปแล้ว 

 

 

อยู่ๆในสมองของตู๋กูซิงหลันก็เกิดคำถามว่าเพราะอะไรมารดาถึงได้หลงรักบิดากัน 

 

 

นางรู้สึกว่า หากให้อาจารย์และบิดาคนงามยืนอยู่เคียงกันละก็ มีหวังต้องกลายเป็นคู่จิ้นคู่หนึ่งเป็นแน่ แถมยังเป็นคู่ยอดอาหารตาอีกต่างหาก! 

 

 

พักใหญ่ต่อมานางค่อยตบหน้าตนเองไปครั้งหนึ่ง ไม่รู้ว่าตนเองคิดไปถึงเพียงนั้นได้อย่างไร 

 

 

………………………..