บทที่ 1482 หงส์น้ำแข็งสลายตัว

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เสียงต่อสู้ที่ดังสะเทือนเลือนลั่นห่างออกไปทีละนิด

ใจกลางผนึกน้ำแข็งมีแสงของไฟฟ้ากะพริบ พวกวิญญาณน้ำแข็งที่เข้ามาในภูเขาน้ำแข็งหมายจะล้อมโจมตีถูกสายฟ้ากระหน่ำจนหัวซุกหัวซุนถอยออกมา

แสงของสายฟ้าบนลูกกลมใหญ่สีแดงอ่อนจางลงทีละนิด แล้วสุดท้ายก็หายไป

ภายในนั้น ทวนเกล็ดย้อนค้ำในแนวขวางไม่ให้ลูกกลมตีไม่พังหดเล็กลง แขนขาทั้งสี่ของเหมียวอี้ห้อยอยู่บนทวนเกล็ดย้อน ตอนที่ลูกกลมตีไม่พังโดนอวี้ซาโจมตี เขาก็นึกถึงท่านี้ได้ภายใต้ความร้อนใจ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กระแทกผนังตอนที่ลูกกลมตีไม่พังโดนโจมตี ไม่อย่างนั้นพลังชนโจมตีก็ไม่ใช่น้อยๆ แน่ๆ ไม่ใช่สิ่งที่วรยุทธ์ของเขาจะรับไหว

ผลลัพธ์ได้พิสูจน์แล้ว วิธีการรับมือกับเหตุฉุกเฉินของเขาไม่เลวเลย ช่วยให้เขาหลบหายนะนี้ไปได้

เฮยทั่นที่นอนอยู่ในลูกกลมตีไม่พังกลับหลบหายนะนี้ไม่ได้ การโจมตีที่บ้าคลั่งหลายครั้งของอวี้ซาล้วนทำให้ลูกกลมตีไม่พังกระแทกบนตัวมันอย่างรุนแรง โชคดีที่มันทนการโจมตีที่ไม่ธรรมดาโดยกำเนิด กอปรกับในลูกกลมตีไม่พังไม่ได้มีจุดไหนแหลมคม แค่โดนชนสองครั้งโดยไม่ได้รับอันตรายใดๆ

ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่มันก็หายใจรวยรินแล้ว เกราะเกล็ดที่ทนทานบนร่างกายร่วงลงไม่น้อย เขาสองข้างก็โดนชนจนหักหมดแล้ว

สายฟ้าที่ไหลเวียนอยู่บนตัวมันเริ่มอ่อนจางลง แล้วก็หายไปเลย มันนอนนิ่งแทบจะไม่เคลื่อนไหวอะไรแล้ว

นี่เป็นการโต้ตอบโดยจิตใต้สำนึกครั้งสุดท้ายในขณะที่เกือบจะสลบ เป็นการโจมตีที่ไม่ต่างอะไรกับการปล่อยไฟฟ้า เอาใจเหมียวอี้ไม่ได้สักเท่าไร

ตามกระแสไฟฟ้าที่หายไปจากตัวเฮยทั่น กระแสไฟฟ้าบนตัวเหมียวอี้ก็หายไปเช่นกัน เหมียวอี้ที่โดนกระแสไฟฟ้าโจมตีจนตัวสั่นผิวเกรียมแดงราวกับโดนไฟเผาก็ปล่อยมือที่ห้อยจากทวนเกล็ดย้อนแล้วเช่นกัน ร่วงลงมาแล้ว

“แค่ก…อู…อั้ก…” ด้วยความที่กินสมุนไพรเซียนซิงหัวไว้ล่วงหน้า เหมียวอี้ที่ตกลงบนตัวเฮยทั่นอาการบรรเทาลงนิดหน่อย ตอนนี้เพิ่งได้สติรู้ตัว เขาตัวสั่นและไอสองสามที อาเจียนเลือดสดออกมา

อัคคีน้ำแข็งที่ดุร้ายหลายสายพ่นออกมาอย่างกะทันหัน เหมียวอี้โบกมือข้างเดียว กั้นอัคคีน้ำแข็งออกไปด้านนอกลูกกลมตีไม่พังทันที เข้ามาไม่ได้เลยสักนิด

ที่จริงอานุภาพการโจมตีของอัคคีน้ำแข็งก็ไม่ได้เยอะอะไร เป็นการควบคุมไฟและปล่อยออกมาเผาอย่างง่ายๆ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือจุดแสงสีรุ้งที่ควบคุมอัคคีน้ำแข็งไม่ได้มีศักยภาพสักเท่าไร ต่อให้จะมีพลังอิทธิฤทธิ์แข็งแกร่งกว่าหน่อย แต่ต้านทานปราณสังหารของอวี้ซาได้ยาก ไม่อย่างนั้นอวี้ซาก็คงถูกกำจัดไปนานแล้ว

สำหรับเหมียวอี้ในตอนนี้ นี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญ เขาพลิกตัวลุกขึ้นมา หันไปมองเฮยทั่นที่ใกล้จะหมดลมหายใจ แล้วจู่ๆ ก็ดวงตาเบิกกว้างขึ้นหลายเท่า จู่ๆ ก็ทั้งกลิ้งทั้งคลานไปที่ข้างหัวของเฮยทั่น คว้าเขาที่หักของเฮยทั่นแล้วเขย่าเบาๆ พร้อมตะโกนเสียงต่ำว่า “โจรอ้วน เจ้าอ้วน เฮยทั่น…”

เขย่าเรียกด้วยความร้อนใจหลายครั้ง เฮยทั่นลืมตาขึ้นช้าๆ ดวงตาโตที่ยามปกติเจ้าเล่ห์มีชีวิตชีวาท่วาในตอนนี้ไร้แวว ส่งเสียงอ่อนปวกเปียกว่า “ไม่มีเหตุผลเลย ท่านทนได้ดีกว่าข้าอีก…อั้ก!” เลือดที่ข่มไว้พ่นทะลักออกมาราวกับน้ำพุ พ่นใส่หน้าเหมียวอี้เหมียวอี้ พ่นจนเหมียวอี้มีเลือดสดหยดทั้งตัว จากนั้นดวงตาสองข้างก็ปิดลง หัวห้อยลงไปอีกรอบ

ทั้งตัวเหมียวอี้เจ็บแปลบแสบร้อนเพราะโดนไฟฟ้าโจมตี พอโดนเฮยทั่นพ่นเลือดสดใส่ ก็ยิ่งเหมือนโดนไฟเผาและมีดกรีด แต่เขาไม่สนใจอะไรมากขนาดนั้นแล้ว รีบร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดูอาการบาดเจ็บในร่างกายให้เฮยทั่น ตอนยังไม่ตรวจก็ยังดีๆ อยู่ แต่พอตรวจแล้วเขาก็หวาดกลัวถึงขีดสุด

อวัยวะภายในของเฮยทั่นได้รับความเสียหาย เสียหายจนทนมองไม่ไหว กระดูกก็แทบจะไม่เห็นส่วนไหนครบสมบูรณ์ เลือดคั่งอยู่ในร่างกาย เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายเท่านั้น…

เหมียวอี้รีบหยิบสมุนไพรเซียนซิงหัวกำใหญ่ออกมา แล้วหักยัดเข้าปากเฮยทั่น พอเฮยทั่นกลืนลงไปแล้ว เหมียวอี้ก็ร่ายอิทธิฤทธิ์ส่งเข้าไปในร่างกายมัน

สมุนไพรเซียนซิงหัวกำแล้วกำเล่า เหมียวอี้แทบจะยอมทุ่มทุกอย่าง ยัดสมุนไพรเซียนซิงหัวเข้าปากเฮยทั่นเป็นร้อยต้นในรวดเดียว แล้วใช้ฝ่ามือกดท้องเฮยทั่นพร้อมร่ายอิทธิฤทธิ์กระตุ้นฤทธิ์สมุนไพรเซียนซิงหัว หมอกดาวนับไม่ถ้วนกรอกเข้าไปในร่างกายเฮยทั่น กระจายไปยังอวัยวะและกระดูกในร่างกายของมัน

ขณะเดียวกันก็ใช้มืออีกข้างร่ายอิทธิฤทธิ์ช่วยเฮยทั่นหายใจไม่หยุด

เขานึกเสียใจทีหลังที่ไม่ได้เก็บเฮยทั่นเข้าแหวนเก็บสมบัติให้ทันเวลา ตอนนี้เลยทำให้เฮยทั่นโดนโจมตีรุนแรงขนาดนี้

แต่เขาเองก็รู้ ว่าในตอนนั้นเขาไม่มีทางเลือกจริงๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป การโจมตีของอวี้ซาก็ทั้งรวดเร็วทั้งดุดัน ไม่ใช่สิ่งที่ระดับวรยุทธ์อย่างเขาจะต้านทานไหวเลย เขาเองก็สะเทือนจนแทบจะเลอะเลือนแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะใช้ทวนเกล็ดย้อนในมือค้ำไว้แล้วสู้ตายไม่เลิก เขาก็คงจะตายไปแล้ว

ในตอนนั้นเขาเองก็โดนโจมตีใส่อย่างบ้าคลั่งจนแทบจะเลอะเลือน จะสนใจอย่างอื่นไหวได้อย่างไร

โชคดีที่บนตัวมียาวิเศษสำหรับรักษาบาดแผลอยู่ไม่น้อย สมุนไพรเซียนซิงหัวก็ยิ่งเตรียมไว้เป็นกอง สรรพคุณทางยาของสมุนไพรเซียนซิงหัวซิงหัวก็ใช้งาได้จริง ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ ก็สร้างร่างใหม่ออกมาได้อย่างไม่มีปัญหา ไม่มีเหตุผลที่จะช่วยไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะถูกเรียกว่าสมุนไพรเทพสำหรับรักษาบาดแผลได้อย่างไร

อวัยวะภายในที่ฉีกขาดของเฮยทั่นกำลังสมานตัวอย่างรวดเร็วอยู่ท่ามกลางหมอกดาว ถึงแม้เลือดในร่างกายจะยังไหลออกมาจากปากเฮยทั่นไม่หยุด แต่ลมหายใจของเฮยทั่นกลับมั่นคงขึ้นทีละนิดแล้ว มันค่อยๆ หายใจเองได้ ลมหายใจไม่อ่อนแออีกต่อไป

เมื่อแน่ใจว่าอาการบาดเจ็บของเฮยทั่นคงที่แล้ว เหมียวอี้ถึงได้สติกลับมา แล้วเพ่งสมาธิความสนใจไปด้านนอก สนใจเสียงต่อสู้อันดุเดือดที่อยู่ไกลๆ

เขาลุกขึ้นยืนอย่างรู้สึกแปลกใจ อวี้ซาปล่อยพวกเขาไปแล้วเหรอ?ไม่น่าจะใช่มั่ง!

ก่อนหน้านี้เขาสะเทือนจนเลอะเลือนแล้วจริงๆ ไม่รู้ว่าทำไมอวี้ซาถึงปล่อยพวกเขาไป ตอนนี้หลังจากโดนไฟฟ้าจนตีจนปวดสบปวดร้อน ถึงได้นึกออกว่าตัวเองเคยโดนเฮยทั่นปล่อยกระแสไฟฟ้าใส่ สายตาจึงไปหยุดอยู่บนตัวเฮยทั่น แล้วจู่ๆ ก็หัวเราะ “เหอะๆ” ออกมา

เขาเข้าใจแล้ว ว่าไม่ใช่เพราะอวี้ซาที่อยากปล่อยพวกเขาไป แต่เป็นเพราะเฮยทั่นปล่อยกระแสไฟฟ้า จึงทำให้อวี้ซาไม่รู้จะลงมืออย่างไร ของทุกอย่างบนตัวอวี้ซาอยู่กับเขา แม้แต่กำไลเก็บสมบัติบนข้อมือก็โดนเขาทำพังไปแล้ว โดนเฮยทั่นปล่อยไฟฟ้าใส่บวกกับการโจมตีของวิญญาณน้ำแข็งและหงส์อัคคีน้ำแข็งข้างนอก อวี้ซาจึงไม่สามารถพาพวกเขาไปไหนได้เลย

แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าอวี้ซาได้รับบาดเจ็บแล้ว ถึงได้หนีอย่างไม่ลังเลแบบนี้

ขณะเดียวกันเขาก็เข้าใจแล้วเช่นกันว่าทำไมวิญญาณน้ำแข็งพวกนั้นจึงไม่มาโจมตีพวกเขา มีเพียงหงส์อัคคีน้ำแข็งที่กำลังพ่นไฟเผาพวกเขา เป็นเพราะภูเขาน้ำแข็งนำไฟฟ้า ถ้าเฮยทั่นปล่อยกระแสไฟฟ้า วิญญาณน้ำแข็งพวกนั้นก็คงจะไม่มีทางเข้ามาในภูเขาน้ำแข็งได้อีก

พอลองฟังเสียงต่อสู้ที่ยิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ เหมียวอี้ก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก อวี้ซาไปแล้ว เรียกได้ว่ารอดพ้นหายนะครั้งนี้ไปได้แล้วเช่นกัน ศักยภาพของของญญาณน้ำแข็งและหงส์อัคคีน้ำแข็งที่เหลือก็ไม่เท่าไรเลย แค่ร้ายกาจต่อวิญญาณชั่วร้ายในแดนมรณะดึกดำบรรพ์เฉยๆ แต่ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขาเลยจริงๆ

เขาลูบใบหน้าที่แสบร้อน แล้วก็หยิบสมุนไพรเซียนซิงหัวต้นหนึ่งออกมาอีก แล้วกลืนลงท้องอีกครั้งเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิด

เมื่อตรวจดูอาการบาดเจ็บของเฮยทั่นอีกครั้ง แน่ใจแล้วว่าอาการคงที่ ถึงได้หยิบกระเป๋าสัตว์ใบหนึ่งออกมาจากกำไลเก็บสมบัติ เก็บเฮยทั่นเข้าไปในนั้น เสร็จแล้วถึงได้ครุ่นคิดว่าจะออกไปอย่างไร พอสำรวจดูให้ลึก ถึงได้พบว่าลูกกลมตีไม่พังที่อยู่ตรงหน้าโดนโจมตีจนเปลี่ยนรูปร่างแล้ว ไม่ใช่แค่พลังงานหมด โครงสร้างภายในที่หลอมสร้างไว้ก็เปลี่ยนรูปอย่างร้ายแรงเช่นกัน ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ลูกกลมตีไม่พังลูกนี้พังไปแล้ว เพียงแต่วัสดุยังไม่พังเท่านั้นเอง

ปัญหาก็คือไม่สามารถควบคุมลูกกลมตีไม่พังลูกนี้ได้อีก มันโดนปิดตายแล้ว เขาเองก็เปิดไม่ออกเช่นกัน ไม่สามารถออกไปได้ วิธีการเดียวในตอนนี้ก็คือต้องทำให้มันพังยับเยินถึงจะออกไปได้

แต่นี่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรนัก เดิมทีลูกกลมตีไม่พังก็ถูกหลอมสร้างขึ้นมาอยู่แล้ว และวิชาที่เขาฝึกก็คือเคล็ดวิชาธาตุไฟ

เขาหยิบหินผลึกไขมันสีทองออกมาก้อนหนึ่ง วางไว้ตรงจุดเชื่อมต่อรอยแยกที่ค่อนข้างใหญ่ของลูกกลมตีไม่พัง แล้วดีดนิ้วชี้ไปตรงนั้น

พรึบ! เปลวเพลิงสีทองระเบิดลุกพรึบ

เหมียวอี้ชี้ไปอีก ทำให้เปลวเพลิงเดือดหดเล็กลง ไฟไปรวมกันที่จุดจุดเดียว เผาไหม้เพียงจุดนั้น

หลังจากนั้นครึ่งวัน จุดที่โดนเผาก็ค่อยๆ หลอมละลาย ทันใดนั้นก็มีเสียง “ปั้ง” ทั้งลูกกลมตีไม่พังพังทลายกลายเป็นผงสีแดงตกลงพื้น เหมียวอี้ถือโอกาสรับทวนเกล็ดย้อนที่ตกลงมาไว้ในมือ พอขยุ้มมืออีกข้าง หินผลึกไขมันสีทองก็ตกอยู่ในมือเขาแล้ว

บึ้ม! พอหันตัวมา ก็ใช้ทวนฟันอย่างบ้าคลั่ง พอภูเขาน้ำแข็งแยกออก มังกรไฟตัวหนึ่งก็พุ่งเข้าไปในผนังที่แยกออก เหมียวอี้กระโจนตัวขึ้นมา ถือทวนกระโดดข้ามผนังน้ำแข็งที่มีรอยแยกราวกับบินข้ามกำแพง แล้วกระโดดออกไปในแนวเฉียง

พอออกจากรอยแยกภูเขาน้ำแข็งมาได้ ก็ใช้เปลวเพลิงสีทองบุกฝ่าออกมา ทำให้วิญญาณน้ำแข็งที่อยู่ข้างนอกตกใจจนถอยหลัง พวกนางไม่กลัวไฟหยินอย่างอัคคีน้ำแข็ง แต่กลับกลัวไฟหยาง สิ่งนี้คือดาวอริของพวกนาง

แต่ภูเขาน้ำแข็งลูกหนึ่งก็พลันปรากฏขึ้น ผนึกเหมียวอี้เอาไว้ในน้ำแข็งอีกครั้ง หินไขมันเพลิงสีทองในมือเหมียวอี้ก็ดับลงด้วยเช่นกัน

เหมียวอี้กางแขนสองข้างจนภูเขาน้ำแข็งแตกออก เปลวเพลิงสีทองลุกโชนอีกรอบ เขาบุกไปข้างหน้าต่อในขณะที่ตัวอยู่ในเปลวเพลิง ไขมันเพลิงสีทองที่แน่นเต็มทางกดดันจนวิญญาณน้ำแข็งที่ต้องการจะโผล่จากผนังน้ำแข็งสองฝั่งมาโจมตีไม่กล้าเข้าใจ อุณหภูมิสูงเผาจนกำแพงสองข้างละลายเป็นน้ำไหลจ๊อกๆ

ตอนที่ออกมาอีกครั้ง ก็มีภูเขาน้ำแข็งมาผนึกเขาไว้อีก เหมียวอี้ถล่มภูเขาน้ำแข็งอีกครั้ง พุ่งไปยังจุดลึกของทุ่งน้ำแข็งที่มีน้อยคนที่จะไปถึง บางครั้งที่วิ่งขึ้นมาบนยอดเขาสูงก็จะทอดสายตามองออกไป

ดังนั้นจึงปรากฏภาพเหตุการณ์ประหลาด ภูเขาน้ำแข็งหลายลูกงอกขึ้นมาบนพื้นอย่างเป็นระเบียบตลอดทางราวกับเป็นหน่อไม้หลังฝนตก ขยายยาวเหยียดอยู่บนทุ่งน้ำแข็งไม่หยุด ลูกไฟสีทองลูกหนึ่งวิ่งตะบึงผ่านไป บนท้องฟ้ามีหงส์อัคคีน้ำแข็งฝูงหนึ่งกำลังพ่นอัคคีน้ำแข็งใส่ลูกไฟสีทองนั่นอย่างบ้าคลั่ง และคนในเพลิงสีทองก็ไม่สนใจสิ่งนี้เลย เอาแต่ถือทวนวิ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว

หลังจากนั้นหนึ่งเดือน เหมียวอี้ที่ไม่เคยหยุดพักเลยก็พุ่งออกมาจากรอยแยกของภูเขาน้ำแข็ง กระโจนจากท้องฟ้าลงมาด้านล่าง ดิ่งตกลงใต้หน้าผาน้ำแข็งที่ลึกหลายร้อยจั้ง

ปั้ง! เกล็ดหิมะที่กองรวมกันกระจัดกระจายภายใต้แรงพุ่งโจมตี เผยแผ่นน้ำแข็งที่โดนกลบไว้ด้านล่าง บนผิวน้ำแข็งมีรอยแยก เพลิงสีทองดับลง เผยร่างของเหมียวอี้แล้ว

“แกร๊ง” เหมียวอี้ที่คุกเข่าข้างเดียวอยู่กลางรอยแยกใยแมงมุมใช้ทวนค้ำพื้นแล้วยืนขึ้นอย่างช้าๆ รองเท้าเหล็กขยับเล็กน้อย เกราะรบบนตัวยังไม่ถูกถอดออก บนใบหน้ายังเปื้อนเลือดที่เฮยทั่นพ่นใส่ ใบหน้ากลายเป็นสีดำไปแล้ว เขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยสภาพกึ่งผีกึ่งคน ไม่ได้วิ่งไปข้างหน้าอีก แต่หันกลับไปมองด้านบนหน้าผาที่อยู่ข้างหลัง เขาแปลกใจนิดหน่อยว่าทำไมวิญญาณน้ำแข็งพวกนั้นจึงไม่แช่แข็งเขาต่อไป

เขาโดนแช่แข็งมาตลอดทาง พอจู่ๆ เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ความรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกก็ยังทำให้เขาไม่คุ้นชินสักเท่าไร

ผลก็คือพบว่าบนฟ้ามีพวกวิญญาณน้ำแข็งบินออกจากริมหน้าผาน้ำแข็งกลับไปอย่างหวาดกลัว ไม่เห็นมีใครสะกดรอยตามมาแล้ว ส่วนหงส์อัคคีน้ำแข็งที่กำลังบินวนอยู่บนฟ้าก็กำลังสลายตัว อัคคีน้ำแข็งหลายดวงแยกออกไปอย่างรวดเร็ว จมหายลงในหิมะแล้ว จุดแสงสีรุ้งกลุ่มนั้นปรากฏโฉมหน้าที่แท้จริงอีกครั้ง แล้วรวมกลุ่มกันบินวนอยู่บนท้องฟ้า จากนั้นก็ไหลไปที่ทุ่งน้ำแข็งด้านหน้าราวกับฝนดาวตก สุดท้ายก็หายไป

…………………………