ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด ตอนที่ 15 สำรวจเกาะลอยคว้างทั้งหลาย

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

“มีเกาะลอยคว้างหลายแห่งที่มีอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตาเป็นประกายขึ้นมา

“ถูกต้อง” ท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้พูดพลางพยักหน้า “ดวงตาอันน่าหวาดหวั่นพรรค์นี้ กระจัดกระจายกันอยู่ทั่วเกาะลอยคว้างทั้งหลาย ลำพังแค่ที่เผ่าเซวี่ยเหยียนเราบันทึกเอาไว้ก็มีถึงห้าร้อยยี่สิบสองดวงแล้ว ทว่าจ้าวหิมะเหิน ข้าต้องบอกท่านว่า ดวงตาเหล่านี้มิอาจนำไปได้ หากสัมผัสก็ต้องถูกลงโทษ พลังอ่อนแอก็ต้องถูกอานุภาพที่เปล่งออกมาจากดวงตากดดันจนตาย!”

“มิทราบว่าจะสามารถขายรายงานของเกาะลอยคว้างที่บันทึกเกี่ยวกับ ‘ดวงตา’ นี้เอาไว้ให้ข้าได้หรือไม่” แม้ตงป๋อเสวี่ยอิงจะรู้ดีว่าคำขอนี้ออกจะเกินเลยไปบ้าง แต่ก็ยังคงวิงวอน

รายงานของเกาะลอยคว้าง…

ไม่ว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญดินแดนจิตโลกาหรือว่าเผ่าชนพื้นเมือง ก็ล้วนแต่เป็นรายงานสำคัญที่สุดของที่สุด!

ล้วนแต่เกิดจากบรรพชนใช้ชีวิตเพื่อแลกมา! เมื่อมองอย่างผิวเผินแล้ว สภาพแวดล้อมอันตรายต่างๆ เหมือนจะธรรมดาทั่วไปมาก เมื่อถึงคราวลำบากจริงๆ จึงได้ล่วงรู้ สั่งสมกันมายุคแล้วยุคเล่า! โลกชนพื้นเมืองแห่งต่างๆ ก็อาจจะมีการแลกเปลี่ยนซื้อขายรายงานซึ่งกันและกันบ้าง รายงานโดยละเอียดของเกาะลอยคว้างแต่ละแห่งล้วนล้ำค่ามาก มิอาจมอบให้อีกฝ่ายได้ง่ายๆ

“จ้าวหิมะเหิน ท่านมีบุญคุณใหญ่หลวงต่อเผ่าเซวี่ยเหยียนเรา” เซวี่ยเหยียนจี้มองตงป๋อเสวี่ยอิง บรรดาผู้แกร่งกล้าระดับยอดคนอื่นๆ ของเผ่าเซวี่ยเหยียนที่อยู่ด้านหลังเซวี่ยเหยียนจี้มองสบตากันไปมา แล้วถ่ายเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเงียบเชียบ

“ในเมื่อท่านอยากได้รายงาน เผ่าเซวี่ยเหยียนเราก็สามารถมอบให้ท่านได้” ท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้กล่าว หากเวลาที่เผ่าเซวี่ยเหยียนแข็งแกร่ง ก็ยากนักที่จะร้องขอรายงานระดับนี้ แต่บัดนี้เผ่าเซวี่ยเหยียนเหลือเพียงพวกเขากลุ่มนี้เท่านั้น เซวี่ยเหยียนจี้ก็เป็นผู้นำเผ่าเซวี่ยเหยียนในตอนนี้ด้วย! ก่อนหน้านี้ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้อย่างมากมายจริงๆ

หากมิใช่เพราะตงป๋อเสวี่ยอิง พวกเขาอาจจะต้องสิ้นเผ่าพันธุ์กันแต่เพียงเท่านี้!

นอกจากนี้เผ่าชนพื้นเมืองก็ยังแบ่งออกเป็นอีกหลายเผ่าย่อย เดิมที ‘เผ่าเซวี่ยเหยียน’ ก็แบ่งแยกบุญคุณความแค้นชัดเจนอยู่แล้ว! หากพบคนที่แอบเห็นแก่ตัว พวกตงป๋อเสวี่ยอิงก็คงไม่ได้รับรายงานมาง่ายๆ เช่นนี้แล้ว

“ทว่าข้าต้องพูดให้ชัดเจนเสียก่อน” ท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้กล่าว “ตลอดคืนวันอันยาวนานมาจนบัดนี้ แม้เผ่าเราจะทราบว่ามีเกาะลอยคว้างห้าร้อยยี่สิบสองแห่งที่มีดวงตาอันน่าหวาดหวั่นเช่นนี้อยู่! แต่เผ่าเซวี่ยเหยียนเราก็มิได้สำรวจเกาะลอยคว้างแต่ละแห่งอย่างสุดกำลังด้วยความโง่งม อย่างผลวิญญาณทิพย์บนเกาะเมื่อครู่สำคัญต่อเผ่าเซวี่ยเหยียนเราเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงได้สำรวจครั้งแล้วครั้งเล่า จึงได้ล่วงรู้อย่างชัดเจนถึงเพียงนั้น แต่ในบรรดาเกาะลอยคว้างทั้งห้าร้อยยี่สิบสองแห่งนี้ เผ่าเรามีรายงานโดยละเอียดจริงๆ แค่สิบแปดแห่งเท่านั้น! และยังมีที่ค่อนข้างละเอียดอีกแปดสิบเก้าแห่ง ที่เหลือก็มีแค่คร่าวๆ เท่านั้น”

“เพียงพอแล้วล่ะ แค่ท่านชายช่วยข้าได้ ข้าก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว

“ฮ่าฮ่า…จ้าวหิมะเหินไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้หรอก หากมิใช่เพราะท่าน เกรงว่าเผ่าเซวี่ยเหยียนเราก็คงมิอาจรอดพ้นจากหายนะครั้งนี้ได้” ท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้กล่าว เขาพูดพลางพลิกมือแล้วหยิบม้วนสาส์นฉบับหนึ่งออกมามอบให้ตงป๋อเสวี่ยอิง

ตงป๋อเสวี่ยอิงรับไป

เมื่อเขาใช้สติรับรู้สสำรวจดู ข้อมูลจำนวนมากก็โหมซัดเข้าสู่ห้วงสมองอย่างรวดเร็ว

“เดิมทียังคิดว่าจะเชิญพวกจ้าวหิมะเหินไปเป็นแขกของโลกเซวี่ยเหยียนเรา เพียงแต่บัดนี้พวกเราก็หนีเอาชีวิตรอดอย่างน่าอนาถอยู่ภายนอก รอให้เผ่าเราแย่งชิงโลกเซวี่ยเหยียนกลับมาได้เสียก่อน ข้าก็จะส่งเทวทูตมุ่งหน้าไปยังดินแดนจิตโลกาเพื่อเชื้อเชิญท่าน” ท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้กล่าว

“ข้าอาศัยอยู่ที่เมืองหิมะเหินแห่งรัฐเมฆทักษิณา! ข้าจะรอท่านชายมาเชิญพวกข้าไป” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ ยามนี้เขารู้สึกซาบซึ้งใจต่อเซวี่ยเหยียนจี้มาก ก่อนหน้านี้เมื่ออีกฝ่ายขอความช่วยเหลือ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้สึกเพียงว่าจะอยู่เป็นเพื่อนสักตั้งหนึ่งเท่านั้น ต่อให้ร่างแยกร่างหนึ่งของตนต้องสูญเสียไปก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย ดังนั้นจึงได้ช่วยเหลืออย่างไม่ลังเลเลย บัดนี้กลับได้รับรายงานอันล้ำค่ามาเสียนี่!

เขาช่วยเหลือไปตามเรื่องตามราวเท่านั้นเอง แต่กลับได้รับการตอบแทนเช่นนี้

ทีใครทีมันก็เป็นเช่นนี้เอง!

หากตงป๋อเสวี่ยอิงมีจิตคิดร้าย มองดูกองกำลังชนพื้นเมืองห้ำหั่นกับจักรพรรดิอย่างเย็นชาโดยไม่สอดมือเข้าช่วย หรือคิดว่ากองกำลังชนพื้นเมืองเช่นนั้นจะสามารถถ่วงเวลาออกไปได้นานขึ้น! เกรงว่าก็คงจะมิได้รับประโยชน์เช่นนี้แล้ว

……

สองฝ่ายร่ำลากัน

รอจนกองกำลังเผ่าเซวี่ยจากไปจนลับตาแล้ว จอมกระบี่จึงเอ่ยขึ้นว่า “เสวี่ยอิง เจ้าบอกว่าดวงตาสีเทาบนยอดของผลวิญญาณทิพย์หรือ”

“ข้ามิได้อยู่ต่อเพื่อช่วยเหลือพวกท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้หรอกหรือ จึงได้เห็นดวงตาสีเทานั่นเข้า” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว “ดวงตานั้นเร้นลับเหลือประมาณ มีประโยชน์ต่อการบำเพ็ญของข้า บุกฝ่าเกาะลอยคว้างแห่งนี้แล้ว ต่อไปพวกเราจะไปที่ไหนกันดี”

“ฮ่าฮ่า พี่ใหญ่หิมะเหิน อยากจะไปยังเกาะลอยคว้างห้าร้อยยี่สิบสองแห่งที่มีดวงตาอันเร้นลับนั่นใช่หรือไม่” บรรพชนแมลงพูดยิ้มๆ

ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้ม “บุกฝ่าไปแห่งหนึ่งแล้ว หากพูดกันจริงๆ ก็ยังเหลืออีกห้าร้อยยี่สิบเอ็ดแห่ง”

“พวกเราไม่มีเป้าหมายที่แน่นอนอยู่แล้ว” จอมกระบี่พยักหน้า “มายังเกาะลอยคว้างก็เพื่อเคี่ยวกรำตนเอง เพื่อโอกาส ในเมื่อเจ้ารู้สึกว่าดวงตาอันเร้นลับเหล่านี้มีประโยชน์ต่อเจ้า พวกเราก็ไปยังเกาะลอยคว้างเหล่านี้กันเถิด นอกจากนี้ เมื่อมีรายงานที่พวกท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้มอบให้ พวกเราก็สบายขึ้นมากทีเดียว”

แม้รัฐโบราณคิมหันตวายุจะมีรายงานโดยละเอียดของเกาะลอยคว้างบางแห่ง

แต่สถานที่ระดับนั้น ก็ถูกพวกจักรพรรดิเซี่ยและบรรพชนฝานสำรวจมาก่อนแล้ว!

แต่เกาะลอยคว้างหลายแห่งที่เผ่าเซวี่ยเหยียนมอบรายงานให้ รัฐโบราณคิมหันตวายุกลับไม่เคยสำรวจอย่างลึกซึ้งมาก่อน

“ต้องขอบคุณแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว “เช่นนั้นพวกเราก็ไล่ไปตามความอันตรายของเกาะลอยคว้างก็แล้วกัน หากอันตรายค่อนข้างต่ำ และมีรายงานละเอียด พวกเราก็ไปสำรวจกันก่อน”

บรรพชนแมลงพยักหน้า

“ตามใจเจ้าเลย” จอมกระบี่ก็โพล่งออกมา

……

จากนั้นพวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสามคนก็เริ่มสำรวจเกาะลอยคว้างแห่งแล้วแห่งเล่าตามรายงาน

รายงานละเอียดพอ

อันตรายค่อนข้างต่ำ ก็สำรวจก่อน!

เนื่องจากรายงานที่เผ่าเซวี่ยเหยียนมอบให้เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณนั้น มีหลายแห่งที่ผู้แกร่งกล้าแห่งดินแดนจิตโลกาไม่เคยสำรวจอย่างลึกซึ้งมาก่อน!

เกาะลอยคว้างพิสดารยิ่งนัก อย่าง ‘ดวงตาสีเทา’ นั้นมีประโยชน์ต่อวิถีเขตลวงโลกเทียมของตงป๋อเสวี่ยอิง และมีภาพอันพิสดารที่มีประโยชน์ต่อจอมกระบี่เช่นเดียวกัน!

ภูเขาสูงสีแดงโลหิตแห่งหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนเกาะลอยคว้าง แผ่อานุภาพทำลายล้างที่ชวนให้ผู้คนคนใจสะท้านออกมา จอมกระบี่มองดูด้วยความลุ่มหลง…จากภูเขาสูงแห่งนี้ จอมกระบี่ก็มองเห็นทิศทางที่เขาจะมุ่งหน้าไป

……

“เด็กดี ผลไผ่แดงมากมายถึงเพียงนี้!”

ผลไม้สีแดงกองหนึ่งสะบัดพลิ้ว กลิ่นหอมยั่วยวนใจคนแผ่กำจายออกมา แมลงจำนวนมากถาโถมขึ้นไป แล้วห่อหุ้มเอาผลไม้ทั้งหมดไป ขณะเดียวกันก็เอ่ยขึ้นว่า “พี่ใหญ่หิมะเหิน พี่กระบี่ปีศาจ ผลไผ่แดงนี่มีประโยชน์มหาศาลต่อเหล่าแมลง ข้าขอทั้งหมดเลยก็แล้วกัน”

“ได้สิ เป็นของเจ้าทั้งหมด” ตงป๋อเสวี่ยอิงและจอมกระบี่ต่างก็พูดยิ้มๆ มีประโยชน์มหาศาลต่อเหล่าแมลง แต่ก็ไม่มีประโยชน์อันใดสำหรับพวกเขาสองคน อย่างมากก็แค่ใช้แลกเป็นสมบัติล้ำค่ามาก็เท่านั้นเอง

……

“เก่งกาจยิ่งนัก”

เหนือสายน้ำอันมืดมิดที่โหมซัด ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิอยู่ สายน้ำโลดแล่นไป

สายน้ำเชื่อมกันเป็นวง ไหลไปวงหนึ่งเป็นระยะทางราวแสนล้านลี้

ตงป๋อเสวี่ยอิงสัมผัสได้ถึงการหมุนเวียนของวิถีอากาศในระดับสูงยิ่งกว่านั้น นั่นคือการใช้งานพิเศษในระดับคละถิ่นชนิดหนึ่ง

“เสวี่ยอิง รีบไปเร็วเข้า เผ่ามรณะทมิฬมาแล้ว”

“พี่ใหญ่หิมะเหิน ไปกันเถิด”

บรรพชนแมลงและจอมกระบี่ถ่ายเสียงทันที

“ไปๆๆ”

เหนือสายน้ำอันมืดมิด ตงป๋อเสวี่ยอิงที่สัมผัสรับรู้อยู่นานแสนนานก็รีบทะยานหนีไปพร้อมกับบรรพชนแมลงและจอมกระบี่ทันที

******

เวลาล่วงเลยไป

พวกตงป๋อเสวี่ยอิงสำรวจเกาะลอยคว้างแห่งแล้วแห่งเล่าอย่างเต็มที่ เนื่องจากเกาะที่พวกเขาเลือกล้วนแต่มีรายงานที่ค่อนข้างละเอียด ระดับความอันตรายค่อนข้างเบา บวกกับกระบวนท่าเขตลวงของตงป๋อเสวี่ยอิงที่สามารถกวาดล้าง ‘ระดับอ๋อง’ ได้ สำหรับ ’จักรพรรดิ‘ เผ่ามรณะทมิฬก็มีผลกระทบ พลังรบของจอมกระบี่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง วิธีการก็สมบูรณ์แบบมาก แมลงจำนวนนับไม่ถ้วนของบรรพชนแมลงสำรวจทุกทิศทุกทาเอาไว้แต่เนิ่นๆ…

พวกเขาสำรวจเกาะลอยคว้างสำเร็จถึงสามสิบสองแห่งต่อเนื่องกัน ผลประโยชน์ที่ได้มีทั้งมากและน้อย  สมบัติล้ำค่าที่มีส่วนช่วยในการบำเพ็ญนั้น พวกเขาก็เก็บไว้ก่อน ลำพังแค่สมบัติล้ำค่ารวมกัน ก็เพียงพอจะทำให้สิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูอิจฉาตาร้อนได้แล้ว

แน่นอนว่า ท้ายที่สุดพวกเขาสามคนก็ต้องแยกจากกัน

ในบรรดาพวกเขาสามคน ตงป๋อเสวี่ยอิงและจอมกระบี่ให้ความสำคัญกับการบำเพ็ญมากกว่า ส่วนบรรพชนแมลงกลับสนใจสมบัติล้ำค่ามากกว่า

“ประหลาดนัก”

เกาะลอยคว้างสามสิบสองแห่งที่พวกเขาสำรวจในภายหลัง เนื่องจากทำตามรายงานทั้งหมด เกาะลอยคว้างแต่ละแห่งก็ย่อมพบดวงตาอันเร้นลับนั้นเป็นธรรมดา

โครงสร้างของดวงตาแต่ละดวง ภายใต้การสำรวจของตงป๋อเสวี่ยอิง ก็สามารถมองทะลุโครงสร้างลึกที่สุดได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ทำเอาเขาจมจ่อมไปหมด

“ทว่าดวงตาอันเร้นลับสามสิบสามดวงที่ข้าพบในตอนนี้ มียี่สิบห้าดวงที่เป็นดวงตาสีเทา มีแปดดวงที่เป็นดวงตาสีทอง ดวงตาสีเทาเป็นโครงสร้างของเขตลวงชนิดหนึ่ง ส่วนดวงตาสีทองกลับเป็นเขตลวงอีกชนิดหนึ่ง”

“เขตลวงของดวงตาสีเทาน่าจะดึงดูดศัตรู ทำให้ศัตรูลุ่มหลงและติดกับ ส่วนดวงตาสีทองกลับสังหารในเขตลวงทันที”

ตงป๋อเสวี่ยอิงจดจำโครงสร้างภายในดวงตาแต่ละดวงเอาไว้ ในฐานะผู้บำเพ็ญที่ยืนอยู่ในระดับยอดสุดทางด้านวิถีเขตลวงโลกเทียมของโลกกำเนิด เขาก็ย่อมวิเคราะห์ออกมาได้เป็นธรรมดา! แม้แต่เจ้าของเดิมของ ‘ดวงตาสีเทา’ และ ‘ดวงตาสีทอง’…สิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งแต่ละตัวเหล่านั้น ก็ทำได้เพียงสำแดงกระบวนท่าโดยกำเนิดออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบเท่านั้น ส่วนความพิสดารของกระบวนท่านี้ กลับไม่เข้าใจเลย

เมื่อเข้าไปในเกาะลอยคว้างแห่งแล้วแห่งเล่า และมองดูดวงตาเหล่านั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้ส่งร่างแยกออกไปสัมผัสหลายต่อหลายครั้ง

แต่ละครั้งที่สัมผัส ร่างแยกก็ล้วนแต่ถูกกดดันจนแตกสลายไป แต่กลับสัมผัสรับรู้ได้ถึงสิ่งมีชีวิตคละถิ่นอันน่าหวาดหวั่นนั้นรางๆ

…………………………………