ทที่ 474

เรียกท่านห้ามา? นี่ไม่ใช่ตัวเองหาเรื่องตายหรอ?

เดิมทีอยากให้เขาดีใจจนสุดขีดแล้วค่อยนำทุกข์มาให้ ให้เขาเสแสร้งตอแหลในคลับเฮาส์ฮุยหวงไปก่อน หลังจากนั้นค่อยผลักเขาลงเหว ตอนนี้ดูแล้ว ไอ้หลานชายปู่คนนี้ตัวเองตัดโอกาสที่จะแสร้งตอแหลของตัวเองจนขาด …

จางเจี้ยนไหนจะรู้ว่าตัวเองได้เข้าสู่สถานะที่นับเวลาถอยหลังสู่หายนะ ได้รับคำชมเชยจากทุกคนขนาดนี้ เขายิ่งได้ใจ เดินไปอยู่ต่อหน้าเย่เฉิน ยิ้มอย่างหยิ่งยโสแล้วพูด เย่เฉิน เมื่อกี้คุณล่วงเกินผม เพราะฉะนั้นครั้งนี้โอกาสที่จะได้ไปคลับเฮาส์ฮุยหวงที่ชั้นแปดไม่เกี่ยวอะไรกับนาย นายกับพ่อตานายกลับไปได้แล้ว ”

สีหน้าเซียวฉางควนดูไม่ได้แล้วพูดว่า “เฮ้ จางเจี้ยน นายเกินไปแล้วนะ? นายนึกว่าผมมาตีเนียนกินฟรีกับนายหรอ? ผมมาที่นี่เพื่อปาร์ตี้กับเพื่อนนักเรียนเก่าของผม!”

จางเจี้ยนเบะปาก พูดว่า “ปาร์ตี้? ในโรงเรียนปาร์ตี้ก็จบไปแล้วไม่ใช่หรอ? ตอนนี้คือผมเป็นคนจัดรอบที่สอง หรือว่าคุณยังจะหน้าด้านตามมาอีก?”

“ใช่!” พันหยวนหมินตะคอกอย่างเย็นชาและพูดว่า “เซียวฉางควน เมื่อก่อนนายหยิ่งมากไม่ใช่หรอ? ยังเป็นทายาทเศรษฐีอันดับสองด้วย ในเมื่อมีความสามารถขนาดนี้ อยู่ในคลับเฮาส์ฮุยหวงก็แก้ไขปัญหาด้วยการจองสักห้องสิ! จะตีเนียนกินฟรีกับลูกเขยฉัน หมายความว่าไง?”

เพื่อนนักเรียนเก่าแก่ทุกคนคิดไม่ถึงว่าพันหยวนหมินกับลูกเขยเขาจู่ๆก็เริ่มทำให้เซียวฉางควนกับเย่เฉินลำบากใจ ต่อหน้าเพื่อนนักเรียนทุกคน ถึงกับพูดคำพูดแบบนี้ออกมาตรงๆ ทุกคนก็รู้สึกไม่สบายใจ

แต่ว่า ตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่มีใครออกหน้าช่วยเซียวฉางควนพูดสักคำ ยังไงก็เป็นเรื่องจริงที่สถานที่นี้ลูกเขยของพันหยวนหมินเป็นคนจัดการ แค่ตัวเองเข้ามาก็ถือว่าอาศัยบารมีของเขาเหมือนกัน เวลานี้ไหนเลยใครจะกล้าพูดแทนเซียวฉางควน?

สีหน้าเซียวฉางควนดูไม่ได้เลย แล้วพูดว่า “พันหยวนหมิน คุณรังแกคนมากเกินไปแล้วมั้ง?”

“ผมรังแกคุณ?” พันหยวนหมิงพูดอย่างดูถูก ผมแค่ไม่อยากเชิญคุณมาร่วมดื่มร่วมสนุกด้วย ทำไมกลายเป็นว่ารังแกคุณล่ะ?”

เซียวฉางควนพูดด้วยหน้าดำหน้าแดงว่า “ได้ๆๆ! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นผมจ่ายเอง! ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ คิดเป็นคนแล้ว ผมกับลูกเขยรวมเป็นสองส่วน เดี๋ยวผมจ่ายเอง! ”

พันหยวนหมิงพูดอย่างรังเกียจ “คุณคิดว่าแค่จ่ายเงินก็พอแล้วหรอ?คุณสมบัติของสมาชิกก็มีเกณฑ์ของมันนะ! ถ้าไม่ใช่อาศัยบารมีของลูกเขยผม คนไม่เอาไหนอย่างนายจะได้เข้ามาหรอ? แม้แต่เข้าก็เข้าไม่ได้ นายจ่ายเงินก็ไม่มีใครสนใจหรอกโอเคมะ! ”

เซียวฉางควนกัดฟัน “พันหยวนหมิง นายจะมากเกินไปแล้วนะ!”

พันหยวนหมิงพยักหน้าและพูดอย่างหยิ่งยโสว่า “ผมทำเกินไป ผมตั้งใจ จะทำไม? ใครใช้ให้นายตอนเรียนมาอวดเก่งกับผม? เวลานี้ใครให้นายมีการเป็นอยู่ที่สู้ผมไม่ได้?”

พูดแล้ว พันหยวนหมิงก็พูดอีก “นายดูนายสิ อายุห้าสิบกว่าแล้ว ยังไม่เอาไหนขนาดนี้ ไม่มีงาน ไม่มีประกันสังคม ในอนาคตแม้แต่เงินเกษียณก็ยังไม่มี ผมดูแล้วผ่านไปอีกสักปี นายน่าจะต้องขอทานข้างถนนแล้ว ถึงเวลานั้นเพื่อนนักเรียนทุกคนคงต้องระดมทุนช่วยนายแน่! ”

เซียวฉางควนโกรธจนสั่นไปทั้งตัว พูดกับเย่เฉินว่า “อย่าไปถือสาคนต่ำช้าแบบนี้เลย พวกเราไปกันเถอะ!”

เย่เฉินยิ้มหัวเพราะและพูดว่า “คุณพ่อ รีบไปทำไม ฉากละครที่สนุกยังไม่เริ่มเลย ดูจบค่อยไปยังไม่สาย!”

พันหยวนหมิงหึหึ พูดว่า “นายยังอยากดูละครที่สนุก? ผมจะบอกให้ วันนี้พวกนายสองคนห้ามขึ้นไปชั้นแปดกับพวกเราโดยเด็ดขาด! ถ้าฉลาดก็รีบไปซะ อย่ารอให้ รปภ.ต้องมาไล่พวกนาย! ”

เย่เฉินหัวเราะ “ละครที่ผมว่าสนุกไม่ได้เกี่ยวอะไรกับชั้นแปด ละครสนุกที่ผมพูดถึง คือลูกเขยชกต่อยพ่อตาคาดว่าอีกประมาณสองสามนาทีก็จะขึ้นการแสดงแล้ว! ”

พันหยวนหมิงชะงัก ตามด้วยชี้ไปที่เซียวฉางควนหัวเราะเสียงดังแล้วพูด “ได้ยินไหมเซียวฉางควน? แม้แต่ลูกเขยขยะของนายยังดูถูกนายเลย จะต่อยนายแล้ว!ฮ่าๆ ก็ไม่รู้ว่ากระดูกของนาย จะทนได้สักกี่หมัด ฮ่าๆๆๆ! ”

เซียวฉางควนก็ชะงัก มองไปที่เย่เฉินแล้วถามว่า “เย่เฉิน นี่นายหมายความว่ายังไง?”

เย่เฉินยิ้มแล้วพูดว่า “พ่ออย่าเข้าใจ ละครโต้วาทีที่ผมบอก คือจางเจี้ยนจะชกต่อยพันหยวนหมิง ขอแนะนำให้พ่อเตรียมมือถือไว้ ถ่ายวิดีโอแล้วโพสต์ลงTik Tok ต้องมียอดไลค์สูงมากแน่ๆ ! “