แดนนิรมิตเทพ บที่ 1317
ตอนนี้ เฉินโม่ก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว เผยซื่อหาวที่เป็นปรมาจารย์แดนคุ้มกาย ทำไมถึงได้ให้ความสนใจอำนาจของทางโลก

เผยซื่อหาวมองเฉินโม่ แล้วคุกเข่าลงทันที “ผู้อาวุโส รุ่นน้องมีเรื่องจะขอร้อง แม้ว่าอาจจะดูเป็นการล่วงเกิน ผู้อาวุโสได้โปรดรับปากด้วย!”

เฉินโม่มองเขา พลังที่อ่อนโยนได้ดึงตัวเขาให้ลุกขึ้น

ความตกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเผยซื่อหาว เขารู้สึกได้ถึงพลังที่ดึงตัวเขาขึ้นมา ทำให้เขาเกิดความรู้สึกที่ไม่สามารถต่อต้านได้

เฉินโม่พูดอย่างเฉยเมย “ผมรู้ว่าคุณจะขออะไร แต่ผมไม่สนใจความแค้นของคุณ ในเมื่อคุณได้มายืนอยู่บนเส้นทางของการฝึกฝนแล้ว คุณต้องเตรียมพร้อมที่จะถูกฆ่าได้ทุกเมื่อ เรื่องของครอบครัว มันต้องมีเจ้าหน้าที่รัฐออกมาจัดการอยู่แล้ว”

เผยซื่อหาวสีหน้าผิดหวัง เมื่อกี้เฉินโม่ไม่รับการคุกเข่าจากเขา เห็นได้ชัดว่าได้เตรียมการปฏิเสธไว้แล้ว

ทว่าเผยซือหาวยังคงไม่ยอมตายใจ การได้เจออันดับแดนเทพที่เก่งกาจ มันเป็นเรื่องที่ยากมาก เขาไม่มีทางที่จะปล่อยโอกาสนี้ไป

ไม่สามารถคุกเข่า เผยซื่อหาวทำได้เพียงโค้งคำนับ พยายามให้น้ำเสียงของตัวเองแสดงถึงความเคารพและจริงใจ “ผู้อาวุโส ตระกูลซานเถียนเป็นคนของประเทศต้าเหอ เจ้าหน้าที่รัฐของหัวเซี่ยอยากจะช่วยก็คงช่วยไม่ได้ อีกอย่างเจ้าหน้าที่รัฐของประเทศต้าเหอก็ไม่มีทางที่จะยอมให้เจ้าหน้าที่รัฐของหัวเซี่ยไปยุ่งเรื่องในประเทศของพวกเขา!”

“หวังว่าผู้อาวุโสจะเห็นผมที่เป็นหัวเซี่ยของนักบู๊ แล้วยื่นมือช่วยเหลือ!”

เฉินโม่โบกมือปฏิเสธ หันหลังเดินกลับไปยังกลุ่มคนของตระกูลเจี่ย ทิ้งไว้เพียงน้ำเสียงที่เฉยเมย “ถ้าหาประเทศต้าเหอมารังแกหัวเซี่ยของเรา ฉันจะต้องยื่นมือออกไปช่วยอย่างแน่นอน!”

เผยซื่อหาวหน้าเศร้า แม้เฉินโม่จะไม่ปฏิเสธ แต่ความหมายของคำพูดนี้ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเรื่องภายในครอบครัวของเขา ไม่คุ้มค่าที่จะให้เฉินโม่ช่วย

“รุ่นน้องเข้าใจแล้ว!” เผยซื่อหาวโค้งคำนับ จากไปด้วยสีหน้าที่ทำอะไรไม่ได้

“คุณเผย!” หานเทียนฟ่างตะโกนเบาๆ แต่เผยซื่อหาวเหมือนไม่ได้ยิน ค่อยๆเดินจากไป

ตอนนี้ สายตาของทุกคน กำลังจับจ้องอยู่บนตัวของเฉินโม่

เจี่ยจวินเซี่ยมองเฉินโม่ แววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “เฉินโม่ ขอบใจนะ!”

เฉินโม่ตบบ่าของเจี่ยจวินเซี่ยเบาๆ พูดอย่างยิ้มๆ “เพื่อนกัน ไม่ต้องขอบคุณหรอก ตอนนี้กลับไปมหาวิทยาลัยพร้อมกับฉันได้หรือยัง?”

เจี่ยจวินเซี่ยมองไปยังพ่อของตัวเอง เจี่ยว่างชวนหัวเราะเสียงดัง “ได้อยู่แล้ว มีคำว่าเพื่อนของเฉินไต้ซือคำนี้ ต่อไปก็ไม่มีใครกล้ายุ่งกับตระกูลเจี่ยแล้ว!”

เจี่ยว่านชนหันไปโค้งคำนับให้กับเฉินโม่ “ผมรู้ว่าเฉินไต้ซือเป็นผู้อาวุโสที่สูงส่ง ไม่ชอบเรื่องพิธีการ แต่ผมก็ยังอยากที่จะพูดขอบคุณ!”

เฉินโม่โบกมือ พลังที่นุ่มนวลก็ได้ประคองเจี่ยว่างชวนขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ ผมกับลูกชายคุณเป็นเพื่อนกัน หากคุณไหว้ผม แล้วคุณจะเอาเขาไปไว้ที่ไหน?”

“เรื่องที่เหลือคุณจัดการเองเถอะ ต่อไปถ้าหากใครกล้ามารังแกตระกูลเจี่ย ก็บอกชื่อของผมได้เลย!” เฉินโม่พูดอย่างองอาจ

เจี่ยว่างชวนหัวเราะอย่างมีดีใจ “ดี ดี!”

ในใจของหานเทียนฟ่างทรมานเหมือนเสียพ่อยังไงอย่างนั้น ทั้งๆที่วันนี้จะเป็นวันที่เขาปกครองเหลียวตง แต่พริบตาเดียวกลับกลายเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของเขาที่ได้เป็นใหญ่ สิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดเหมือนช่วยคนอื่นเตรียมงาน

แต่ว่า หานเทียนฟ่างไม่กล้าแสดงความต่อต้าน แม้ว่าเขาจะไม่รู้ความสามารถที่แท้จริงของเฉินโม่ แต่คนที่สามารถทำให้คุณเผยเคารพได้ขนาดนี้ คงไม่ใช่ตระกูลหานเล็กๆอย่างเขาจะต่อกรได้

แค่โบกมือ เกรงว่าก็คงจะทำให้ตระกูลหานของเขาสลายกลายเป็นผุยผง

“ยินดีด้วยพี่เจี่ย!” หานเทียนฟ่างที่ยิ้มอย่างประจบ โค้งคำนับให้กับเจี่ยว่างชวน เพียงแต่ว่ารอยยิ้มนั้นดูกระอักกระอ่วนอย่างมาก

เจี่ยว่างชวนมองหานเทียนฟ่าง แล้วพยักหน้า การที่หานเทียนฟ่างสามารถปล่อยวางได้ นับเป็นวีรบุรุษหรือมาเฟียที่ได้มาตรฐานคนหนึ่ง

“น้องหาน ขอเพียงต่อไปนายไม่ก่อเรื่องอีก เหลียวโจวแห่งนี้ยังไงก็มีพื้นที่ของนายอยู่แล้ว!” เจี่ยว่างชวนกล่าว

นี่……