ตอนที่ 1873 ก็แค่เท่านี้

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

หยางอี้เต่าหัวเราะลั่นออกมาทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น “ไม่มอบให้? เจ้าไปกินโอสถผิดขนาดมาหรือ? แค่นภาสวรรค์สามดาวอย่างเจ้านี่หรือที่จะปกป้องสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ได้?”

ต่อหน้ายอดฝีมืออาณาจักรเทพถ่องแท้มากมายขนาดนี้เย่หยวนกลับกล่าวว่าจะไม่มอบสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ให้ มันนับว่าเป็นการกระทำที่ต้องใช้ความกล้าเป็นอย่างมาก

อย่าว่าแต่หยางอี้เต่า จีคังที่เป็นถึงเทพถ่องแท้เก้าดาวนี้ เพราะแม้แต่เทพถ่องแท้หนึ่งดาวนั้นก็ยังสามารถสังหารเด็กหนุ่มอย่างเย่หยวนได้ไม่ยาก

การแข่งขันใดๆ ของฉูชิงกับเย่หยวนนั้นมันเป็นได้แค่การละเล่นของเด็กๆ ในสายตาของยอดฝีมือทั้งหลายนี้

พวกเขาทั้งหลายนี้มีโอกาสที่จะเติบโตเป็นยอดฝีมือได้ แต่มันไม่ได้หมายความว่าพวกเขานั้นคือยอดฝีมือในตอนนี้

ความดื้อรั้นไม่ยอมใครเช่นนี้ของเย่หยวนสุดท้ายแล้วมันจะทำให้ตัวเขาต้องสูญเสียชีวิตไป

เย่หยวนกล่าวขึ้น “หากมีปัญญาก็เข้ามาเอาเองสิ มาข่มเหงรังแกผู้น้อยเช่นนี้แท้ๆ แต่พวกเจ้ากลับยังยืดอกกันอย่างภาคภูมิ พวกเจ้าทั้งหลายนี่มันช่างหน้าไม่อายเสียจริงๆ”

จีคังยิ้มตอบรับ “เด็กน้อย ในโลกใบนี้ผู้แข็งแกร่งนั้นถูกเสมอ! เมื่อไม่มีพลังแล้วเจ้าเองก็ไม่มีคุณสมบัติพอจะครอบครองสมบัติ!”

หยางอี้เต่าหัวเราะขึ้น “หน้าไม่อายอันใด? มันกินแล้วอิ่มท้องหรือไม่? มันเพิ่มพลังฝีมือของเจ้าหรือ? เด็กน้อยเจ้านั้นยังอ่อนต่อโลกนัก”

ซัวหานเองก็ไม่คิดจะใจเย็น เขารีบพูดเสริมขึ้นมา “เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว! เด็กน้อย ไม่ส่งสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์มาข้าจะสังหารเจ้าลงก่อนแล้ว!”

เดิมทีแล้วเหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายทั้งแทบจะกัดคอกันอยู่รอมร่อ แต่ตอนนี้สายตาทุกคู่ต่างหันกลับมาจ้องมองที่เย่หยวนอีกครั้ง

การที่เย่หยวนไม่คิดยอมมอบสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ให้มันก็หมายความว่าต่อให้พวกเขาทั้งหลายจะพูดจาต่อรองใดไปมันก็ไม่เกิดประโยชน์

“เด็กคนนี้มันคงไม่ได้เสียสติไปแล้วใช่หรือไม่? สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์นั้นมันมีโชคที่จะได้รับ แต่ไม่มีโชคที่จะใช้มัน!”

“ไม่เข้าใจเลยว่าเด็กคนนี้มันคิดอะไรอยู่ หากเป็นข้า ข้าคงรีบโยนสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ทิ้งไปนานแล้ว”

“สิ่งของชิ้นนี้มันเป็นของร้อน แต่เขาคนนี้กลับไม่ยอมคิดที่จะทำความเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า ข้าว่าเขาคงได้ตายลงแน่แล้ว”

ตอนนี้เหล่านักยุทธ์อาณาจักรนภาสวรรค์และเทพถ่องแท้ระดับล่างๆ ทั้งหลายต่างคิดอยู่ในใจว่าเย่หยวนนั้นทำตัวโง่งมจนเกินไป

เย่หยวนยื่นมือออกมาพร้อมด้วยธงศึกดาวฤกษ์ในมือที่ปล่อยพลังอันลึกลับออกมาอย่างมหาศาล

เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังแสนลึกลับนี้ดวงตาของเหล่าจีคังทั้งหลายก็เบิกกว้างขึ้นทันที

“นั่นแหละ ทำแค่นี้ก็จบ! ดื้อด้านไปมันก็ไม่เกิดประโยชน์ รีบๆ ส่งมันมาเสีย!” จีคังยิ้มบอก

ทุกผู้คนต่างคิดว่าสุดท้ายเย่หยวนก็ยอมที่จะมอบมันออกมา

เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าเทพถ่องแท้มากมายเช่นนี้มันย่อมไม่มีใครที่จะกล้าท้าทาย

แต่เย่หยวนกลับยิ้มขึ้นมาด้วยท่าทางเย้ยหยัน “นี่คือธงศึกดาวฤกษ์ หากเจ้ามีปัญญาก็เข้ามาเอามันไปสิ!”

นั่นทำให้ทุกผู้คนต้องผงะไปเพราะท่าทางของเย่หยวนในตอนนี้มันกลับกลายเป็นการหาเรื่องผู้คนแทน

‘ฟุบ!’

เวลานั้นเองที่มีเงาร่างหนึ่งได้พุ่งตัวเข้าไปหาเย่หยวน

เรื่องนี้ทำให้สีหน้าของเหล่าจีคังทั้งหลายต้องถอดสีไปทันที พวกเขาไม่นึกไม่ฝันว่าในวินาทีที่ไม่มีใครทันตั้งตัวนี้มันจะกลับมีใครเข้ามาชิงลงมือไปก่อน!

นั่นทำให้พวกจีคัง หยางอี้เต่าและซัวพานต่างปลดปล่อยพลังของตนออกมาและพุ่งเข้าหาเย่หยวนในทันที

แต่ในเวลานั้นธงผืนน้อยในมือเย่หยวนมันกลับขยายใหญ่ขึ้นมา!

นั่นทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำมืดเหลือเพียงแค่แสงจากดาวบนท้องฟ้าเท่านั้น

เย่หยวนกำธงศึกดาวฤกษ์ด้วยมือข้างหนึ่งและโบกสะบัดมันออกมาทำให้เหล่าดาวนับร้อยพันบนท้องฟ้าร่วงลงมารวมกับตัวธงศึกดาวฤกษ์

นั่นก่อให้เกิดคลื่นพลังอันมหาศาลพุ่งทะยานขึ้น ผู้ที่ลอบโจมตีเข้ามานั้นไม่ทันได้ตั้งรับใดๆ

‘ปัง!’

ร่างของผู้ที่พุ่งเข้ามาลอบโจมตีนี้ปลิวลอยไปไกลพร้อมเลือดที่สาดกระเซ็น ก่อนจะร่วงลงกับพื้นด้วยเสียงหนักๆ ในสภาพที่ปางตาย

ภาพตรงหน้านี้ทำให้พวกจีคังทั้งหลายต้องหยุดเท้าลงทันที พวกเขาได้แต่มองดูภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึงอย่างถึงที่สุด

“นี่มัน… คือพลังของสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์? แข็งแกร่ง!” จีคังร้องบอกขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

หยางอี้เต่าเอาก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าเหยเก “หลี่จู้นั้นเป็นถึงเทพถ่องแท้หกดาวแต่กลับไม่สามารถรับการโจมตีจากธงศึกดาวฤกษ์ได้แม้แต่ครั้งเดียว!”

“มันเพิ่งได้ธงศึกดาวฤกษ์มาและไม่น่าจะมีเวลาไปหลอมมันได้! ที่สำคัญเด็กคนนี้มันยังเป็นแค่นภาสวรรค์สามดาวทำไมมันจึงสามารถปลดปล่อยพลังระดับนี้ออกมาได้กัน?” ซัวพานร้องขึ้นด้วยความมึนงง

คนที่เพิ่งลอบโจมตีเย่หยวนไปก่อนหน้านี้มีนามว่าหลี่จู้ เขาเป็นหนึ่งในเทพถ่องแท้ของฝั่งนักยุทธจรและนับว่าเป็นผู้มีพลังแข็งแกร่งคนหนึ่ง

ระหว่างที่ตัวเย่หยวนกำลังพูดกล่าวกับสามขั้วอำนาจ เขานั้นก็ได้เตรียมตัวลอบโจมตีมาแสนนาน

เขาพยายามมองหามุมที่เหมาะในการลอบโจมตีและคิดว่าการจะได้ธงศึกดาวฤกษ์มาอย่างง่ายที่สุดมันก็คือการสังหารเย่หยวนทิ้งและรีบหลบหนีไป

เพียงแค่ว่าเขาไม่เคยคิดฝันว่าแท้จริงแล้วเย่หยวนกลับสามารถโจมตีเขาจนปางตายได้ด้วยการโจมตีเดียวเช่นนี้

เย่หยวนมองดูใบหน้าของคนทั้งหลายตรงหน้าก่อนจะยิ้มขึ้นอย่างเย็นเยือก “ทำไมพวกเจ้ายังไม่เข้ามาอีก? พวกเจ้าไม่อยากได้ธงศึกดาวฤกษ์หรือ? มันอยู่ตรงนี้ไง เข้ามาเอาไปสิ!”

นั่นทำให้ใบหน้าของพวกจีคังต้องแข็งค้าง เพราะเย่หยวนคนนี้กำลังท้าทายพวกเขาทั้งหลายอย่างถึงที่สุด!

“เด็กน้อย หากเจ้าคิดอยากตายข้าก็จะสนองให้! หยางอี้เต่า ซัวพาน เราลงมือพร้อมกัน! เฒ่าคนนี้อยากรู้เหลือเกินว่าไอ้เด็กคนนี้มันจะมีสามเศียรหกแขนหรือไม่!” จีคังร้องบอก

หยางอี้เต่าและพวกพยักหน้ารับทันที “ได้! ฆ่ามันทิ้งลงก่อนแล้วเราค่อยมาจัดการเรื่องราวของพวกเราทีหลัง!”

ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายได้ตกลงร่วมมือกันฆ่าสังหารเย่หยวนให้สิ้นเสียก่อน

‘ตูม! ตูม! ตูม!’

คลื่นพลังอันแสนรุนแรงปะทุขึ้นมาตามๆ กันก่อนที่มันจะพุ่งเข้าใส่ร่างเย่หยวนจนทำให้ท้องฟ้าและผืนดินต้องเปลี่ยนสี

ภายในโถงบังคับกฎ ฟางเทียนและพวกต่างตื่นตกใจจนใบหน้าซีดขาว

พลังลึกล้ำอันมหาศาลที่ส่งตรงออกมาจากเทือกเขาสุสานเทพนี้มันทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดต้องสั่นสะเทือน

นี่คือพลังที่สามารถกดโลกใบเล็กลงได้!

พวกเขาทั้งหลายนั้นต่างเป็นผู้คนที่อาศัยอยู่ในโลกใบเล็กและแน่นอนว่าพวกเขานั้นไม่เคยสัมผัสถึงพลังในระดับนี้มาก่อนเลย

ในสายตาของพวกเขาแล้วพลังนี้มันมากพอที่จะทำลายดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้สิ้นซากลงได้!

“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเย่หยวนจึงได้บอกว่าไม่มั่นใจ คราวนี้มันเป็นสัตว์ประหลาดประเภทไหนกันแน่ที่เข้ามา?!” ฟางเทียนกล่าวขึ้นอย่างตื่นตกใจ

“หรือว่า… ตอนนี้เย่หยวนจะกำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเหล่านี้อยู่? นี่มัน… เขาเติบโตไปจนถึงขั้นไหนกันแล้ว?” กวนควางเทียนพูดเสริม

ในตอนนี้พลังของเต๋าสวรรค์อันมหาศาลกำลังพุ่งเข้าใส่ธงศึกดาวฤกษ์อย่างบ้าคลั่ง

มันทำให้ธงศึกดาวฤกษ์ขยายตัวขึ้นไปอีกครั้งหนึ่ง

ท้องฟ้าที่มีแสงหม่นๆ นี้ปรากฏดวงดาวมากมายเข้ามาผสานกับธงศึกดาวฤกษ์อีกครั้งหนึ่ง

เย่หยวนโบกสะบัดธงนี้ออกมาทำให้เกิดคลื่นพลังที่รุนแรงมากกว่าเก่าพุ่งทะยานปะทะกับเหล่ายอดฝีมือเทพถ่องแท้ทั้งหลายนี้

‘ปัง! ปัง! ปัง!’

ฟ้าถล่มดินทลาย!

จีคัง หยางอี้เต่าและพวกถูกพลังอันแสนรุนแรงนี้ซัดจนกระเด็นลอยกลับไปไกล

แน่นอนว่าด้วยพลังที่รุนแรงปานนี้เย่หยวนเองก็ย่อมต้องได้รับผลกระทบด้วยไม่น้อย

แต่มันไม่ได้เป็นปัญหามากมาย เพราะตอนนี้ในสายตาของทุกผู้คนพวกเขาต่างมองดูเขาราวกับกำลังเจอตัวประหลาดอะไรสักอย่าง

นภาสวรรค์สามดาวที่มีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์อยู่กับตัว กลับสามารถเอาชนะยอดฝีมือเทพถ่องแท้เก้าดาวพร้อมกันถึงสองคนได้

นี่คือผลลัพธ์ที่ทำให้ผู้ได้พบเห็นต้องแทบหัวใจวายตาย!

“เป็นไปได้อย่างไรกัน? มันทำได้อย่างไร?”

“ต่อให้จะเป็นเทพถ่องแท้ขั้นต้นมันก็ไม่มีทางที่จะใช้สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์เอาชนะท่านจีคังหรือท่านหยางอี้เต่าทั้งหลายได้หรอกจริงหรือไม่?”

“ทุกคนต่างคิดว่าเย่หยวนนั้นเป็นหญ้าอ่อนเคี้ยวง่าย ใครจะไปคาดคิดว่าแท้จริงแล้วเขาจะเป็นหินที่แข็งราวกับเพชรเช่นนี้!”

พวกจีคังทั้งหลายต่างใช้พลังกดเก็บอาการบาดเจ็บภายในไว้ก่อนจะหันไปมองดูเย่หยวนอย่างตื่นตะลึง

พลังที่เย่หยวนแสดงออกมานี้มันเทียบระดับได้กับพวกเขาทั้งหลาย!

ไม่ มันน่าจะเหนือกว่าพวกเขาทั้งหลายไปขั้นหนึ่งเสียด้วยซ้ำ!

เพราะว่าเย่หยวนสามารถรับการโจมตีที่พวกเขาทั้งหลายร่วมมือกันโจมตีได้ด้วยตัวเอง!

นี่มัน… จะเป็นไปได้อย่างไร?

“ไหนพวกเจ้าทั้งหลายอวดอ้างตัวว่าเป็นยอดฝีมือ? บอกว่าผู้แข็งแกร่งนั้นถูกเสมอ? แล้วนี่หรือคือพลังของพวกเจ้า? มันก็แค่เท่านี้!” เย่หยวนกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเย้ยเหยียด

………………………..