บทที่ 667 องค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์ผู้ซื่อสัตย์ในคำสั่ง

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

เมื่อเห็นหลิงตู้ฉิงใช้วิชากรงเล็บเทวะกระชากวิญญาณกระชากวิญญาณของชิวไป๋หยู ออกจากร่างกายมาไว้ในมือ แววตาของหลิงฟ่างหัวก็สว่างขึ้นทันที

นางเองก็ได้รับการถ่ายทอดเคล็ดวิชานี้มาเช่นกัน แต่ระดับที่นางใช้มันได้นั้นยังห่างจากพ่อของนางแทบจะไม่เห็นฝุ่น

ในตอนนี้นางสามารถใช้มันโจมตีวิญญาณให้เสียหายได้เท่านั้น ไม่สามารถดึงวิญญาณทั้งดวงออกมาได้แบบนี้

ผลลัพธ์ของวิชากรงเล็บเทวะกระชากวิญญาณที่หลิงตู้ฉิงเพิ่งใช้ออกไป มันทำให้เหล่าผู้คนของภูเขาฟีนิกซ์ถึงกับขนลุกขนพอง

นี่มันวิชามารอะไรกัน ทำไมมันถึงได้โหดเหี้ยมแบบนี้?!

“ปล่อยผู้อาวุโสชิวเดี๋ยวนี้!” ผู้อาวุโสที่ยืนดูอยู่บางคนทนไม่ไหวเมื่อเห็นสภาพที่น่าสังเวชของชิวไป๋หยู

เมื่อพูดจบ เหล่าผู้อาวุโสที่ทนเห็นไม่ได้ก็ปล่อยอำนาจของเจตจำนงของตนเองเข้าใส่หลิงตู้ฉิงและกลุ่มคนของเขา

หลิงตู้ฉิงยิ้มและตะโกนขึ้นว่า “ผนึกเจตจำนง!”

เมื่อได้ยินคำสั่ง หนึ่งในเจตจำนงรูปปั้นฟีนิกซ์ก็ปรากฏขึ้นที่ข้างกายของหลิงตู้ฉิง และสร้างอาณาเขตต้องห้ามขึ้นมารอบ ๆ

หากใครอยู่ภายใต้อาณาเขตต้องห้ามที่ถูกสร้างขึ้นจะไม่สามารถใช้อำนาจเจตจำนงใด ๆ ของตัวเองได้รวมไปถึงไม่สามารถควบคุมกฎของโลกและสวรรค์ได้เลย

ในเวลาเดียวกัน หลิงตู้ฉิงมองไปที่เหล่าคนที่ลงมือโจมตีเขาเมื่อครู่ และพูดว่า “ในเมื่อพวกเจ้าใจร้อนกันนัก งั้นก็มาอยู่รวมกันตรงนี้มา!”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงใช้พลังของเจตจำนงรูปปั้นฟีนิกซ์เคลื่อนย้ายเหล่าผู้คนที่โจมตีเขาเมื่อสักครู่ให้มานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า

หลิงตู้ฉิงตั้งข้อสงสัยเอาไว้ว่าหากมีใครใจร้อนโจมตีเขาก่อน มันมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่คนเหล่านั้นน่าจะมีปัญหาเหมือนกับชิวไป๋หยู ดังนั้นเขาจึงรีบจับกุมคนเหล่านี้เอาไว้เพื่อรีดเค้นข้อมูลเพิ่มเติมในภายหลัง

แต่แล้วยังไม่ทันที่เขาจะได้ลงมือจับกุมคนมาครบทุกคน เขาก็ถูกหยุดเอาไว้โดยเฟิงเจียง และคนอีกกลุ่มหนึ่งของภูเขาฟีนิกซ์

เฟิงเจียงจ้องไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาเย็นชา “ปล่อยผู้อาวุโสชิวเดี๋ยวนี้!”

ขนฟีนิกซ์ตะโกนขึ้นเช่นกัน “ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร อันดับแรกเจ้าปล่อยผู้คนของพวกเราก่อน!”

หลิงตู้ฉิงกวาดตามองไปยังเหล่าผู้คนของภูเขาฟีนิกซ์ด้วยสีหน้าเย็นชา และพูดว่า “จุดประสงค์ที่ข้ามาที่นี่วันนี้ก็เพราะว่าข้าจะฆ่าคน! หากพวกเจ้าไม่อยากตายตามไปด้วยก็จงดูอยู่เฉย ๆ!”

เฟิงเจียงหัวเราะด้วยความโมโห “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกันถึงได้กล้าบังอาจประกาศว่าจะฆ่าคนของเราแบบนี้? องค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ไหนกัน? รีบมาที่นี่เพื่อฆ่าไอ้สารเลวผู้นี้สักที!”

บรรดาผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ตะโกนขึ้นเช่นกัน “องค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์รีบมาฆ่าไอ้เวรนี่เร็ว ๆ!”

ในเวลานี้ผู้อาวุโสหลายคนร่วมกันลงนามในใบบงการทัพและจากนั้นไม่นานองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์จำนวน 10,000 นายก็ปรากฏตัวขึ้น

เมื่อองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์ปรากฏกาย พวกเขาก็ใช้ค่ายกลรบของตัวเองทันที ซึ่งมันก็คือการรวมร่างพวกเขาให้กลายเป็นฟีนิกซ์ยักษ์

แต่ว่าก่อนที่องค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์จะทันได้โจมตี หลิงตู้ฉิงก็เขวี้ยงใบบงการทัพของเขาไปหาองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์และสั่งขึ้นว่า “ถอยไป!”

ผู้นำองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์รับใบบงการทัพที่หลิงตู้ฉิงเขวี้ยงมาตรวจสอบทันที จากนั้นเพียงครู่เดียวเขาตะโกนขึ้นเสียงดังชัดเจน “รับทราบ!”

องค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์พากันหยุดท่าทีคุกคามหลิงตู้ฉิง และหันไปหาเหล่าฝูงชนที่อยู่รอบ ๆ และแสดงท่าทีข่มเหล่าผู้คนของภูเขาฟีนิกซ์แทน

ทางด้านของเหล่าผู้คนของฟีนิกซ์ที่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ก็พากันตกตะลึง

ชายคนนี้เป็นใครกัน? ทำไมเขาถึงมีอำนาจสั่งการกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของภูเขาฟีนิกซ์ของพวกเขาได้?

“ผู้บัญชาการเฟิงซิน นี่ท่านกำลังทำอะไรกัน ทำไมท่านถึงไม่ทำตามคำสั่งใบบงการทัพของพวกเรา!?” เฟิงเจียงเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเดือดดาล “ชายผู้นั้นคือภัยร้ายแรงของภูเขาฟีนิกซ์ เขาฆ่าตัวตนระดับอาวุโสของพวกเราไปแล้วแถมยังล่วงรู้ความลับต้องห้ามของพวกเราอีกต่างหาก หากไม่ฆ่าเขาในตอนนี้ เขาจะกลายเป็นหายนะอันใหญ่หลวงของภูเขาฟีนิกซ์ของเรา!”

เฟิงซินมองไปที่เฟิงเจียง และตอบว่า “องค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์ปฏิบัติตามคำสั่งในใบบงการทัพเท่านั้น พวกเราไม่รับคำสั่งจากคำพูดของบุคคลไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม นี่คือกฎเหล็กของพวกเรา!”

เมื่อเฟิงเจียงได้รับคำตอบกลับเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็กลายเป็นน่าเกลียดทันที อันที่จริงเขารู้อยู่เต็มอกอยู่แล้วว่าองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์จะไม่ฟังคำสั่งปากเปล่าของเขาต่อให้สิ่งที่เขาพูดไปมันจะมีเหตุผลสักแค่ไหน

ก่อนหน้านี้ก็รอบหนึ่งแล้วที่เมืองขนนกอัคคีที่หลิงตู้ฉิงใช้ใบบงการทัพไล่องค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์กลับมา ซึ่งเอาแค่ตอนนั้นเขาก็ยังข้องใจไม่หายว่ามันเป็นไปได้ยังไง

แล้วพอมาตอนนี้ใบบงการทัพที่เขาและคนอื่น ๆ ใช้ในการเรียกองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์ 10,000 นายออกมามันเป็นใบบงการทัพที่มีรายชื่อของผู้อาวุโสหลายคนร่วมกันลงชื่อ ซึ่งแน่นอนว่ามันจะต้องอยู่ในระดับอำนาจสั่งการที่สูงกว่าของเขาอันที่เคยออกไปตอนที่ส่งองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์ไปยังเมืองขนนกอัคคีหลายเท่าตัว แต่ทำไมใบบงการทัพของหลิงตู้ฉิงมันกลับมีอำนาจสูงกว่าของเขาอีกแล้ว?

ในเวลานี้ เหล่าผู้คนของภูเขาฟีนิกซ์ต่างมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาตกตะลึง ตอนแรกก็เจตจำนงของรูปปั้นฟีนิกซ์มาตอนนี้กลับเป็นใบบงการทัพที่มีระดับอำนาจเหนือกว่าของผู้อาวุโสหลายคนร่วมกันลงชื่อ?

ชายคนนี้เป็นใครกัน?

เฟิงเจียงจ้องไปที่เฟิงซินด้วยสายตาเดือดดาล เนื่องจากเขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถทำอะไรได้กับเหล่าองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์ที่หัวแข็งพวกนี้

เมื่อเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ เขาจึงทำได้แต่หันไปหาเหล่าผู้อาวุโสที่อยู่รอบ ๆ กายเขาและตะโกนว่า “พวกท่านจะทนดูเรื่องนี้กันไปอีกนานแค่ไหน? พวกท่านจะทนให้ไอ้คนผู้นี้มันหยามน้ำหน้าพวกเราแบบนี้ต่อไปอีกงั้นเหรอ? ไม่ว่ามันจะเป็นใคร พวกเราจะต้องจัดการมันเดี๋ยวนี้!”

เมื่อเฟิงเจียงตะโกนเสร็จ ร่างของคนผู้หนึ่งที่อยู่ในกลุ่มผู้อาวุโสก็เดินออกมาและพูดว่า “ข้าเห็นด้วยกับคำพูดของเฟิงเจียง ต่อให้เขาเป็นผู้อาวุโสของภูเขาฟีนิกซ์เราที่กลับชาติมาเกิดแต่เขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้มาดูหมิ่นพวกเราแบบนี้ ในยุคปัจจุบันนี้มันคือยุคของพวกเรา ตัวตนเก่าแก่แบบเขาไม่มีอำนาจอะไรอีกแล้ว ดังนั้นการสั่งสอนเขาโดยการจัดการกับเขาจึงเหมาะสมที่สุด!”

บรรดาผู้คนต่างหันไปมองยังผู้พูด ซึ่งพวกเขาก็เห็นว่าเป็นชายชราผู้หนึ่งที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี

พวกเขารีบโค้งคำนับและพูดอย่างพร้อมเพรียงกัน “พวกเราขอคารวะบรรพบุรุษเฟิงหลิง!”

ทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็มองไปที่เฟิงหลิงด้วยรอยยิ้มเย็นชา ผู้ที่มีความคิดแบบนี้ยังอาศัยอยู่ในภูเขาฟีนิกซ์ได้ยังไง?

ไม่เพียงแค่ไม่ถูกประหาร แต่กลับสามารถไต่เต้าขึ้นมาเป็นบรรพบุรุษได้อีกต่างหากงั้นเหรอ?

ในตอนนี้หลิงตู้ฉิงเริ่มอยากจะรู้ข้อมูลเพิ่มอีกอย่างว่ายังมีตัวตนที่น่ารังเกียจแบบนี้หลงเหลืออยู่ในภูเขาฟีนิกซ์อีกกี่คน?

เมื่อได้ยินเฟิงหลิงพูดขึ้นมาแบบนี้ บรรดาผู้อาวุโสของภูเขาฟีนิกซ์ก็เริ่มลงชื่อในใบบงการทัพกันอีกครั้ง ซึ่งรอบนี้พวกเขาลงชื่อกันเยอะกว่าเดิม

แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังลงชื่อกัน มันก็ยังมีบางคนที่เอ่ยขึ้นคัดค้าน “ท่านบรรพบุรุษ ข้าคิดว่าเรื่องนี้มันมีหลายอย่างที่แปลก ๆ อยู่ ไม่ใช่ว่าพวกเราควรสืบหาข้อเท็จจริงก่อนงั้นเหรอ? และท่านเป็นใครกัน? ท่านช่วยปล่อยผู้อาวุโสชิวก่อนจะได้ไหม? ไม่ว่าจะยังไงผู้อาวุโสชิวก็เป็นหนึ่งในพวกเดียวกับเรา ซึ่งจากที่ข้าดูแล้วท่านก็เป็นพวกเดียวกับพวกเราจริงไหม?”

ก่อนที่หลิงตู้ฉิงจะทันได้ตอบอะไรกลับไป เฟิงหลิงพูดขึ้นก่อนว่า “ต่อให้เรื่องต่าง ๆ มันจะน่าสงสัย แต่อันดับแรกพวกเราควรจะจับคนเหล่านี้เอาไว้ก่อน! ไม่มีผู้ใดที่ดูหมิ่นเกียรติของพวกเราภูเขาฟีนิกซ์แล้วจะไม่ต้องชดใช้!”

ผู้ที่เอ่ยคัดค้านขึ้นเมื่อครู่เงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นเขาพูดขึ้นว่า “ข้ายังคงยืนยันในความเห็นของข้า หากท่านบรรพบุรุษต้องการจะลงมือจริง ๆ ข้าก็ขอทำตามความเห็นของข้าก็แล้วกัน”

ความหมายในคำพูดของเขาก็คือ เขาขอไม่มีส่วนร่วมกับการลงชื่อในใบบงการทัพ

เมื่อเวลาผ่านไปได้สักพักหนึ่ง ใบบงการทัพก็มีเหล่าผู้อาวุโสถึง 8 ส่วนที่อยู่ที่นี่ลงชื่อ

เมื่อเฟิงหลิงเห็นเช่นนี้เขาก็ไม่ได้บังคับอะไรกับเหล่าผู้อาวุโสอีก 2 ส่วนที่เหลือให้ลงชื่อ เนื่องจากเขาแน่ใจแล้วว่ารายชื่อเยอะระดับนี้มันน่าจะมากพอที่จะทำให้ใบบงการทัพของพวกเขามีอำนาจสั่งการเหนือกว่าของหลิงตู้ฉิง!

เฟิงเจียงเป็นผู้ที่นำใบบงการทัพอันใหม่ไปให้กับเฟิงซินเองกับมือ และถามขึ้นว่า “เป็นไงแค่นี้พอรึยัง?”

เฟิงซินมองดูมันเพียงครู่เดียวและพูดเสียงดังว่า “ใบบงการทัพของเจ้ายังไม่มีอำนาจเพียงพอ!”